วันเด็กนี้ ยกบ้านไปเที่ยว สวนผึ้ง-ราชบุรี กัน!
ไม่กี่วันก็ใกล้ถึงวันเด็ก วันสำคัญของครอบครัว ถ้าใครกำลังมองหาที่เที่ยวเพื่อจะพาคุณหนูๆ ไปเติมความสุขรับวันพิเศษ เราขอแนะนำ อ. สวนผึ้ง จ. ราชบุรี แหล่งที่เที่ยวยอดฮิตใกล้กรุงฯ ที่นอกจากมีอากาศดีแล้ว ยังมีที่เที่ยวน่าสนใจอยู่เพียบ! ปลายปีที่ผ่านมา "นายรอบรู้" ได้รับเกียรติจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ชวนไปเที่ยวสวนผึ้งอีกครั้งหลังว่างเว้นไปพักใหญ่ คราวนี้เราได้สถานที่ซึ่งตอบโจทย์ความสุขใจ ตั้งแต่เจ้าตัวเล็กไปจนถึงญาติผู้ใหญ่ จนน่าปิดบ้านยกโขยงไปเที่ยวกันสักที
>>>ไร่ปลูกรัก : ความรักปลูกได้
ถ้าอยากปลูกฝังให้เจ้าตัวเล็กมีความรักธรรมชาติตั้งแต่เยาว์วัย แนะนำให้แวะไปที่ "ไร่ปลูกรัก" ( ที่ตั้ง ถ. เพชรเกษม ต. วังเย็น อ. บางแพ จ. ราชบุรี โทร. 08-6332-7365 หรือ www.thaiorganicfood.com ราคาทำกิจกรรม ผู้ใหญ่ 750 บาท เด็ก 450 บาท) ไร่เกษตรอินทรีย์บนพื้นที่ราว 60 ไร่ ใน อ. บางแพ ไร่แห่งนี้มีผักผลไม้นานาชนิด หมุนเวียนมาให้เก็บผลผลิตตามฤดูกาล และมีกิจกรรมชวนใกล้ชิดธรรมชาติพร้อมทั้งกระตุ้นความสนใจของเด็กๆ อาทิ จับแมลงมาศึกษา เก็บไข่เป็ดมาทำไข่เค็ม ไปจนถึงลิ้มรสไอศกรีมโฮมเมดรสหวานฉ่ำ โดยมีชาวไร่คอยต้อนรับด้วยรอยยิ้มเบิกบาน
บรรยากาศทุ่งนาเขียวๆ ในไร่ปลูกรักและกิจกรรมทำตุ๊กตาฟางข้าว
จุดกำเนิดของสิ่งที่เห็นทั้งหมด ต้องย้อนกลับไปราว 12 ปีก่อน เมื่อคุณเอ-อโณทัย ก้องวัฒนา และคุณกานต์ ฤทธิ์ขจร สองสามีภรรยาไปเข้าอบรมเกษตรกรรมธรรมชาติของเลมอนฟาร์มด้วยความสนใจ แล้วกลับมาเปิดร้านอาหารสุขภาพ แต่ก็พบว่าหาวัตถุดิบที่มั่นใจความปลอดภัยมาใช้ไม่ค่อยได้ ทั้งสองจึงตัดสินใจลงมือจับจอบเสียมขุดดินปลูกผักไร้สารพิษเสียเองเลย โดยทำบนที่ดินดั้งเดิมของครอบครัว ใน จ. ราชบุรี
ฟาร์มเป็ดออร์แกนิก ที่เราสามารถไปเก็บไข่มาทำไข่เค็ม
จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ บัดนี้ไร่ปลูกรักมีผลผลิตพืชผักไร้สารพาออกมาไม่ขาดสาย ส่วนใหญ่แล้วผลผลิตเป็นผักตามฤดูกาล ช่วงต้นฤดูหนาวที่เราไปนั้นมีทั้งผักสลัด มัลเบอร์รี มะละกอ ฯลฯ นอกจากปลูกผักแล้ว ทั้งคู่ยังพยายามจัดการกับทรัพยากรที่เหลือในไร่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทำให้มีอีกหลายโครงการงอกเงยขึ้นตามมา เช่น ทำปุ๋ยชีวภาพจากเศษผัก เลี้ยงเป็ดเพื่อนำผักไปเป็นอาหารเป็ดให้ผลิตไข่เป็ดชีวภาพ ปลูกดอกไม้ไว้ล่อมาแมลงและนำมาทำเป็นชาดอกไม้ ที่สำคัญในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทั้งคู่ได้คิดต่อยอดด้วยการจัดกิจกรรม "Organic Day" โดยเปิดให้คนที่สนใจได้เข้ามาเรียนรู้วิถีเกษตรอินทรีย์ที่อยู่กินแบบพึ่งพาธรรมชาติได้อย่างใกล้ชิดถึงภายในไร่ กิจกรรมสนุกๆ นี้สามารถทำได้ทั้งครอบครัว จัดขึ้นทุกวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือน ซึ่งเราแนะนำว่าไม่ควรพลาด!
