DONUT Manatsanun : เพราะบางครั้ง ก็ต้องการมุมส่วนตัว

DONUT Manatsanun : เพราะบางครั้ง ก็ต้องการมุมส่วนตัว

DONUT Manatsanun : เพราะบางครั้ง ก็ต้องการมุมส่วนตัว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

INTERVIEW NO.96

Story : KronSiri |Photo : Passaporn T.

“โดนัท มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล”เธอผู้สั่งสมประสบการณ์จากวงการบันเทิงมากว่า15ปีในที่สุดก็ผันตัวมาเป็นผู้กำกับแล้วก็ทำได้ดีเสียด้วยเรียกว่าชีวิตอยู่ท่ามกลางผู้คนและวงการบันเทิงมาตลอดนอกจากจะไฟแรงเว่อร์เรื่องการทำงานแล้วสำหรับเรื่องการใช้ชีวิตส่วนตัวบอกได้เลยว่าค่อนข้างสวนทางกันเอามากๆเพราะเธอมีโลกส่วนตั๊วส่วนตัวสูงชอบอยู่เงียบๆและแอบไม่ชินกับการอยู่ท่ามกลางผู้คนเยอะๆตลอดเวลาจึงไม่แปลกที่จะชอบหาพื้นที่ที่อยู่แล้วรู้สึกสบายหนึ่งในวิธีการหลายอย่างนั่นก็คือการออกเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวนั่นเอง

>> การเดินทางในแบบฉบับของโดนัท

โดนัทเป็นคนชอบเดินทาง แต่ช่วงสองปีนี้ไม่ค่อยได้ไปไหนเลยมัวแต่ถ่ายละคร ส่วนสไตล์การท่องเที่ยวก็ขึ้นอยู่กับว่าอยู่ในมูดไหน  ไปกับใคร  ถ้าชอบสุดคือการไปคนเดียว เพราะรู้สึกว่าโลกที่โดนัททํางานมีผู้คนเยอะมาก เจอคนไม่ซ้ำหน้ากันเลย บางทีก็ไม่ได้เป็นตัวของตัวเองตลอด เวลาที่เดินทางคนเดียวเหมือนว่าเราอยากทํา อยากไปไหน อยากเป็นอะไรก็ได้ อยากตื่นตอนไหนก็ตื่น เลยชอบที่จะไปคนเดียวมากกว่า ซึ่งปกติจะวางแพลนเที่ยวไว้หลวมๆ

>> สิ่งที่ถือว่าขาดไม่ได้ในการไปท่องเที่ยว

กล้องถ่ายรูปค่ะ เมื่อก่อนจะพก 4-5 อัน ทั้งกล้องแบบถ่ายแล้วทิ้ง กล้องโลโม่ กล้องดิจิตอล และโทรศัพท์ที่ถ่ายภาพได้ แต่เดี๋ยวนี้พอโดนัทเจอกล้องที่ชอบก็จะพกแค่กล้องถ่ายรูปกับเลนส์ดีๆ อย่างเดียว แค่มีกล้องถ่ายรูปที่เหมาะกับเราหนึ่งอันก็เป็นอันใช้ได้  หลังจากนั้นถ่ายเสร็จอยากให้เป็นโลโม่ชนิดไหนก็ทําได้หมดแล้ว  บวกกับโดนัทชอบถ่ายวีดีโอก็ต้องพกกล้องถ่ายรูปดีๆ

>> มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ลืมไม่ลง จนถ้ามีโอกาสก็อยากกลับไปอีกครั้งมั้ย

เคยเป็นนะที่รู้สึกอยากกลับไปอีกเพราะสนุก แต่พอกลับมาแล้วจุดหนึ่งก็รู้สึกว่าไปที่อื่นไหม  โดนัทชอบเวลาที่ไปไหนคนเดียวนานๆ จะแฮปปี้มาก การเดินทางของโดนัทคนอื่นไม่ควรเลียนแบบ เพราะทริปจะไม่ค่อยเมคเซ็นส์ เช่น มีทริปหนึ่งไปแฟรงก์เฟิร์ตแล้วก็บินมาหาเพื่อนที่เวียนนาเพราะว่าเป็นวันเกิดตัวเอง (หัวเราะ) อยู่เวียนนากับเพื่อนได้สองสามวัน ก็บินเข้าฝรั่งเศส แล้วต่อไปอัมสเตอร์ดัมอีกหนึ่งอาทิตย์ ไม่ทําอะไรเลย แค่นอนเล่น ฟังเพลง ดูหนัง และเดินเล่น แล้วก็ไปอาหารเป็นพิษอยู่บนรถไฟคนเดียวตอนนั่งรถมาบรัสเซลส์ กระเป๋าเดินทางก็ใบใหญ่มาก อาเจียนอย่างเดียวจนพนักงานเข้ามาดู หลังจากนั้นก็มาต่อเครื่องกลับบ้านจากมิวนิค สนุกมาก ในมิวนิคก็จองอพาร์ทเมนท์ไว้แล้วไปเที่ยวมิวเซียม ไปปราสาท ลองทําอะไรที่ไม่เคยทําคนเดียวอย่างซื้อทัวร์ไปร่วมสนุกกับฝรั่ง เป็นทริปที่บินไปบินมาเหมือนแอร์เลย ไม่รู้มาเที่ยวหรือมาทําาอะไรกันแน่ จะเป็นคนสบายมาก ไม่ค่อยมีแบบแผนอะไรในชีวิต อยากไปไหนก็ไป

ความสุขของการเดินทางคือการอยู่เฉยๆ เพราะมันคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่เราจะได้หยุดจากทุกอย่าง ทุกคน ทุกโลก แล้วได้อยู่เฉยๆ ได้ไปเที่ยวอะไรแบบนี้ โดนัทไม่ได้เป็นที่เช้ามาจะต้องทำอันนี้ๆ ไม่ การเดินทางของโดนัทคือการไปอยู่ที่อื่น อยู่เฉยๆ ทำอะไรช้าๆ แล้วเราจะใจเย็นลงเวลาได้ไปเดินทาง 

>> ในการท่องเที่ยวแต่ละครั้งมันสอนอะไรบ้าง

มีทริปหนึ่งได้ลองทําอะไรที่ไม่เคยทําา  คือโดนัทไปแชร์อพาร์ทเมนท์ของคนอื่น ได้เพื่อนใหม่ๆ หลายคนหลายอาชีพ เป็นสิ่งที่รู้สึกสนุก มันไม่สามารถหาได้จากการทํางาน ตอนเด็กๆ กว่านี้เคยคิดว่าการเดินทางทําให้เรารู้จักตัวเอง แต่จริงๆมันไม่ใช่หรอก อย่าไปตามหาความหมายชีวิตจากการเดินทางเลยมันไม่มี ไม่มีทางเข้าใจหรอก การที่เราเข้าใจอะไรมากขึ้นเพราะเราโตขึ้นต่างหาก  การเดินทางทําให้เราเห็นอะไรมากขึ้นเท่านั้น ได้เข้าใจว่าโลกนี้มันใหญ่กว่านั้น ความหมายของชีวิตมันเกิดขึ้นตอนที่เราโตขึ้น การเดินทางมันทําาให้เราโตขึ้น การที่ได้ไปเจอคน เจอโลกใหม่ ทําาให้โลกทัศน์เปิด เป็นประสบการณ์ชีวิตอย่างหนึ่ง

>> แล้วการแบ่งเวลาระหว่างงานกับการหยุดพักล่ะ

แต่ก่อนแบ่งไม่ได้อะไรๆ ก็จะหยุด พอโตขึ้นหน่อยรู้สึกว่ามันรอได้ เวลาที่รอแล้วไปเที่ยวทีเดียวเหมือนได้ชาร์จพลังเต็มกว่า เวลาแรงบันดาลใจหมดก็อยากหยุด อยากไปทําาอะไรที่ไม่เคยทํา อยากไปที่ไม่เคยไป เจอคนที่ไม่เคยเจอ

>> ใช้การเดินทางเป็นแรงบันดาลใจ

มันเกิดขึ้นตลอดค่ะ โดนัทชอบเวลาที่ได้แชร์เรื่องการเดินทางกับคนอื่น โดยเฉพาะกับผู้หญิง เพราะสําาหรับผู้หญิงจะเดินทางอย่างไรคนเดียว จะต้องทําอะไรบ้าง ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ได้ยากแค่เก็บกระเป๋ากับเสื้อผ้า

>> ความที่เป็นผู้หญิงเดินทางคนเดียวมีอะไรที่ต้องเตรียมตัวเป็นพิเศษไหม

ไม่ทําตัวเสี่ยงมาก จะไม่เซอร์ถึงขั้นอยู่โฮสเทล ไม่ใช้ของที่ล่อแหลมหรืออยู่ข้างนอกจนถึงตี 5 ค่อนข้างระวังตัว หรืออาจทิ้งตัวบางวันที่เจอเพื่อน เวลาเดินเที่ยวเมืองนอกโดนัทจะมีถุงย่ามของตัวเองใบหนึ่งที่ใส่กระเป๋าสตางค์ พาสปอร์ต นู้นนี่นั่นให้ดูไม่อะไรมาก

