พาเที่ยวเมืองท่า ลั้ลลาเมืองริมทะเล “สมุทรสาคร”

เมื่อคิดถึงเมืองท่าใกล้กรุง สมุทรสาครคงเป็นชื่อแรกที่ผุดขึ้นมาในใจใครหลายคน แต่สักกี่คนจะรู้ว่านอกจากจะเป็นเมืองชายทะเลซึ่งเป็นแหล่งประมงที่สำคัญยิ่งของประเทศแล้ว สมุทรสาครยังมีสิ่งน่าค้นหามากมายที่ดึงดูดผู้คนให้เข้าไปสัมผัสและกลับออกมาด้วยความประทับใจไม่รู้ลืม วันนี้ "นายรอบรู้" จึงขอพาเที่ยวสบาย ๆ ใกล้กรุงที่เมืองเล็ก ๆ แต่เปี่ยมเสน่ห์แห่งนี้

การเดินทางไปยังเมืองท่าสมุทรสาครครั้งนี้ "นายรอบรู้" ได้รับเชิญจาก บริษัท ดี-แลนด์กรุ๊ป จำกัด ผู้ดำเนินการโครงการ "พอร์โต้ ชิโน่" (Porto Chino) ไลฟ์สไตล์มอลล์แห่งใหม่ในมหาชัย ก่อนจะพาไปเยี่ยมชมวิถีชีวิตของชาวสมุทรสาคร "นายรอบรู้" จึงขอพาทุกท่านไปเที่ยวมอลล์แห่งใหม่แห่งนี้กันให้อินเทรนด์ไม่ตกยุคกันหน่อย "พอร์โต้ ชิโน่" (Porto Chino) ไลฟ์สไตล์มอลล์สุดยิ่งใหญ่ที่ตั้งใจสร้างให้เป็นแลนด์มาร์กของเมืองสมุทรสาคร ตั้งอยู่บนถนนพระราม 2 กม.25 ระหว่างทางเข้าสู่ตัวเมืองสมุทรสาคร ภายในเนื้อที่กว่า 15 ไร่ สร้างขึ้นด้วยคอนเซ็ปต์ "The Harbor of Joy" โดยคำว่า "พอร์โต้ ชิโน่" นั้นก็มาจาก Porto ซึ่งแปลว่าท่า และ Chino ซึ่งหมายถึงเมืองจีน เป็นชื่อที่แสดงให้เห็น

เอกลักษณ์ของเมืองสมุทรสงครามที่เป็นเมืองท่ามาแต่ครั้งโบราณได้เป็นอย่างดี ภายใน "พอร์โต้ ชิโน่" จะแบ่งเป็นโซนต่าง ๆ ถึง 6 โซน ให้นักท่องเที่ยวเลือกใช้บริการได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็น โซนอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งรวมร้านอาหารชั้นนำหลากหลายร้าน แต่ที่เป็นหมุดหมายของนักท่องเที่ยวคงจะหนีไม่พ้น McDonald ซึ่งปรับโฉมใหม่ให้เป็น McDonald Drive-Thru รวมทั้ง Starbucks Drive - Thru แห่งแรกของประเทศไทยด้วย, โซนซูเปอร์มาร์เก็ต ในนามของ ฟู๊ดแลนด์ ซูเปอร์มาร์เก็ต, โซนสุขภาพและความงาม รวมร้านสำหรับผู้ใส่ใจสุขภาพมากมาย, โซนบริการและธุรกรรม ให้บริการการทำธุรกรรมต่างๆโดยเฉพาะธนาคารชั้นนำของประเทศ, โซนการศึกษา รวบรวมสถาบันกวดวิชาและโรงเรียนสอนศิลปะดนตรีไว้ที่นี่อย่างครบครัน รวมทั้ง โซนแฟชั่น ซึ่งอัดแน่นด้วยแฟชั่นชั้นนำ รวบรวมมาให้เลือกช็อปปิ้งกันอย่างจุใจ ที่สำคัญคือทุก ๆ เดือน ที่ "พอร์โต้ ชิโน่" จะมีกิจกรรมพิเศษประจำเดือน ทั้งการแสดง การบริการ นิทรรศการต่าง ๆ หมุนเวียนกันมาให้ความรู้และความเพลิดเพลินแก่นักท่องเที่ยวอย่างจุใจ รู้อย่างนี้แล้ววันธรรมดามีเวลาว่างหรือเสาร์อาทิตย์อยากหาสถานที่เที่ยวแห่งใหม่ใกล้กรุงแล้วไม่รู้จะไปไหน เชิญมาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ได้ที่ "พอร์โต้ ชิโน่" แห่งนี้

หลังจากสำรวจ "พอร์โต้ ชิโน่" กันจนทะลุปรุโปร่งแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางเข้าสู่มหาชัย สัมผัสกลิ่นอายของเมืองท่าอันเป็นที่มาของคอนเซ็ปต์โครงการ "พอร์โต้ ชิโน่" แห่งนี้ด้วย รถบัสคันใหญ่ค่อย ๆ พาเราเคลื่อนตัวจากถนนพระราม 2 เข้าสู่ตัวอำเภอเมืองสมุทรสาคร และมาหยุดที่แรกที่ ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาคร วินาทีแรกที่ก้าวเท้าลงจากรถ เสียงร้องชวนเคลิ้มฝันของชรินทร์ นันทนาครก็ลอยเข้าหู "พี่อยู่ไกลถึงท่าฉลอม แต่พี่ไม่ตรอมเพราะรักพยอมยามยาก ออกทะเลจะหาปลามาฝาก แม่คุณขวัญใจคนยาก รับของฝากจากพี่ได้ไหม..." *

ภาพที่เห็นเบื้องหน้าคือแม่น้ำท่าจีนที่ไหลเอื่อยเชื่องช้า เรือประมงจอดเรียงรายกันจนกลายเป็นฉากประดับแม่น้ำที่จะขาดไปไม่ได้ หันหลังกลับเข้าสู่ฝั่งมหาชัยคือศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาคร อาคารของศาลแห่งนี้เป็นอาคารเก๋งจีน ตกแต่งทั้งภายนอกและภายในด้วยศิลปะแบบจีน กล่าวกันว่า ก่อนออกเรือหาปลาทุกครั้งชาวบ้านจะจุดประทัดเพื่อเซ่นสรวงสักการะเจ้าพ่อหลักเมืองเสียก่อน ศาลแห่งนี้จึงเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านที่นี่ เป็นที่ซึ่งทุกคนต่างเคารพและศรัทธา

จากนั้น "นายรอบรู้" ไม่รอช้า พาข้ามฝั่งแม่น้ำไปยัง "ท่าฉลอม" เดินชมวิถีชีวิตของชาวบ้านซึ่งยังคงอนุรักษ์ความเป็นชุมชนชาวประมงเอาไว้ ท่าฉลอมเป็นตำบลหนึ่งของ อ. เมืองสมุทรสาคร ถือเป็นเมืองสุขาภิบาลแห่งแรกของไทย และมีถนนสายแรกชื่อ "ถนนถวาย" ซึ่งชาวบ้านร่วมแรงร่วมใจกันสร้างด้วยความศรัทธาที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งที่ท่านได้เสด็จประพาสต้นมายังท่าฉลอม แม้จะทำอุตสาหกรรมการประมงจนรุ่งเรืองแต่ตำบลเล็ก ๆ แห่งนี้ก็ไม่ได้เจริญเติบโตตามวิถีของเมืองใหญ่ ผู้คนยังคงใช้ชีวิตเรียบง่ายตามวิถีของชาวน้ำผู้ใกล้ชิดทะเลและสายน้ำ หลายบ้านเปิดหน้าบ้านเป็นร้านขายอาหารทะเล ทั้งอาหารทะเลสดและอาหารทะเลแห้ง กลิ่นคาวเค็มของทะเลอันเป็นเอกลักษณ์ของอากาศของเมืองท่าลอยมาปะทะจมูก เป็นแม้จะเป็นกลิ่นที่ค่อนข้างแรงแต่กลับหอมหวนในความรู้สึก

มาถึงท่าฉลอม ต้องไม่พลาดแวะ วัดสุทธิวาตวราราม หรือ วัดช่องลม วัดพระอารามหลวงซึ่งเป็นวัดสำคัญคู่บ้านคู่เมืองของจ.สมุทรสาคร มีอายุยืนยาวกว่า 200 ปี อีกทั้งยังเป็นวัดที่พำนักของพระราชสาครมุนี เจ้าคณะ จ.สมุทรสาครด้วย ที่วัดช่องลม ภายในวิหารหลวงปู่แก้ว มีนกนางแอ่นมาทำรังอยู่อาศัยจำนวนมาก จนปัจจุบันกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องมาเยี่ยมชมเมื่อมาวัดนี้

จากนั้นแวะไป วัดแหลมสุวรรณาราม อีกวัดสำคัญประจำท่าฉลอม ที่วัดแหลมนี้มีพระอุโบสถไม้ที่มีความสวยงามมาก เป็นศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลาย เรียกได้ว่าเป็นวัดสำคัญอีกแห่งหนึ่งที่เป็นที่เชิดหน้าชูตาของต.ท่าฉลอม

สิ่งที่พลาดไม่ได้อีกอย่างเมื่อมาท่าฉลอมก็คือการเดินซึมซับความงามของสถาปัตยกรรม ทั้งอาคารบ้านเรือน วัด ศาลเจ้า โรงเรียน ฯลฯ ซึ่งล้วนโดดเด่นและทรงคุณค่า เช่น บ้านศิลาสุวรรณ บนถนนถวาย ซึ่งเป็นบ้านเก่าของคหบดีท่าฉลอม เป็นบ้านทรงไทยสร้างด้วยไม้สักทองทั้งหลัง ทาสีเขียวและดูแลรักษาไว้อย่างดี นอกจากบ้านทรงไทยหลังใหญ่หลายหลังแล้ว ยังมีบ้านเดี่ยวซึ่งเป็นบ้านไม้อีกจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านชั้นเดียว หลังคามุงกระเบื้องว่าว ผนังเป็นไม้ซ้อนเกล็ด เกาะกลุ่มต่อเนื่องกันไปทั้งถนนถวาย จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของตำบลเล็กๆที่ชื่อ "ท่าฉลอม" แห่งนี้

หากวันหยุดสุดสัปดาห์นี้อยากหนีความวุ่นวายของเมือง แล้วยังไม่รู้จะไปไหน ลองมาเที่ยวมหาชัย - ท่าฉลอม แล้วจะรู้สึกว่าเวลาหมุนช้ากว่าปกติ อีกทั้งเพลง "ท่าฉลอม" ที่กล่าวกันว่าไพเราะนักหนาก็ดูจะพริ้งเพราะเสนาะหูกว่าเคย

* "ท่าฉลอม" คำร้อง ชาลี อินทรวิจิตร / ทำนอง สมาน กาญจนะผลิน / ขับร้อง ชรินทร์ นันทนาคร

เรื่องและภาพ : ปฐวี พรหมเสน

(คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขนาดใหญ่)

ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook.. ได้ที่นี่เลย!!