ซีคฮาร์ท : อดีตนักฟุตบอลเยาวชนบาเยิร์น ที่กล้าพูดได้เต็มปากว่า “บอลไทยไม่ง่าย”

ซีคฮาร์ท : อดีตนักฟุตบอลเยาวชนบาเยิร์น ที่กล้าพูดได้เต็มปากว่า “บอลไทยไม่ง่าย”

ซีคฮาร์ท : อดีตนักฟุตบอลเยาวชนบาเยิร์น ที่กล้าพูดได้เต็มปากว่า “บอลไทยไม่ง่าย”
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

บอลไทยมีคุณภาพมากแค่ไหน? แม้จะเป็นการแข่งขันฟุตบอลอันดับหนึ่งของอาเซียน แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าลีกฟุตบอลไทย ยังมีมาตรฐานห่างไกลจากลีกชั้นนำของโลกหรือเอเชีย

นักเตะทีมชาติไทยหลายคน พาเหรดออกไปค้าแข้งยังต่างประเทศ เพื่อหาพัฒนาฝีมือของตัวเองให้มากกว่าขึ้น และหาความท้าทายใหม่ที่เร้าใจกว่าการเล่นฟุตบอลในประเทศไทย

แม้พวกเขาเหล่านั้น จะก้าวผ่านการแข่งขันฟุตบอลบนแผ่นดินสยาม จนกลายเป็นเพียงทางผ่านในความคิดใครหลายคน แต่คำถามที่ชวนสงสัยเกิดขึ้นว่า “บอลไทยง่ายจริงหรือ?”

Main Stand ขอพาทุกท่านไปพบกับ อเล็กซานเดร ซีกฮาร์ท นักเตะลูกครึ่งไทย-เยอรมัน ผู้ผ่านการฝึกฝนกับสโมสรบาเยิร์น มิวนิค ทีมฟุตบอลระดับแนวหน้าของยุโรป ที่กล้าพูดอย่างเต็มปาก “บอลไทยไม่ง่าย” 

เหตุใดเขาจึงคิดเช่นนั้น? ติดตามเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปพร้อมกัน

ชีวิตในถ้ำเสือ

อเล็กซานเดร ซีกฮาร์ท เริ่มต้นเส้นทางฟุตบอลกับบาเยิร์น มิวนิค ตั้งแต่อายุ 13 ปี การเป็นส่วนหนึ่งของทีมฟุตบอลที่ดีที่สุดในโลก เขาถูกปลูกฝังให้เรียนรู้ถึงคุณค่า และความหมายของชัยชนะตั้งแต่วัยเยาว์

“เมื่อคุณเทียบกับสโมสรอื่นกับบาเยิร์น มิวนิค มันแตกต่างกันมาก เพราะบาเยิร์นคือฟุตบอลระดับสูงที่สุด ที่นั่นมีนักเตะพรสวรรค์สูง และผู้เล่นฝีเท้าดีมากมาย” ซีกฮาร์ทย้อนถึงอดีตในถ้ำเสือใต้

“ดังนั้น การเล่นให้บาเยิร์น มิวนิค ผมต้องรับแรงกดดันมหาศาล พวกเขาคาดหวังให้คว้าชัยชนะ เพราะบาเยิร์นคือทีมใหญ่ในยุโรป ไม่ใช่แค่ในเยอรมัน”

เพื่อคว้าชัยชนะในทุกการแข่งขัน บาเยิร์น มิวนิค จึงสรรหาเพียงสุดยอดนักฟุตบอลเข้าสู่ทีม ซีกฮาร์ทสามารถผ่านบททดสอบในรุ่นยู 17 และ ยู 19 จนก้าวสู่ทีมบาเยิร์น มิวนิค ชุดสอง (Bayern Munich II) ได้สำเร็จ

อย่างไรก็ตาม ปี 2013 ซีกฮาร์ทได้รับอาการบาดเจ็บรุนแรงที่ข้อเท้า เขาต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บนาน 6 เดือน และเมื่อหายจากอาการบาดเจ็บกลับมา เขาไม่ได้รับโอกาสลงสนามมากอย่างที่เคย

ความกดดันจากการแข่งขันภายในทีม บวกกับปัญหาเรื่องการแบ่งเวลาระหว่างหน้าที่ในและนอกสนามฟุตบอล เส้นทางของซีกฮาร์ทกับบาเยิร์น มิวนิค จึงดำเนินมาถึงจุดจบ 

