หอมกรุ่นกลิ่นดอกไม้ยามค่ำคืนไปกับดินเนอร์สุดตระการตา ณ พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้

หอมกรุ่นกลิ่นดอกไม้ยามค่ำคืนไปกับดินเนอร์สุดตระการตา ณ พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้

หอมกรุ่นกลิ่นดอกไม้ยามค่ำคืนไปกับดินเนอร์สุดตระการตา ณ พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ได้เวลากลับมาเช็คอินย่านสามเสนกันแล้ว เพราะพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้ ได้เพิ่มเมนูดินเนอร์ให้คุณแวะมาพักผ่อนกันได้แบบเช้าจรดค่ำ วันนี้เราเลยมาชวนชาว สนุก! มาชมสวนรับอากาศดี ๆ พร้อมจิมชา และทานมื้อเย็นสุดพิเศษจากดอกไม้ที่สามารถหาทานได้เฉพาะที่นี่กัน!


พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้ตั้งอยู่บนพื้นที่ไม่กว้างมากนัก แต่ก็อัดแน่นไปด้วยความน่าตื่นตาตื่นใจและบรรยากาศผ่อนคลายเอาไว้ภายใน ให้ทุกคนได้มานั่งพักผ่อนกัน โดยทางเจ้าของ คุณสกุล อินทกุล ผู้เป็นนักจัดดอกไม้ชื่อดังระดับโลก เป็นผู้ดูแลและนำเอาประสบการณ์ในการจัดดอกไม้ทั้งในและต่างประเทศมาตกแต่งให้ที่นี่ร่มรื่นและสวยงาม




ซึ่งถ้าใครที่แวะมาในช่วงกลางวัน ก็เริ่มจากเช็คอินกันที่โซนคาเฟ่ Salon De The’ ในตัวอาคารบ้านไม้สักโบราณอายุกว่า 100 ปี ที่มีการจัดแสดงวัฒนธรรมเกี่ยวกับดอกไม้ไว้ทั้ง 2 ชั้น สามารถชมนิทรรศการภายใน แล้วนั่งจิบชาพร้อมทานขนมไทยในภายหลังก็ได้


ส่วนสายงานคราฟต์ทั้งหลายจะต้องตื่นเต้นแน่นอน เพราะทางพิพิธภัณฑ์มีเวิร์คช็อป จัดสอนหลักสูตรประกาศนียบัตรงานดอกไม้ขั้นพื้นฐานตามแต่ฤดูกาลของดอกไม้จะเหมาะสม อาทิ การสอนประดิษฐ์เครื่องแขวน พุ่ม มาลัย บายศรี และกระทง ในบรรยากาศท่ามกลางสวนร่มรื่นหน้าบ้านทรงไทยโบราณ โดยมีเปิดสอนเป็นบางเดือนเท่านั้น ขึ้นอยู่กับฤดูกาลของดอกไม้ที่ใช้จัดสอน โดยสามารถเช็ครายละเอียดได้ทาง Facebook Page ของพิพิธภัณฑ์กันได้


สำหรับไฮไลท์การมาเยือนพิพิธภัณฑ์ครั้งนี้ไม่ได้มีแค่การเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ นั่งจิบชาและเวิร์คช็อปท่ามกลางสวนเท่านั้น เพราะตอนนี้ทางพิพิธภัณฑ์มีบริการมื้อค่ำสุดพิเศษแบบที่หาที่ไหนไม่ได้ในกรุงเทพฯ เพราะจะนำดอกไม้มาเป็นส่วนผสมทุก ๆ จานได้อย่างลงตัวเป็นทั้งอาหารตาและอาหารปากครบทุกอรรถรสจริง ๆ ซึ่งจะถูกเสิร์ฟในห้องอาหารบรรยากาศสุดโรแมนติก ภายใต้ชื่อ “Midnight Moon”


โดยมื้อค่ำนี้มาพร้อมกับอาหาร 7 คอร์ส ซึ่งประกอบด้วยของคาว 5 คอร์ส ของหวาน 1 คอร์ส และชาร้อน ๆ ปิดท้าย ซึ่งเมนูที่เราได้ลองในครั้งนี้ เริ่มต้นด้วย เต้าหู้มิโสะย่างบนใบจำปา ที่คุณสกุลได้แรงบันดาลในการครีเอทมาจากเต้าหู้ย่างใบแมกโนเลียที่เคยได้ทานที่ทาคายาม่า ประเทศญี่ปุ่น นำมาประยุกต์โดยใช้จำปาเป็นดอกไม้หลักในการเพิ่มกลิ่นหอม พร้อมท็อปด้วยขมิ้นขาวที่ทางร้านดองเองไว้ด้านบน และวางดอกจำปาไว้ด้านข้าง ให้สูดกลิ่นของดอกไม้และอาหารพร้อมกันก่อนลิ้มรสชาติ


ต่อด้วย Mumbai Masala Mango & Marigold ที่จัดเสิร์ฟแบบอลังการบนถาดที่รองด้วยดอกดาวเรือง ซึ่งเป็นจานที่แฝงความเป็นอินเดียได้อย่างสอดคล้องกับความเชื่อของชาวอินเดียที่ยกให้ดอกดาวเรืองและผลไม้อย่างมะม่วงเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นสิริมงคล โดยจานนี้มีความจัดจ้านทั้งพรีเซนเทชั่นและรสชาติของยำเนื้อมะม่วงสุกรสคล้ายยำมะม่วงแบบไทย ๆ แต่เพิ่มรสสัมผัสแปลกใหม่ด้วยผงเครื่องเทศมาซาล่า (Masala) ทานกับผักสลัด


แล้วมาต่อกันที่ซุปตะไคร้ร้อน ๆ รสชาติกลมกล่อมให้ซดร้อน ๆ ที่ใส่กุ้งตัวใหญ่เนื้อไม่กระด้าง เห็ด และดอกชมจันทร์ เป็นอีกจานที่เราประทับใจด้วยความกลมกล่อมของรสชาติที่ลงตัว แถมยังได้รสชาติที่ครบถ้วนไม่กลืนกัน


ซดน้ำซุปกันคล่องคอแล้ว จานต่อไปเป็นสลัดเมืองหลวง ซึ่งจะคล้าย ๆ กับสลัดหลวงพระบางของลาวที่น้ำสลัดมีส่วนผสมของไข่แดงและถั่วลิสงบดหยาบ ๆ ส่วนผักสลัดนั้น คุณสกุลเลือกใส่ผักสมุนไพรไทย ๆ มาผสมผสานคู่กัน อาทิ โหระพา ผักชีใบเลื่อย สะระแหน่ ต้นหอม ตัดเลี่ยนด้วยแผ่นข้าวตังกรุบกรอบ ทำให้ทานได้หมดจานแบบไม่มีความฉุนเลย


มาถึงจานสุดท้ายสำหรับคอร์สของคาว เป็นจานใหญ่ที่ใช้เนื้อไก่ย่างพอเกรียม ทานคู่กับข้าวสวยสีฟ้าจากน้ำดอกอัญชัญ และซอสมัสตาร์ดกับเนื้อมะม่วงสุก พร้อมผักสด เข้ากันดีทั้งรสชาติและการจับคู่สีของอาหารได้อย่างน่ารักไม่เบา



ไฮไลท์ของมื้อนี้ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือทัวร์ชมสวนรับกลิ่นดอกไม้ยามค่ำคืนก่อนปิดท้ายด้วยของหวานและชารสดี ซึ่งใครโชคดีมีโอกาสที่คุณสกุลผู้เป็นเจ้าของจะมาพาทัวร์ด้วยตัวเองเลยทีเดียว เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์แปลกใหม่ที่เราจะได้กลิ่นหอม ๆ ของดอกไม้ พักผ่อนหย่อนใจในสวนยามค่ำคืน เดินเล่นริมศาลาและสระเล็ก ๆ ได้อย่างสบายใจ


ทัวร์เสร็จแล้วกลับมาปิดท้ายมื้อให้สมบูรณ์แบบด้วยซอร์เบตชากลีบกุหลาบหอม ๆ ที่คุณสกุลได้จากเมืองพุชการ์ (Pushkar) ประเทศอินเดีย แถมเพิ่มเท็กซ์เจอร์ด้วยกลีบดอกกุหลาบสดที่ได้จากในสวนของพิพิธภัณฑ์เอง ก่อนล้างปากและผ่อนคลายด้วยชาอู่หลงและดอกหอมหมื่นลี้ร้อน ๆ ซึ่งปิดท้ายได้แบบไร้ที่ติ

ใครที่อยากจะมาลองมื้อค่ำสุดพิเศษที่นี่ ทาง Midnight Moon เปิดบริการทุกวันศุกร์-อาทิตย์ ในราคาท่านละ 1,450 บาท เราแนะนำให้โทรมาสำรองที่นั่งล่วงหน้าสักประมาณ 1 สัปดาห์จะได้ไม่เสียเที่ยว

รายละเอียดร้าน: http://www.ipick.com/bangkok/restaurant/30014247

ตามไปพิสูจน์ความอร่อยกันได้แล้ววันนี้ หรืออัพเดทความอร่อยอีกมากมายจาก iPick  ได้ทาง Facebook Page และทาง Instagram @ipickth

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook