ตลาดเทศบาลสิงห์บุรี ชม ชิม ชอป สารพัดของดี
เริ่มต้นกันที่แหล่งวัตถุดิบอย่าง "ตลาดเทศบาล" ที่ตั้งอยู่ในเขตตัวเมือง ซึ่งก็สมกับที่เป็นเมืองปลาเพราะมีปลาหลากหลายชนิดทั้งสดและแห้งวางขายกันอยู่เกลื่อนกล่นมากมายหลายชนิด แทบจะเรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของผู้ที่ชื่นชอบการรับประทานปลาน้่ำจืดอย่างแท้จริง สิ่งที่ชึ้นชื่อที่สุดก็คือปลาแดดเดียว โดยเฉพาะปลาช่อนแดดเดียวนั้นคือสิ่งที่ถูกถามหามากที่สุด และก็มีวางขายอยู่มากที่สุดเช่นกัน
ดูโน่นส่องนี่ไปเรื่อยๆ ก็เจอกับของประหลาดอย่าง "กุนเชียงปลา" อันที่จริงแล้ว "กุน" แปลว่าหมู ซึ่งเราก็จะคุ้นเคยกันว่ากุนเชียงนั้นทำมาจากเนื้อหมู แต่ปัจจุบันนี้ก็มีการดัดแปลงเนื้อชนิดอื่นๆ มาทำเป็นกุนเชียงอย่าง ไก่เชียง เนื้อเชียง สำหรับที่นี่ก็เลยจัดการเอาเนื้อปลามาทำบ้าง ถึงแม้ว่าจะเรียกกันติดปากว่ากุนเชียงปลา แต่ชื่อจริงๆ นั้นก็คือ "กวนเชียง" ปลาที่นำมาใช้เป็นวัตถุดิบนั้นเท่าที่เดินถามเห็นมีใช้อยู่สองชนิดก็คือ "ปลานวลจันทร์และปลากราย" อยากรู้ก็ต้องไปลองซื้อหามาชิม ไม่ได้มีขายที่ไหนนอกจากที่นี่
อีกสิ่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงของเมืองสิงห์บุรีก็คือขนม โดยเฉพาะ "ขนมเปี๊ย" นั้นถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่เลยทีเดียว ในตลาดสดแห่งนี้ก็มีวางขายอยู่ดาษดื่น แต่มีอยู่เจ้าหนึ่งที่ไม่เหมือนใคร นั่นก็คือ "ขนมเปี๊ยโรตีนายกิมเซี้ยะ" ที่เอาขนมเปี๊ยมาปิ้งบนกระทะเหล็กร้อนฉ่า อย่าคิดว่าเป็นร้านใหญ่โต เพราะเป็นแค่มุมรถเข็นในซอกหนึ่งของตลาดเท่านั้น รสชาติกรอบมันอร่อยแปลกต่างจากขนมเปี๊ยปกติ มีสองใส้ให้เลือกซื้อ ถามคนในตลาดได้ทุกคนว่าเปี๊ยปิ้งนายกิมเซี๊ยะอยู่ตรงไหน ขนมบรรจุในกล่องสีแดงหน้าตาสวยงาม ใช้เป็นของฝากจากเมืองสิงห์ได้เลย
อีกสิ่งหนึ่งที่อยู่ในย่านตลาดซึ่งจะพลาดไม่ได้ก็คือ "ซาลาเปาแม่สายใจ" ที่ทำซาลาเปาขายมานานกว่า 40 ปี เดินออกจากตัวตลาดเลาะริมเขื่อนเจ้าพระยามาเพลินๆ อย่ามัวมองหาร้านที่ดูยิ่งใหญ่สะดุดตา เพราะร้านนี้เป็นแค่ห้องแถวเล็กๆ ที่ดูธรรมดามาก ซึ้งนึ่งหน้าร้านส่งควันฉุยตลอดเวลา ไม่สังเกตจริงก็คงจะอดกินเพราะดูเหมือนบ้านช่องห้องหอปกติทั่วไป มีเพียงป้ายหน้าร้านที่บอกให้รู้ว่าที่นี่คือ "ซาลาเปาทูลเกล้า แม่สายใจ" เท่านั้น แต่นี่เป็นซาลาเปาในระดับ "ทูลเกล้า" ถวายให้กับเชื้อพระวงศ์และบุคคลสำคัญหลายต่อหลายครั้งในโอกาสที่สิงห์บุรีต้องต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ซาลาเปามีหลายใส้เช่นเดียวกับที่ขายกันทั่วไปแต่ที่ดูอลังการก็คือ "ฮ่องเต้" เรียวขนาดใหญ่ยัดใส้ด้วยหมูสับ เห็ดหอม ฮอทดอก โบโลน่า ปูอัด กินก้อนเดียวอิ่มไปครึ่งวัน เนื้อแป้งซาลาเปานุ่มหนา แม้หมดความร้อนไปแล้วก็ยังคงความอร่อย รสชาติไม่เลี่ยนจนเกินไป สมแล้วที่เป็นอาหารรับรองบุคคลสำคัญ และที่สมกับเป็นเมืองปลาก็คือ "ซาลาเปาใส้ปลาช่อนแม่ลา" รสชาติจะเป็นแบบไหนก็ต้องหาโอกาสแวะไปชิมที่ริมเขื่อนกันดู
เดินกลับมาทางตัวตลาดอีกไม่ไกล ก็จะถึงสามแยกวัดโพธิ์แก้ว ที่นั่นมีร้านชื่อ "กวนเชียงนายอิ้ว" ต้นตำรับกวนเชียงปลาเจ้าแรก ซึ่งคิดค้นวิธีการผลิตกวนเชียงปลามาตั้งแต่ยังหนุ่มๆ จนบัดนี้นายอิ้ว อายุ 74 ปีแล้ว อยากเจอผู้คิดค้นกวนเชียงปลาก็ต้องลองแวะไปอุดหนุนกันดูที่หัวถนนขุนสรรค์สามแยกวัดโพธิ์แก้ว ใกล้ตลาดนิดเดียวเอง
แวะชมแหล่งท่องเที่ยว เกาะช้าง เชียงคาน ภูเก็ต เขาใหญ่ และ ปาย
ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook.. ได้ที่นี่เลย!!