กิจกรรม "Organic Day" เริ่มต้นในช่วงเช้า ชาวไร่จะต้อนรับด้วยเครื่องดื่มดอกไม้ออร์แกนิกและคุ้กกี้โฮมเมด จากนั้นชวนเด็กๆ คว้าสวิงบุกเข้าไร่ไปจับแมลง แมลงมีชนิดหลักๆ ได้แก่ ผีเสื้อ เต่าทอง แมลงปอ และด้วงกว่าง จับมาเพื่อศึกษาเรียนรู้และวาดภาพเป็นที่ระลึก ก่อนจะปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ ต่อด้วยกิจกรรมทำของเล่นและงานศิลปะจากธรรมชาติ เวิร์คชอบทำน้ำสลัดสูตรสมุนไพร จากนั้นรับประทานเมนูสุขภาพในมื้อเที่ยง ก่อนมาสู่กิจกรรมสำคัญคือไปเก็บไข่เป็ดจากเล้านำมาทำไข่เค็มออร์แกนิก จากนั้นชิมไซเดอร์เย็นๆ เรียกความสดชื่น แล้วเติมความหวานด้วยไอศกรีมโฮมเมดก่อนกลับ ส่วนของฝาก นอกจากมีแยมผลไม้และไข่เป็ดออร์แกนิกส์ ไม่ควรพลาดน้ำส้มสายชูหมักจากข้าวหอมมะลิออร์แกนิก ที่มีประโยชน์หลายอย่างต่อร่างกาย โดยเฉพาะการยับยั้งสารก่อมะเร็ง ช่วยระบบย่อยอาหารและขับถ่ายของเสีย เพียงเท่านี้ 1 วันในไร่ปลูกรักก็แสนจะเต็มไปด้วยความสุข
>>>กอดหมี ให้หายหนาว ที่ สุนทรีแลนด์
ใครที่เคยมีความฝันในวัยเยาว์ว่าอยากมีตุ๊กตาหมีขนนุ่มตัวใหญ่ เอาไว้กอดให้ชื่นใจก่อนนอนทุกคืน เราขอแนะนำให้หาโอกาสมาเติมเต็มความฝันที่ "สุนทรีแลนด์ ดินแดนตุ๊กตา" (ที่ตั้ง ต. บ้านสิงห์ อ. โพธาราม จ. ราชบุรี โทร. 08-2024-2888, 08-2021-7888 เปิดทุกวัน 09.00 - 17.00 น. หยุดวันพุธ) เมืองแห่งนี้มีสมาชิกตุ๊กตาหมีน้อยใหญ่ให้เลือกกอดได้นับพันตัว ทางที่ดีชวนคุณพ่อคุณแม่และลูกหลานตัวน้อยมาด้วย คงสนุกและอบอุ่นใจมากกว่าเดิม
มุมถ่ายภาพน่ารักๆ ภายในสุนทรีแลนด์
เป็นเวลากว่า 30 ปีที่ คุณสุนทรี เอี่ยมหนู คลุกคลีอยู่กับธุรกิจตัดเย็บตุ๊กตา เริ่มต้นจากที่ทำกันเล็กๆ ในครอบครัว อาศัยความรักและมุ่งมั่นทำให้ธุรกิจเติบโตขึ้นจนกลายเป็นโรงงานตุ๊กตาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศในปัจจุบัน แต่ละเดือนคุณสุนทรีพบว่ามีผู้สนใจติดต่อขอเข้าชมการผลิตไม่ขาดสาย วันหนึ่งจึงคิดทำมุมตุ๊กตาขนาดเล็ก โดยเอาตุ๊กตามาตั้งให้เป็นมุมถ่ายภาพสนุกๆ เพื่อให้ผู้มาดูงานได้รับความเพลิดเพลินด้วยนอกจากความรู้ แต่แล้วก็พบว่าคนอยากมาอยู่ที่มุมนี้นานๆ แม้เป็นมุมเล็กๆ คนก็ยังมีความสุข ทำให้เกิดแรงบันดาลใจอยากจะสร้างเป็นเมืองตุ๊กตา ที่มอบความสุขให้คนจำนวนมาก
บรรดานักเรียนหมีและของตกแต่งตุ๊กตาหลายสิบแบบที่มีให้เลือกในโซน D.I.Y. Dolls
เมืองตุ๊กตาแบ่งเป็น 15 โซน โดยออกแบบให้ผู้มาเยือนรู้สึกเหมือนว่าได้ออกเดินทางไปรอบโลกและไปพบเจอตุ๊กตาหมีในสถานที่ต่างๆ เช่น อังกฤษ จีน เกาหลี ขั้วโลก โซนที่น่าสนใจคือโซนอาเซียน ที่มีตุ๊กตาหมีแต่งกายชุดประจำชาติของประเทศเพื่อนบ้านของเรา โซนเขาวงกตที่ชวนให้หาทางออกไปอย่างสนุก และโซนวิถีไทยที่ปรับเปลี่ยนชุดตุ๊กตาไปตามเทศกาล เช่น วันแม่ ลอยกระทง สงกรานต์ ฯลฯ นอกจากนี้ด้วยความตั้งใจที่อยากให้ผู้มาเยี่ยมชมได้ "กอด" ตุ๊กตาหมีได้อย่างสนิทใจ ทีมงานจึงใส่ใจเรื่องความสะอาดของตุ๊กตาอย่างมาก มีการทำความสะอาดเป็นประจำ มีตุ๊กตาตัวสำรองมาคอยเปลี่ยนอยู่เสมอ ให้กอดได้อย่างใกล้ชิด สบายใจ
"เราอยากให้คนได้มามีความสุข ตอนเด็กๆ จะกอดตุ๊กตาสักตัวก็ยาก เราจึงอยากให้เขามาที่นี่แล้วได้กอดตุ๊กตาอย่างที่เขาอยากจะกอดได้เต็มที่"
ใครที่กอดตุ๊กตาไม่หนำใจ และอยากซื้อตุ๊กตาหมีกลับไปกอดที่บ้าน สุนทรีแลนด์ก็มีโซนจำหน่ายตุ๊กตาราคาโรงงานด้วย แต่ที่พิเศษกว่านั้นคือ ถ้าใครอยากทำตุ๊กตาหมีชิ้นเดียวในโลกเป็นของฝากคนที่รัก หรือร่วมตกแต่งตุ๊กตาร่วมกันพ่อแม่ลูก ไม่ควรพลาดโซน D.I.Y. Dolls ที่สามารถตกแต่งตุ๊กตาได้ตามใจชอบโดยใช้อุปกรณ์ตกแต่งหลายสิบชนิด ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้หาได้ไม่ง่ายเลยในตลาดทั่วไป เราไปแอบดูพ่อแม่ลูกมาช่วยกันสร้างสรรค์ตุ๊กตาแล้วก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและความรัก ดังนั้นถ้าใครมีสมาชิกในครอบครัวที่ชอบตุ๊กตาจึงน่าจะแวะมาสักครั้ง
>>>ลูบขนนุ่มและหัวเราะกับความน่ารักของตัวอัลปาก้า ที่ อัลปาก้า ฮิลล์
ใครเบื่อๆเที่ยวฟาร์มแกะมาเราอยากแนะนำให้ลองเปลี่ยนบรรยากาศมาชมสัตว์น่ารักหลายชนิดจากอีกซีกโลกดูบ้าง ที่ฟาร์ม "อัลปาก้า ฮิลล์" สวนผึ้ง (ที่ตั้ง ถ.ผาปก-ตะโกล่าง ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง โทร.08-0821-2108, 08-1145-9565 เปิด 9.30-18.00 น. ติดต่อเข้าชมต้องจองล่วงหน้าผ่านระบบออนไลน์ที่ www.alpacahill.com ค่าเข้าชมคนละ 290 บาท)
เจ้าอัลปาก้า สัตว์น่ารักมาดกวนที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาใต้และนักท่องเที่ยวสามารถให้อาหารและถ่ายภาพกับอัลปาก้าได้ใกล้ชิด
พระเอกของฟาร์มคือเจ้าตัว "อัลปาก้า" สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม กินพืชเป็นอาหารชนิดหนึ่งที่มีขนฟู รูปร่างคล้ายอูฐ หน้าตาละม้ายกับตัวลามะ เจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลกับเราว่าเป็นญาติห่างๆ กับสัตว์ทั้งสองแต่ไม่ใช่ชนิดเดียวกัน อัลปาก้าจะมีขนฟูกว่าและขนนุ่มราวกับตุ๊กตา หน้าตาของมันจะดูเด๋อด๋า นิ่งๆ กวนๆ เห็นแล้วชวนให้ไปกอด ไปลูบขนเล่น ต้นกำเนิดของอัลปาก้าอยู่แถบทวีปอเมริกาใต้ ชาวอินคานิยมนำขนมาใช้และเรียกขนนั้นว่า "เส้นใยจากพระเจ้า" อัลปาก้ามีอยู่ 2 สายพันธุ์ คือ Suri และ Huacaya โดยพันธุ์ที่อยู่ในฟาร์มคือ Huacaya อัลปาก้าชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง แต่ละตัวมีนิสัยต่างกัน มันหน้าตาน่ารักและเฉลียวฉลาด ต่างประเทศนิยมเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงและตัดขนจำหน่าย อัลปาก้าแต่ละตัวนั้นราคาสูงมาก เริ่มต้นตั้งแต่หลักแสนไปจนถึงหลายล้านบาท ตัวที่แพงที่สุดของที่นี่ราคาสูงถึงตัวละ 4 ล้านบาท ที่อัลปาก้าฮิลล์เราจะได้สัมผัสตัวอัลปาก้าได้อย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะลูบขนที่นุ่ม ละเอียด โอบกอดตัวมัน หรือป้อนอาหาร โดยมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลและให้คำแนะนำอยู่ใกล้ๆ เนื่องจากฟาร์มแห่งนี้มีการตัดขนอัลปาก้าด้วย ดังนั้นช่วงเวลาที่จะได้เห็นอัลปาก้าขนปุย จะอยู่ราวเดือน พ.ย.-ก.พ. หลังจากนั้นพอเข้าฤดูร้อนตั้งแต่เดือนมีนาคมมันจะโดนตัดขนจนสั้นเกรียน จนเดือนกรกฎาคมถึงตุลาคมขนก็จะยาวขึ้นกลายเป็นอัลปาก้าขนสั้น นอกจากเจ้าอัลปาก้าแล้วยังมีสัตว์ที่น่ารักอีกหลายชนิด ได้แก่ เฟอเรท จิงโจ้แคระ กวางดาว รวมไปถึงกระต่ายและแกะ แต่ละชนิดก็จะมีพฤติกรรมความน่ารักที่แตกต่างกันไป ดังนั้นครอบครัวไหนที่มีสมาชิกเป็นคนรักสัตว์ ไม่น่าพลาดฟาร์มอัลปาก้าและผองเพื่อนแห่งนี้
>>>ชมกล้วยไม้หลากสี ที่ The Blooms Orchid Park
ใครที่ติดภาพว่า Orchid Park มักสวนกล้วยไม้ตัดดอก มีกล้วยไม้จำนวนมากเรียงกันเป็นแนวยาวไกลสุดลูกหูลูกตา หรือเป็นสวนหย่อมขนาดเล็กมีกล้วยไม้จัดแสดงอยู่ไม่กี่ชนิด แต่ถ้ามาที่ The Blooms (ที่ตั้ง อ. บางแพ เปิดทุกวัน 9.00-17.00 น. (ปิดจำหน่ายบัตร 16.00 น.) ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 80 บาท เด็ก 40 บาท โทร. 08-6111-0084 www.thebloomsorchidpark.com) แล้วอาจลืมภาพแบบนั้นไปได้เลย เพราะภายในพื้นที่สวนกว่า 20 ไร่แห่งนี้ จัดเป็นเส้นทางท่องเที่ยวชมกล้วยไม้นานาพันธุ์ได้อย่างน่าสนใจ
สวนกล้วยไม้ใน The Blooms Orchid Park จัดแต่งให้เหมือนอยู่ในธรรมชาติ
กล้วยไม้ทั้งหมดมีกว่า 500 สายพันธุ์ ทั้งกล้วยไม้สกุลหวาย แวนด้า ช้าง ไปจนถึงกลุ่มกล้วยไม้ดิน และกล้วยไม้ป่า ซึ่งคุณวิทยา ยุกแผน เจ้าของสวน ใช้เวลารวบรวมสายพันธุ์ต่างๆ มากว่า 5 ปี โดยนำกล้วยไม้ที่ตนเองมีไปแลกเปลี่ยนกับเพื่อนที่นิยมกล้วยไม้ แล้วนำมาค่อยๆ เติมลงในพื้นที่สวนทีละนิด ใช้เวลาถึง 4-5 ปี จึงเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมเมื่อปลายปี 2556 ที่ผ่านมา