>> เห็นว่าเคยเขียนหนังสือ The Other Side of The World จากทุกมุมโลก

เริ่มจากเขียนแล้วส่งให้พี่บก.อ่าน  พอเห็นดูเข้าท่า  โดนัทก็เขียนไปเรื่อยๆ สลับกับ บก. คอยบังคับให้เขียนคอลัมน์จนเสร็จ รวมเป็นเล่ม ซึ่งหนังสือท่องเที่ยวของโดนัทจะไม่เป็นแบบไกด์บุ๊ค เอไปบีไปซี แต่จะเป็นเหมือนเพื่อนไว้ให้อ่านเวลาเดินทางมากกว่า และตอนนี้ตั้งใจว่าจะรวบรวมสิ่งที่เขียนไว้ให้เป็นเล่มสอง ซึ่งเป็นหนังสือเกี่ยวกับแนวท่องเที่ยวเหมือนเดิมค่ะ

>> ความสุขของการเดินทางอยู่ที่อะไร

ความสุขของการเดินทางคือการอยู่เฉยๆ  เพราะมันคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่เราจะได้หยุดจากทุกอย่าง ทุกคน ทุกโลก แล้วได้อยู่เฉยๆ ได้ไปเที่ยวอะไรแบบนี้ โดนัทไม่ได้เป็นคนที่เช้ามาจะต้องทําาอันนี้ๆ ไม่ การเดินทางของโดนัทคือการไปอยู่ที่อื่น อยู่เฉยๆ ทําาอะไรช้าๆ แล้วเราจะใจเย็นลงเวลาได้ไปเดินทาง

>> ลุยๆ ได้เลยใช่ไหม 

โดนัทไม่ได้ลุยอะไรมาก ขึ้นอยู่กับว่าไปไหน เอาความสะดวกเป็นหลักมากกว่า  อย่างที่บอกเราจะอดทนเพื่อทริปๆ  หนึ่งที่เรารู้สึกว่าอยากจะให้มันมีความหมายดีที่สุด เราจะไม่ใช่คนที่เปิดกระเป๋ามาแล้วเจอมาม่า 3 แพ็ค เพราะรู้สึกว่าเราไปกินในสิ่งที่ไม่เคยกิน ไปลองทําสิ่งที่ไม่เคยทําา สามารถเอาเสื้อผ้าไปแล้วก็ซื้อของใหม่แล้วโยนของเก่าทิ้งได้ โดนัทเป็นคนไม่ยึดติด ออกแนวอยากไปทําาอยากไปเจอ หลังๆ ไม่ค่อยบันทึกด้วยจะถ่ายรูปแทน  และจดเป็น Short Note  จะไม่เขียนไดอารี เพราะอยากสัมผัสความรู้สึก ณ ตรงนั้นให้เต็มอิ่มมากกว่า

>> ก็อยากมีเวลาเป็นส่วนตัวบ้าง

จริงๆ โดนัทเป็นคนง่ายมาก ให้นอนอยู่ตรงนี้เฉยๆ ทั้งวันแล้วดูหนังก็แฮปปี้ ไม่ได้จําากัดว่าต้องไปไหน ถ้ารู้สึกว่าไปเมืองนอกได้ไหมก็จะเป็นเวลาที่อยากอยู่ในโลกที่ไม่มีใครรู้จัก เราไม่ชินจริงๆ นะที่ว่าทุกคนจะมาให้ความสนใจ ไม่รู้สึกว่าชินเลย

>> จะทำอย่างไรถ้าเกิดเห็นคนมาทำลายสิ่งของหรือสถานที่ท่องเที่ยว 

ทุกคนก็มีความอยากแสดงออกของตัวเองนั่นแหละ  ซึ่งแสดงออกไม่เหมือนกัน  เหมือนคนไปดําานําาแล้วไปเก็บปะการังหรือหินกลับมา ทุกคนก็อยากจะมีความทรงจําา มีสิ่งที่ระลึกเก็บไว้  ขณะเดียวกันมันเป็นสิ่งที่ต้องใช้ร่วมกัน พูดถึงเรื่องนี้ตอนไปเที่ยวกําาแพงเบอร์ลิน  ถ้าจําาไม่ผิดตรงกําาแพงเบอร์ลินเหลือพื้นที่อยู่ประมาณ 10 เมตร แล้วเขาแบ่งที่ให้ศิลปินผลัดกันทุก 5 ปี หรือ 10 ปี มาวาดรูปบนกําาแพง  ซึ่งบนกําาแพงก็จะมีชื่อรูป  ชื่อคนนู้นคนนี้  รวมถึงมีชื่อคนไทยเขียนไว้  ก็เข้าใจนะว่าเขาก็อยากเป็นส่วนหนึ่ง แต่บางทีก็อาจจะลืมไปว่ามันเป็นสิ่งที่เราใช้ด้วยกัน สําาหรับโดนัทรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องของจิตสําานึกของนักท่องเที่ยวมากกว่า มองว่าไม่มีถูกมีผิดหรอก บางทีอาจจะลืมตัวก็ได้ เช่น  ไปทะเลแล้วเฮ้ยหินอันนี้สวยจังก็อยากจะเก็บกลับมาไว้ที่บ้าน แบบเข้าใจได้แต่ก็อยากให้นึกให้มากว่าเป็นของที่ใช้ร่วมกัน  และโดนัทไม่ค่อยอินกับเรื่องผูกกุญแจกับรั้วเท่าไร แต่มันก็น่ารักดี

>> เวลาไปเที่ยวทะเลแล้วเห็นขยะเต็มไปหมดรู้สึกอย่างไร

เสียดายนะ  เอาง่ายๆ  อย่างเช่นทุกวันนี้โดนัทต้องไปหาโลเคชั่น ก็เจอวัง เจอบ้านเก่าๆ พูดได้เลยว่าถ้าเป็นโดนัท จะไม่ให้ถ่ายเด็ดขาดเพราะเสียดาย  แต่ขณะเดียวกันมันก็สวยจนต้องแบ่งปันกัน  ซึ่งเราก็ต้องดูแลด้วย  ถ้าอยากจะเห็นสิ่งเหล่านี้อยู่ไปนานๆ

>> คิดอย่างไรกับการท่องเที่ยวที่ยังคงความดั้งเดิมไว้ได้ กับการท่องเที่ยวที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ

พูดยาก เหมือนพอเราไปที่ๆ ลําบากมากเราก็ต้องการความเจริญนึกออกมั้ย แต่พอความเจริญเข้าไปเยอะ เราก็จะรู้สึกว่าเจริญไปป่ะ มีเซเว่น มีร้านอาหารเก๋ๆ แต่ตอนไม่มีเลยเราก็เรียกร้อง โดนัทเลยรู้สึกว่าจะอยู่อย่างไรให้มันอยู่ด้วยกันได้ ยกตัวอย่างย่านที่ทําาได้ดีคือราชดําเนิน ที่ทําาสิ่งใหม่ให้กลมกลืนกับสิ่งเก่า โดนัทชอบบาหลีมาก กลับไปบาหลี 2 ปีติด จะเห็นความเปลี่ยนแปลงตลอดก็เสียดาย ในด้านหนึ่งเราก็จะเห็นว่าเขาพยายามเปลี่ยนแปลงโดยที่ยังกลมกลืนอยู่กับทัศนียภาพโดยรอบ

>> สุดท้ายนิยามคำว่า ท่องเที่ยว ของโดนัทมีความหมายว่าอย่างไร

จริงๆ ไม่มีอะไรเลย ก็ทําอย่างที่อยากทํา อย่างที่โดนัทบอก ไปเที่ยวแล้วอย่าไปมีข้อแม้กับชีวิตเยอะ  อย่ากินไอ้นี่ไม่ได้ ไอ้นั่นไม่ได้ หรือมีแผนการที่โอ้โหเครียดเหลือเกิน ควรเป็นแผนที่ทําให้สบายที่สุดค่ะ  แล้วก็ไปเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ เพราะการเดินทางคือการเรียนรู้ ลองหลงทางบ้าง ทําาผิดทําาถูกบ้าง  ก็จะทําาให้เรารู้ว่าในครั้งต่อไปเราต้องทําาอะไรบ้าง ถ้าทุกอย่างลื่นไหลไปหมดมันไม่สนุกหรอก และเดินทางตอนที่พร้อม อย่าแบบอันนี้ฉันต้องทําหรือต้องเป็น

สนับสนุนเนื้อหาโดย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook