มหัศจรรย์เดินป่าหน้าฝน ณ ภูหินร่องกล้า ความสวยงามของป่าที่ประเมินค่าไม่ได้ !!
เมื่อช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาแอดมินได้มีโอกาสเดินทางไปเที่ยว อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก
ที่นี่เป็นแหล่งกำเนิดของประวัติศาสตร์การ สู้รบอันยาวนานเป็นวีรกรรมของนักรบไทย ความขัดแย้งของลัทธิและแนวความคิดที่นำไปสู่ความสูญเสียเลือด ชีวิตและน้ำตา
มีเนื้อที่ประมาณ 191,875 ไร่ หรือ 307 ตารางกิโลเมตร แต่ในปัจจุบันพื้นที่ทางประวัติศาสตร์ผืนนี้ได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่งดงามและทรงคุณค่าอย่างมาก
ยิ่งโดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนแบบนี้หลาย ๆ คนคงคิดว่าการเดินป่าหน้าฝน เป็นสิ่งที่อันตรายแต่จริง ๆ แล้ว ป่าจะสวยงามและเขียวขจีที่สุดในช่วงหน้าฝนนี่เอง
ซึ่งสิ่งที่เราได้เห็นกันในการมาเยือนภูหินร่องกล้าช่วงหน้าฝนแห่งนี้ก็ไม่ทำให้เราผิดหวังจริง ๆ ที่ได้มาเดินชมธรรมชาติที่นี่จริง ๆ
ก่อนเดินเท้าเข้าสู่เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาตินั้น พี่เจ้าหน้าที่บอกกับเราว่าในช่วงนี้ดอกไม้ภายในภูหินร่องกล้าจะเบ่งบานเป็นพิเศษรอคอยต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคนที่มาเยือน
อีกทั้งหากโชคดีฝนไม่ตกลงมาเราอาจจะได้เห็นทะเลหมอกแบบจัดเต็ม ณ จุดชมวิวอีกด้วย พอได้ฟังพี่เจ้าหน้าที่พูดอดรีนาลีนของเราก็หลั่งทันที เพราะอดใจแทบไม่ไหวที่จะไปชมธรรมชาติอันงดงาม
เราจึีงไม่รอช้าเดินตามพี่เจ้าหน้าที่เข้าไปยังผืนป่าของภูหินร่องกล้า ช่วงแรกของการเดินเท้าจะเป็นลานหินไต่ระดับขึ้นไปสลับกับป่าไม้เป็นระยะ ๆ
ระหว่างทางนั้นเราได้เห็นดอกไม้ชื่อแปลกไม่คุ้นหูสีสันสดใสมากมายตลอดสองข้างทาง พี่เจ้าหน้าที่จะคอยแนะนำเราตลอดว่าดอกไม้นี้ชื่อว่าอะไร
และพอเดินมาสักพักเราก็ได้พบกับความมหัศจรรย์แห่งภูหินร่องกล้า ดอกไม้ที่ถือว่าเป็นไฮไลท์แห่งช่วงหน้าฝน นั่นก็คือต้นบีโกเนีย ต้นไม้นี่พิเศษอย่างไร ?
ต้องมาลองมองย้อนไปจากด้านล่างขึ้นไปยังใบของต้นบีโกเนีย เราจะได้เห็นเส้นใยของใบเป็นสีแดงอมส้มสลับกับสีของใบบีโกเนียเป็นภาพที่งดงามจนเราเผลอหยิบกล้องขึ้นมารัวชัตเตอร์กันแบบลืมตัวเลย
หลังจากเก็บรูปภาพใบบีโกเนียกันจนหนำใจแล้ว เราจึงเดินเท้าไปตามเส้นทางแห่งผืนป่าต่อ ผ่านหลุมหลบภัยทางอากาศในสมัยสงคราม และในที่สุดเราก็เดินมาถึงอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่สำคัญของที่นี่
"ผาชูธง" ที่นี่ถือเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ที่สำคัญในการประกาศชัยชนะปักธงคอมมิวนิสต์ไว้ ณ ที่แห่งนี้ของ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็นธงชาติไทยแทน
บริเวณรอบ ๆ ผาชูธงเป็นจุดชมวิวอันสวยงาม ซึ่งในตอนที่เราไปถึง หมอกกำลังเคลื่อนตัวผ่านจุดชมวิว ไปอย่างช้า ๆ เป็นแบล็คกราวด์ให้กับผาชูธงได้อย่างลงตัวพอดี
หลังจากออกจากผาชูธง เราก็มาถึงจุดชมวิวไฮไลท์ที่สำคัญของเรา นั่นก็คือผาหินปุ่มนั่นเอง ตลอดการเดินเท้าเข้ามาที่ภูหินร่องกล้าแห่งนี้ แอดมินยอมรับเลยว่าชอบลานหินปุ่มที่สุด
เนื่องจากว่ามันได้เกิดช่วงเวลาพิเศษต่อหน้าพวกเรา เมื่อหมอกหนา ๆ ที่เราเห็นอยู่เบื้องหน้า ใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่นาที่ค่อย ๆ ไหลขึ้นมาปกคลุมตัวพวกเราและลานหินปุ่มจนรอบบริเวณลานหินปุ่มกลายเป็นสีขาวโพลน
ราวกับว่าบนลานหินปุ่มนี้คือสรวงสวรรค์อย่างไงอย่างงั้นเลย ประทับใจมาก ๆ เป็นประสบการณ์ครั้งแรกของแอดมินที่ได้มาพบเจอปรากฏการณ์เช่นนี้
เราซึมซับความงดงามและเก็บความทรงจำดี ๆ จนอิ่มเอมกันแล้ว จึงได้เวลาเดินเท้าออกจากภูหินร่องกล้า ซึ่งความงดงามของธรรมชาติยังไม่จบแค่นี้
ตลอดสองข้างที่เรากำลังเดินทางกลับนั้น สายหมอกได้ค่อย ๆ ไหลผ่านผืนป่าสีเขียวขจีตามหลังเรามาเรื่อย ๆ เช่นกัน เปรียบกับว่าเหล่าสายหมอกนี้จะมาส่งเราออกจากภูหินร่องกล้าแห่งนี้จริง ๆ
และที่สำคัญเมื่อหมอกลงกลางป่า เราจึงได้ภาพป่าฝนอันงดงามเก็บไว้เป็นความทรงจำแสนพิเศษอีกด้วย ถือว่าคุ้มค่ามาก ๆ ในการได้มาผจญภัยที่นี่ ถือเป็นทริปมหัศจรรย์แห่งการเดินป่าหน้าฝนจริง ๆ
อัลบั้มภาพ 21 ภาพ