เดิมคุณวิทยาทำธุรกิจสวนกล้วยไม้ตัดดอกที่ อ. สวนผึ้งมาก่อน มีพื้นที่สวนนับ 100 ไร่ นับสวนกล้วยไม้ตัดดอกส่งออกที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ วันหนึ่งเขาพาเพื่อนชาวต่างชาติไปเที่ยว Orchid Park แห่งหนึ่ง แต่กลับต้องผิดหวังที่สวนกล้วยไม้แห่งนั้นมีกล้วยไม้ที่น่าสนใจเพียงน้อยนิด และจัดแสดงอย่างไม่น่าสนใจ ด้วยความที่ชื่นชอบความสวยงามของกล้วยไม้และคลุกคลีอยู่กับธุรกิจกล้วยไม้มานาน ทำให้คุณวิทยาตัดสินใจว่าจะทำสวนกล้วยไม้ที่ดีกว่านั้น และจะทำให้คนที่ได้แวะมาต่างประทับใจกับความงดงามและความหลากหลายของกล้วยไม้ให้ได้ จึงตัดสินใจแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งทำเป็น The Blooms Orchid Park แห่งนี้ขึ้น
กล้วยไม้มีรูปรูปร่างดอกประหลาดและมุมถ่ายภาพน่ารักๆ ในสวน
ภายในสวนมีเส้นทางให้เดินชมกล้วยไม้ต่างๆ ที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันออกดอกตามฤดูกาล บรรยากาศร่มรื่นเพราะมีต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านบังร่มเงาอยู่ตลอดทาง แม้เส้นทางยาวเพียง 400-500 เมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 45 นาที- 1 ชั่วโมง ก็เสร็จสิ้น แต่ถ้าได้ติดใจในความงามของกล้วยไม้เดินไปถ่ายภาพไปก็มักเพลินจนลืมเวลา The Blooms Orchid Park ยังมีกิจกรรมอื่นด้วย เช่น ศึกษากระบวนการเพาะปลูกกล้วยไม้ ตั้งแต่เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อในห้องปฏิบัติการจนถึงการนำมาปลูกเลี้ยงในโรงเรือนขนาดใหญ่ ในอนาคตจะมีกิจกรรมพายเรือชมบึงบัวสีสันสวยงาม หรือเดินตามทางเกวียนไปชมนาสาธิต นอกจากนี้ยังมีร้านกาแฟให้แวะพักเหนื่อย จิบเครื่องดื่มเย็นๆ คลายร้อนด้วย ที่ขอแนะนำเป็นพิเศษคือไอศกรีมโฮมเมดที่อร่อยมาก เพราะว่าคนทำไอศกรีมเป็นคนคิดสูตรให้ไอศกรีมยี่ห้อ ส่วนใครที่อยากซื้อกล้วยไม้กลับบ้าน ที่นี่ก็มีจำหน่ายพันธุ์กล้วยไม้หลากหลาย ตั้งแต่กล้วยไม้ดินฉบับกระเป๋าไปจนถึงกล้วยไม้ตระกูลแวนด้าที่มีช่อขนาดใหญ่
ครอบครัวไหนที่พาลูกๆ หลานๆ มาเที่ยวสวนผึ้งแล้วแวะมาชมกล้วยไม้สวยๆ ก่อนกลับ รับรองว่าจะไม่ผิดหวัง
(คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขนาดใหญ่)
อัพเดตสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น เกาะล้าน เชียงใหม่ สวนผึ้ง หัวหิน เกาะเสม็ด
แวะชมแหล่งท่องเที่ยว เกาะช้าง เชียงคาน ภูเก็ต เขาใหญ่ และ ปาย
ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook.. ได้ที่นี่เลย!!
อัลบั้มภาพ 15 ภาพ