ท่องเที่ยวสไตล์พิศาลพา ชมเทวารีบูติค ลือกันว่าสวยสุดในอ้มพวา นั่งเรือแจวโบราณย้อนยุค

อดีตอัมพวาเป็นชุมชนเล็กๆ ตั้งอยู่ริมน้ำมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาสืบทอดกันมาช้านาน อัมพวาเคยเป็นศูนย์กลางการค้าขายทางน้ำที่คึกคัก มีตลาดน้ำ เรือนแพ และบ้านเรือนปลูกขนานไปตามแนวคลอง ตั้งถิ่นฐานกันมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งสมัยนั้นเรียกกันว่า "บางช้าง" เป็นชุมชนริมน้ำที่ทำสวนไม้ผลและพืชผักที่มีชื่อเสียง

ปัจจุบัน วิถีชีวิตของชุมชนอัมพวาในอดีต ยังปรากฏให้เห็นและสัมผัสได้ แม้กาลเวลาจะผ่านไปแต่ภาพความทรงจำในอดีตยังคงหลงเหลืออยู่ให้เห็น แม้จะลบเลือนไปตามกาลเวลา แต่คนในชุมชนนี้ก็พยายามอนุรักษ์ให้ใกล้เคียงกับของเดิมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ภาพบ้านเรือนไม้ที่ขนานไปตามริมสองฝั่งคลอง ควบคู่ไปกับการค้าขายและการใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย พร้อมๆ ไปกับการรักษาศิลปวัฒนธรรมของชุมชน เป็นสิ่งดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเวียนมาเยือนอัมพวาไม่ขาดสาย

ท่องเที่ยวสไตล์พิศาล พาชมจุดน่าสนใจแห่งใหม่ล่าสุดในตลาดน้ำอัมพวา เรือนไม้สักทองทั้งหลัง 2 ชั้น3 คูหา ภายในตกแต่งอย่างประณีต สวยงามด้วยไม้แกะสลักที่ลือกันว่าสวยที่สุดในอัมพวา เทวารีบูติคใช้เวลาสร้างอย่างพิถีพิถันเกือบ 4 ปี  ชั้นบนเป็นห้องพัก 3 ห้อง และห้องนั่งเล่น ชั้นล่างเป็นร้านกาแฟและห้องพักอีก 2 ห้อง เทวารีบูติคโชว์งานไม้ และงานสีเงาวับบนเนื้อไม้ที่ให้บรรยากาศหรูหราและงดงาม
บรรยากาศร้านกาแฟชั้นล่าง มีเครื่องปรับอากาศเย็นสบาย

 

ชั้นบนมีห้องนอน 3 ห้องและห้องนั่งเล่น
ห้องนั่งเล่นชั้นบน

นอกจากห้องพิมพิลาไลยแล้ว ชั้นบนยังมีห้องพักอีก 2 ห้องคือห้องสีดา และรจนา
สีดา เป็นชื่อนางเอกในวรรณกรรมที่มีชื่อเสียงเรื่อง "รามเกียรติ์" บทพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 2 เป็นอีกหนึ่งนางในวรรณคดีที่สวยงามมาก ดังบทพระราชนิพนธ์ที่ได้พรรณนาความงามของนางไว้ว่า

"ทรวดสวยเป็นที่เสน่หา
เลิศลักษณ์ทรงเบญจกัลยา
ทั้งโลกาจะเปรียบก็ไม่มี"

หลังจากชมห้องพักและนั่งทานกาแฟแล้ว เราก็ลงเรือแจวโบราณชมทิวทัศน์ 2 ฝั่งคลอง
หลังจากนั้น เราก็ไปทานอาหารเย็นร้าน “บ้านทองโบราณ” ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ “เทวารีบูติค” ร้านนี้มีดนตรี เพลงเพราะ อาหารสดอร่อย ควรจองโต๊ะล่วงหน้า

หลังจากทานอาหารเสร็จ เราก็ลงเรือชมทิวทัศน์อัมพวายามค่ำ สวยงามไปด้วยแสงสีและหนาแน่นด้วยผู้คนที่มาเที่ยว

อัมพวายามพระอาทิตย์ตก สวยงามมาก