“ปีสุดท้ายที่ผมเล่นให้กับบาเยิร์น มิวนิค ผมเลือกจะเข้าสอบเพื่อจบการศึกษา มันทำให้ผมไม่สามารถฝึกซ้อมกับทีมได้ทุกครั้ง เพราะบางวันพวกเขาซ้อมทั้งเช้าและเย็น เมื่อผมเลือกไปโรงเรียนในช่วงเช้า ผมจึงไม่สามารถไปซ้อมตามโปรแกรมได้”

“อีกอย่าง ผมไม่ได้อยู่ในฟอร์มการเล่นที่ดีนัก ผมบาดเจ็บบ่อย ผมจึงคิดว่ามันคงจะดีกับตัวเอง หากผมตัดสินใจย้ายทีม เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะได้ลงตัวจริง หากผมไม่ได้มาซ้อมทุกครั้งกับทีม”

“สำหรับ บาเยิร์น มิวนิค ถ้าเยาวชนสักคนเล่นไม่ออก หรือเจ็บยาวทั้งปี คุณอาจถูกปล่อยตัวออกไปทันที เพราะพวกเขามีเงิน และไม่ฝากความหวังอะไรไว้กับผู้เล่นดาวรุ่ง ถ้าคุณเล่นไม่ออก 1-2 ปี พวกเขาจะนำเยาวชนอีกคนเข้ามาแทนที่คุณ”

แม้การเล่นให้กับบาเยิร์น มิวนิค จะเป็นความฝันของนักฟุตบอลในเยอรมันทุกคน ซีกฮาร์ทยอมรับว่าตัวเขาเสียใจไม่น้อย ที่ตัดสินใจโบกมือลาทีมฟุตบอลหมายเลขหนึ่งของประเทศ เพื่อเริ่มต้นเส้นทางใหม่กับสโมสรอุนเตอร์ฮัคคิง (SpVgg Unterhaching) ในลีกระดับภูมิภาคแคว้นบาวาเรีย (Regionalliga Bayern)

“มันเศร้าเสมอ เมื่อผมคิดถึงเรื่องนั้น เพราะความฝันของผมคือการเล่นให้กับบาเยิร์น มิวนิค และก้าวเป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดใหญ่ แต่ผมต้องยอมรับว่ามันคือระดับที่ต่างออกไปมาก”

“ผมมีปัญหาเรื่องสภาพจิตใจ บาเยิร์น มิวนิค สร้างความกดดันให้กับคุณ นอกจากนั้น ผมยังต้องเรียนให้จบ มันเป็นเรื่องยากมากสำหรับผมในตอนนั้น ที่ต้องจัดการเรื่องเหล่านี้ในหัว และเมื่อผมได้รับอาการบาดเจ็บ ผมเอาแต่คิดว่าต้องหลุดจากทีม มันสร้างความกดดันให้ผมมาก”

“การย้ายไปอุนเตอร์ฮัคคิง มันทำให้ผมสบายใจขึ้น ผมได้พบกับความเปลี่ยนแปลง ผมไม่มีอาการบาดเจ็บ สภาพจิตใจผมดีขึ้น” 

“แน่นอน ผมเสียดายที่ต้องย้ายออกจากบาเยิร์น ผมมีช่วงเวลาที่ดีที่สุดในฐานะนักเตะเยาวชน ที่ได้เรียนรู้จากสโมสรที่ดีที่สุดในโลก แต่ชีวิตผมต้องการความเปลี่ยนแปลง การย้ายออกมาจากตรงนั้น มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ผมทำได้”

ตัดสินใจครั้งสำคัญ

หลังสภาพจิตใจที่เคยบอกช้ำกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง อเล็กซานเดร ซีกฮาร์ท ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจภายใต้สังกัดอุนเตอร์ฮัคคิง เขาลงเล่นถึง 31 ตลอดฤดูกาล 2015/16 และมีโอกาสลงฟาดแข้งกับทีมดังอย่าง ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน และ แอร์เบ ไลป์ซิก รวมถึงเอาชนะต้นสังกัดเก่า บาเยิร์น มิวนิค ชุดสอง ได้อีกด้วย

น่าเสียดายที่ช่วงเวลาดังกล่าว อุนเตอร์ฮัคคิงกำลังประสบปัญหาทางการเงิน พวกเขาไม่มีนโยบายเลื่อนชั้นสู่ลีกา 3 เนื่องจากงบประมาณไม่เพียงพอ และพร้อมขายนักเตะที่มีฝีมือทุกราย เพื่อหารายได้เข้ามาจุนเจือสโมสร

ช่วงเวลานั้นเอง อเล็กซานเดร ซีกฮาร์ท ได้รับข้อเสนอจากสโมสรฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประเทศไทย “บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด”

“ก่อนที่ผมจะได้รับข้อเสนอจากบุรีรัมย์ ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าฟุตบอลในเมืองไทยเป็นอย่างไร เมื่อบุรีรัมย์เข้ามาติดต่อกับสโมสร พวกเขาบอกว่าต้องการเซ็นสัญญาผม ต้องการสนับสนุนผมบนเส้นทางฟุตบอลไทย” ซีกฮาร์ทเปิดเผยถึงจุดเริ่มต้นการค้าแข้งในเมืองไทย

“บุรีรัมย์พาผมไปดูสิ่งอำนวยความสะดวกของสโมสร ผมจึงรู้ว่าโอกาสนี้ยิ่งใหญ่แค่ไหน เพราะผมเป็นลูกครึ่งไทย-เยอรมัน และผมเกิดในประเทศไทย อย่างไรประเทศไทยคือบ้านเกิดของผม”

“การย้ายทีมครั้งนี้คือโอกาส ที่สามารถพาผมไปสู่การติดทีมชาติไทย เมื่อเทียบกับโอกาสติดทีมชาติเยอรมัน มันง่ายกว่ามาก ฟุตบอลในไทยก็กำลังพัฒนา และเติบโตขึ้นทุกวัน แม้ว่าจะเริ่มมาได้ไม่ถึงสิบปี”

“ผมรู้สึกว่าผมต้องรับโอกาสนี้ไว้ ถ้าไม่อยากเสียใจภายหลัง”

ความสำเร็จมากมายเฝ้ารออดีตเยาวชนบาเยิร์น มิวนิค รายนี้บนแผ่นดินสยาม ทั้งโอกาสในการคว้าแชมป์โตโยต้า ไทยลีก กับสโมสรชั้นนำของประเทศ และเข้าเป็นส่วนหนึ่งของขุนศึกทีมชาติไทย ตามที่ใจของเขาปรารถนา

อย่างไรก็ตาม เส้นทางฟุตบอลบนประเทศไทยของซีกฮาร์ท กลับไม่ง่ายดังหวัง ลูกครึ่งไทย-เยอรมัน รายนี้ ทิ้งโอกาสการลงสนามอย่างต่อเนื่องบนเวทีลูกหนังเยอรมัน เพื่อมานั่งสำรองในการแข่งขันฟุตบอลระดับสูงสุดของประเทศไทย เป็นเวลายาวนานกว่า 2 ปีแล้ว

 

ล้มเหลวในไทยลีก

“ตอนที่ผมมาเล่นที่ไทยในช่วงแรก คุณคาดหวังให้เพื่อนร่วมทีมช่วยคุณ แต่เขายืนอยู่ผิดตำแหน่ง ผมต้องเปลี่ยนความคิดในเรื่องนั้น และมันแตกต่างจากการเล่นที่เยอรมันมาก” ซีกฮาร์ทเปิดเผยถึงปัญหาการปรับตัวเข้ากับฟุตบอลไทย

“ฟุตบอลไทยมีรูปแบบการเล่นที่แตกต่างออกไป พวกเขามีจังหวะที่แตกต่าง นักเตะไทยมีความสามารถเฉพาะตัวที่เด่นชัด วิ่งเยอะมากและวิ่งเร็วมาก นักเตะต่างชาติที่เข้ามาเล่นในไทยก็วิ่งเยอะมาก ทุกคนในลีกมีความเร็ว แต่มีรูปแบบการเล่นไม่ดีนัก”

“มันแตกต่างจากฟุตบอลที่เยอรมัน ที่นั่นพวกเขาสอนให้คุณเข้าใจรูปแบบการเล่นตั้งแต่เด็ก มันฝังอยู่ในหัวของคุณ ผมต้องปรับความคิดเกี่ยวกับรูปแบบการเล่นอย่างมาก เมื่อก้าวมาเล่นฟุตบอลในไทย”

“นักเตะเยอรมันทุกคนรู้รูปแบบการเล่นของตัวเอง แต่นักเตะไทย บางครั้งพวกเขาไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำอะไร เพราะไม่ได้รับการสอนเรื่องเหล่านี้มา”

แม้ได้รับโอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่องจากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แต่ อเล็กซานเดร ซีกฮาร์ท ไม่สามารถแสดงผลงานที่ดีออกมาได้ตามที่แฟนบอลคาดหวัง บ่อยครั้งเขาถูกวิจารณ์ว่าเล่นไม่เข้ากับเพื่อนร่วมทีม และดูเป็นส่วนเกินของระบบการเล่นที่วางไว้ในทัพปราสาทสายฟ้า

เมื่อเสียงวิจารณ์เพิ่มมากขึ้น ความกดดันกลับเข้ามาโจมตีซีกฮาร์ท ไม่ต่างจากตอนที่เขาเล่นอยู่ในชุดเยาวชนของบาเยิร์น มิวนิค เขายอมรับตามตรงว่า แรงกระหายในชัยชนะของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไม่แตกต่างจากยอดทีมแห่งเยอรมัน และยังรับมือได้ยากกว่ามาก

“ผมคงต้องบอกว่า ผมไม่สามารถเปลี่ยนแปลง หรือปรับตัวเข้ากับฟุตบอลไทยได้ เพราะความกดดันที่ผมได้รับจากบุรีรัมย์ มันแตกต่างออกไป พวกเขาต้องการเป็นแชมป์ แต่หลังจากไม่กี่เกมผ่านไป โค้ชของเราถูกปลด แม้ว่าจะชนะการแข่งขัน”

“ผมจำเป็นต้องรับมือกับเรื่องเหล่านี้ และผมต้องเรียนรู้ฟุตบอลไทยอีกมาก การเล่นฟุตบอลคุณต้องสนุกไปกันมัน แต่ตอนนั้น ผมเล่นในตำแหน่งที่ไม่ถนัด ดังนั้น ทั้งรูปแบบการเล่นในประเทศไทย และความกดดันที่ผมแบกไว้ มันทำให้ทุกอย่างลำบากมาก”

“ผมต้องใช้ชีวิตด้วยตัวเอง มันคือครั้งแรกที่ผมจากครอบครัว ผมคิดถึงเพื่อน คิดถึงทุกอย่าง ต่อให้แรงกดดันจากการเล่นฟุตบอลในเยอรมันสูงแค่ไหน มันยังมีสภาพแวดล้อมที่คุณอยู่ได้ พ่อแม่ผมอยู่ที่นั่น เพื่อนผมอยู่ที่นั่น คุณรู้จักทุกอย่างรอบตัวคุณ”

“แต่เมื่อคุณก้าวสู่ประเทศใหม่ วัฒนธรรมใหม่ มันเป็นสิ่งที่แตกต่างจากเดิมมาก ผมเองไม่รู้จักวัฒนธรรมไทยนัก เพราะผมเติบโตในเยอรมันตั้งแต่เด็ก มันเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต ผมจึงไม่ค่อยสบายใจนัก สำหรับการปรับตัวเข้ากับประเทศไทยในช่วงแรก”

ปัญหาที่รุมเร้าซีกฮาร์ททั้งในและนอกสนาม ยุติช่วงเวลาของเขากับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ลงอย่างรวดเร็ว เขาตัดสินใจย้ายสู่สโมสรทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด แม้จะค้าแข้งให้กับทีมดังแดนอีสานใต้ได้เพียงครึ่งฤดูกาล

ความหมายของฟุตบอลไทย

ปัจจุบัน ซีกฮาร์ทไม่ใช่หน้าใหม่ของวงการฟุตบอลไทย เขาลงเล่นในศึกโตโยต้า ไทยลีก มายาวนานกว่า 3 ฤดูกาล และไม่มีปัญหาในการปรับตัวนอกสนามอีกต่อไป

ซีกฮาร์ทสามารถสื่อสารด้วยภาษาไทยได้ และมีความสุขกับเพื่อนร่วมงานในสโมสรทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่เหมือนเป็นครอบครัวแห่งใหม่ของเขา

อย่างไรก็ตาม เรื่องราวในสนามของซีกฮาร์ท ยังคงเป็นเส้นทางที่ไม่ต่างจากเดิมเท่าใดนัก เขายังคงยึดตำแหน่งตัวจริงถาวรในทีมทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ไม่ได้

ซีกฮาร์ทจึงยืนยันความรู้สึกเดิมที่มีต่อลีกไทย ว่าการแข่งขันฟุตบอลลีกบนแผ่นดินสยาม ไม่เคยเป็นงานง่ายของอดีตเยาวชนบาเยิร์น มิวนิค รายนี้

“ผมไม่เคยคิดว่าไทยลีกง่าย เพราะมันยังไม่ง่ายสำหรับผมจนถึงทุกวันนี้” ซีกฮาร์ทกล่าว

“มันมีความแตกต่างระหว่างฟุตบอลไทย กับฟุตบอลยุโรป พวกเขามีรูปแบบการเล่นที่แตกต่างกัน เรียกได้ว่าเป็น ไทยสไตล์ กับ ยุโรปสไตล์ เป็นอีกครั้งที่ผมต้องบอกว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเพราะการศึกษาที่ต่างกันของสองพื้นที่”

“ผมคิดว่ามันไม่น่าแปลกใจ เมื่อคุณได้เห็นผู้เล่นหลายคนจากยุโรป ไม่ประสบความสำเร็จในไทย พวกเขามีปัญหาตั้งแต่เรื่องสภาพอากาศ ประเทศไทยอากาศร้อนมาก บางครั้งมันทำให้คุณหายใจลำบาก คุณจึงปรับตัวกับการเล่นในสนามได้ช้ากว่าปกติ บวกกับรูปแบบการเล่นที่แตกต่าง ผมคิดว่าการเล่นฟุตบอลในประเทศไทย ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

ถึงการเล่นฟุตบอลในประเทศไทยจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่แฟนฟุตบอลชาวไทยจำนวนไม่น้อย ไม่เห็นด้วยหากนักเตะลูกครึ่งชาวไทย จะกลับมาค้าแข้งบนแผ่นดินสยาม เพราะเชื่อว่าจะลดคุณภาพของนักเตะเหล่านั้นลงไป เนื่องจากเรื่องของรูปแบบการเล่น ที่ยังไม่มีมาตรฐานเท่าลีกฟุตบอลในยุโรป

อย่างไรก็ดี ซีกฮาร์ทมองเรื่องดังกล่าวในมุมที่แตกต่างออกไป และเปิดเผยว่าเขาได้เรียนรู้เรื่องราวหลายอย่างในฟุตบอลไทย โดยเฉพาะเรื่องการปรับตัวเข้ากับฟุตบอลรูปแบบใหม่ ที่หาไม่ได้ในทวีปยุโรป

“ผมเรียนรู้หลายสิ่งจากประเทศไทย แน่นอนว่ามันอาจจะดีกว่า หากคุณเล่นในเยอรมัน แต่หากสมมติว่า ผมกลับมาเล่นให้ทีมชาติไทย ผมยืนยันว่า ผมไม่มีทางเล่นเข้ากับผู้เล่นที่นี่ได้เลย เพราะเราไม่ได้ถูกฝึกมาแบบเดียวกัน”

“ผมไม่สามารถบอกคนอื่นให้เล่นฟุตบอลแบบไหนได้ ผมต้องปรับตัวเอง นั่นคือสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากฟุตบอลไทย”

“มันคงน่าสนุก หากคุณพาตัวผมในตอนนี้ ไปลงเล่นให้กับทีมจากเยอรมัน บางทีผมอาจจะเล่นได้ดีกว่านี้ หรือแย่กว่าที่เป็นอยู่ก็ได้ ใครจะเป็นรู้จริงไหม แต่สิ่งที่ผมบอกได้คือ ผมเรียนรู้จากประเทศไทยมากมายจริงๆ

ทุกวันนี้ ซีกฮาร์ทมองเรื่องราวที่ผ่านมาเป็นเพียงอดีต เขาสนใจเพียงการไล่ล่าหาความสำเร็จให้แก่ต้นสังกัดปัจจุบัน แม้รายการโตโยต้า ไทยลีก อาจเป็นการแข่งขันฟุตบอลที่ไม่ได้มีคุณค่านัก ในสายตาของแฟนฟุตบอลบางคน

แต่ อเล็กซานเดร ซีกฮาร์ท ที่ยืนยันกับเราว่า ความท้าทายในการไล่ล่าคว้าแชมป์ลีกบนสังเวียนฟุตบอลประเทศไทย ตื่นเต้นกว่าการไล่ล่าหาความสำเร็จในลีกเยอรมัน

“ตอนนี้ผมต้องการคว้าแชมป์กับแบงค็อก ยูไนเต็ด นี่คือเป้าหมายของผม ผมคิดว่ามันไม่แตกต่างอะไรกับการลุ้นเลื่อนชั้น เมื่อผมอยู่อุนเตอร์ฮัคคิง” 

“อันที่จริง ผมคิดว่ามันคงดีกว่า หากเราคว้าแชมป์ได้ เพราะแชมป์อย่างไรก็คือแชมป์ หากผมได้เลื่อนชั้น แน่นอนว่ามันน่ามหัศจรรย์ แต่การคว้าแชมป์ลีก มันน่ามหัศจรรย์ยิ่งกว่า”

“ตอนนี้ผมอยู่ในลีกลำดับหนึ่ง ผมอยู่ในการแข่งขันที่ดีที่สุดของประเทศไทย แน่นอนว่าแชมป์ไทยลีก คือเป็นรางวัลที่ผมต้องการประสบความสำเร็จ” 

“ดังนั้น ผมคิดว่าการคว้าแชมป์ในประเทศไทย มันดีกว่าการได้เลื่อนชั้นที่เยอรมันแน่นอน”

ไทยลีกเล่นไม่ยาก? ไทยลีกไม่ท้าทาย? ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมาของ อเล็กซานเดร ซีกฮาร์ท บนเวทีฟุตบอลไทย เขาพบเจอกับบททดสอบมากมาย และยืนยันได้ว่าไทยลีก ไม่ได้ไร้คุณภาพอย่างที่ใครคิด

หลายคนมองว่าเขาตัดสินใจผิดพลาด บางคนคิดว่าเขาไม่กล้าเดินหน้าต่อไปในยุโรป แต่ซีกฮาร์ทไม่เคยเสียใจให้กับเส้นทางที่เลือกเดินทุกวันนี้ และพร้อมฝากอนาคตในฐานะนักฟุตบอลจากลีกไทยต่อไป 

เพราะไม่ว่าบอลไทยจะง่าย หรือยากกว่าลีกฟุตบอลอื่นบนโลกอย่างไร? การย้ายมาเล่นฟุตบอลในประเทศไทย คือการตัดสินใจที่เขาเลือกเอง

“ผมคิดว่าทุกคนหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง แน่นอน ทุกคนมีทางเลือกที่แตกต่างกัน มันแล้วแต่ว่าคุณต้องการอะไรในชีวิต คุณตอบรับโอกาสไหนให้ชีวิต”

“ผมแค่ทุ่มเทเต็มที่ให้กับการเล่นฟุตบอล ผมจะได้บอกกับตัวเองว่า คุณเต็มที่แล้ว และ คุณทำทุกอย่างเพื่อมัน ถ้าผลออกมาไม่ดี ผมคงต่อว่าตัวเองไม่ได้ เพราะอย่างน้อย ผมไม่เสียใจในสิ่งที่ตัวเองทำลงไปอย่างเต็มที่แล้ว”

“สุดท้าย ผมตัดสินใจมาประเทศไทย และฟุตบอลไทยให้อะไรผมมากมาย ผมได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆตลอดเวลา การค้าแข้งในประเทศไทย คือประสบการณ์อันล้ำค่า มันยอดเยี่ยมมากที่ได้มาเล่นที่นี่”

“นักฟุตบอลหลายคนอาจมีความฝัน อยากไปเล่นที่เยอรมัน แน่นอน คุณทำมันได้ ไม่มีปัญหา แต่สำหรับผม ฟุตบอลไทยคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า และผมไม่เคยเสียใจที่ได้มาเล่นฟุตบอลในประเทศไทย” ซีกฮาร์ทกล่าวทิ้งท้าย ถึงความหมายการเล่นฟุตบอลในประเทศไทย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook