10 บุคคลกีฬาทรงอิทธิพลแห่งปี 2018

10 บุคคลกีฬาทรงอิทธิพลแห่งปี 2018

10 บุคคลกีฬาทรงอิทธิพลแห่งปี 2018
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตลอดปี 2018 มีเหตุการณ์และข่าวกีฬาเกิดขึ้นมากมาย ทั้งที่เกี่ยวกับเกมการแข่งขันและบุคคลในแวดวงกีฬา และนี่คือ 10 ข่าวที่ทรงอิทธิพล และมีคนให้ความสนใจมากที่สุดของปี 2018

a-11. วิชัย ศรีวัฒนประภา : การจากไปที่ทั่วโลกต้องจดจำ  

หลังจากข่าวสุดช็อกของการลาโลกจากอุบัติเหตุทางเฮลิคอปเตอร์ของ "วิชัย ศรีวัฒนประภา" เจ้าของทีมเลสเตอร์ ซิตี้ ชาวไทยเมื่อกลางดึกของวันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม ที่ผ่านมา

โลกไม่ได้พูดถึง "วิชัย ศรีวัฒนประภา" ในฐานะมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่มีทรัพย์สินนับแสนล้าน แต่โลกยกย่องเขา จากคุณงามความดีและสิ่งที่เขาได้ทำตลอดช่วงหนึ่งลมหายใจ

การจากไปของเขา นับเป็นการสูญเสียบุคลากรคนสำคัญของไทย รวมถึงโลกฟุตบอล ผู้ที่จุดประกายความหวัง แรงบันดาลใจ และมอบโอกาสให้แก่ผู้คนมากมาย ที่อยู่รายรอบอาณาจักรที่ชายไทยวัย 60 ปี สร้างไว้เมื่อครั้งยังมีลมหายใจ

โลกแทบไม่เคยพูดถึงว่า วิชัย ศรีวัฒนประภา ร่ำรวยขนาดไหน มีทรัพย์สินจำนวนมากมายเท่าไหร่? แต่สิ่งที่เขาถูกเชิดชู ภายหลังจากสิ้นลมหายใจ กลับเป็นเรื่องราวความเป็นมนุษย์ของเขา ในการเป็น "ผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่" และเขาจะเป็นต้นแบบที่ยอดเยี่ยมของการเป็นผู้ให้

a-22. ลูก้า โมดริช : ปาดหน้า "เมสซี-โด้" ผงาดบัลลงดอร์

ลูก้า โมดริช สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักเตะโครแอตคนแรกที่คว้ารางวัลบัลลงดอร์ได้สำเร็จ พร้อมเป็นการยุติศึกแย่งชิงระหว่าง โรนัลโด-เมสซี ซึ่งผลัดกันได้เพียง 2 คนตลอด 10 ปีที่ผ่านมา

นิตยสารฟรองซ์ฟุตบอล สื่อกีฬาเจ้าดังแห่งฝรั่งเศส จัดงานมอบรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปี “บัลลงดอร์ 2018” ที่กรุงปารีส เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม โดยงานนี้จัดขึ้นเป็นหนที่ 63 นับตั้งแต่มีขึ้นครั้งแรกปี 1956

สำหรับตัวเต็งหนนี้หลายฝ่ายมองไปยัง ลูก้า โมดริช กองกลางทีมชาติโครเอเชีย ซึ่งจะเป็นการยุติศึกแย่งชิงระหว่าง คริสเตียโน โรนัลโด แห่งทีมชาติโปรตุเกส และ ลิโอเนล เมสซี แห่งทีมชาติอาร์เจนตินา ที่ผลัดกันคว้ารางวัลเพียง 2 คนมาตลอดนับตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา

a-33. ชนาธิป สรงกระสินธ์ : 8 ประตู ในเจลีก จารึกชื่อสุดยิ่งใหญ่

ชนาธิป สรงกระสินธ์ ดาวเตะทีมชาติไทย ที่เดินทางย้ายไปค้าแข้งกับ "เจ้านกฮูก" ฮอกไกโด คอนซาโดเล่ ซัปโปโร สโมสรในศึกเจลีก ญี่ปุ่น สร้างชื่ออีกครั้ง หลังได้รับการคัดเลือกให้ติดทีม 11 นักเตะยอดเยี่ยมเจลีก ประจำฤดูกาล 2018

หลังมิดฟิลด์ร่างเล็กทีมชาติไทยวัย 25 ปี โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นทำผลงานยิง 8 ประตู กับอีก 2 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 30 นัด พร้อมทั้งพา คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ต้นสังกัดจบอันดับที่ 4 ของตารางฤดูกาล 2018

จากการได้รับเลือกจากคณะกรรมการผู้ตัดสินให้ติดทีมในครั้งนี้ทำให้ ชนาธิป กลายเป็นผู้เล่นชาวไทย และชาวอาเซียน รายแรกในประวัติศาสตร์ที่มีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมลีกสูงสุดแดนปลาดิบ นับตั้งแต่มีการประกาศรางวัลเมื่อปี 1993

นอกจากนี้ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ยังคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี จากการประกาศรางวัล "FA THAILAND Awards 2018" ที่จัดขึ้นเพื่อเชิดชูเกียรติแต่ละสาขาให้กับนักกีฬาฟุตบอล, ฟุตซอล, ฟุตบอลชายหาด รวมไปถึงบุคลากรและสโมสรดีเด่นในรอบปี 2018 เรียกได้ว่า นี่คือปีทองของเจ้าเจจริงๆ

a-44. โชเซ่ มูริญโญ่ : โดนเด้งเพราะผลงานโดยแท้  

ทีมปีศาจแดงหมดความอดทน และประกาศแยกทาง โชเซ่ มูรินโญ่ ผู้จัดการทีมชาวโปรตุเกส หลังจากเข้ามาคุมทัพปีศาจแดงตั้งแต่ปี 2016

สำหรับ มูรินโญ่ พาทัพผีแดงคว้า ดับเบิ้ลแชมป์บอลถ้วยในปี 2016-17 กับ ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก และ อีเอฟแอล คัพ ก่อนถูกเด้งหลังพาทีมมีเพียง 26 คะแนน จาก 17 นัด รั้งอันดับ 6 ของตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ตามหลังจ่าฝูงอย่าง ลิเวอร์พูล 19 คะแนน

โดนหลังจากเด้งเฮียมูออกจากตำแหน่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด  ก็ประกาศแต่งตั้ง อดีตกองหน้าอย่าง "โอเล่ กุนนาร์ โซลชา" นั่งกุนซือชั่วคราวจนกระทั่งจบฤดูกาล 2018/19

a-55. ทีมชาติฝรั่งเศส : แชมป์โลกสมัย 2

ทีมชาติฝรั่งเศส ผงาดคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 มาครองได้สำเร็จ พร้อมทั้งเป็นการคว้าแชมป์สมัยที่ 2 ในประวัติศาสตร์ หลังจากที่เอาชนะ โครเอเชีย 4-2

พร้อมกับส่งให้ "คิลิยัน เอ็มบัปเป้" แจ้งเกิดแบบเต็มตัว ด้วยการคว้ารางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ไปครอง ด้วยฟอร์มการเล่นชนิดที่เรียกว่าล้ำหน้าเกินอายุของตนเองไปไกล

ส่วนปอล ป็อกบา มิดฟิลด์สังกัด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เข้าร่วมศึก ฟุตบอลโลก 2018 ที่ รัสเซีย ด้วยความคาดหวังที่จะพิสูจน์ตัวเองอีกสักตั้งหลังจากซีซันที่ผ่านมากับ ปีศาจแดง ถูกมองว่าไม่ประสบความสำเร็จเท่าใดนัก

และนัดชิงชนะเลิศก็ได้กลายเป็นเกมที่มิดฟิลด์ เรดเดวิลส์ ทำได้โดดเด่นสุดๆ ทั้งในเกมรับและเกมรุก เมื่อกวาดสายตาดูสถิติที่เกิดขึ้นก็พบว่า ป็อกบา กลายเป็นแข้ง ตราไก่ ที่เอาชนะในการเข้าปะทะมากที่สุดที่ 4 ครั้ง และผ่านบอลมากที่สุดในสนามที่ 35 ครั้ง แถมยังทำได้อีก 1 ประตู อีกด้วย

a-66. เมสซี : มันจบแล้วสำหรับแชมป์ฟุตบอลโลก
   
เปเล่ และ มาราโดน่า ต่างมีช่วงเวลาที่ได้ชูถ้วยบอลโลกสักครั้งหรือมากกว่านั้น และต่างมีภาพให้ชนรุ่นหลังได้จำ ทั้งน้ำตาของเปเล่ หรือหัตถ์พระเจ้าของเสือเตี้ย แต่กับ ลิโอเนล เมสซี แล้ว เขากำลังจะหมดโอกาสที่จะได้ทำแบบนั้น

เมสซี เพิ่งจะอายุ 31 ปี ไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และนั่นหมายความว่าเขาจะอายุ 35 ปีเข้าไปแล้วในฟุตบอลโลกที่กาตาร์ ซึ่งเมื่อเทียบกับทีมชุดนี้แล้ว จะมีแค่ กาบาเยโร่ ที่อายุมากกว่าเขาเท่านั้น

การตกรอบของเมสซีครั้งนี้ จึงแทบจะเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตค้าแข้งของเขาก็ว่าได้ และถึงกระนั้น เขาก็ดันตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายโดยที่ไม่ได้ฝากอะไรไว้ให้เป็นที่จดจำเลย ไม่แม้แต่จะยิงลูกมหัศจรรย์อะไร หรือเปิดบอลให้เพื่อนตีเสมอนาทีสุดท้ายก็ทำไม่ได้

เอาจริงนะฟุตบอลโลก 2018  การมีมาราโดน่า มาดูมาเชียร์ อาร์เจนติน่า ในฐานะกองเชียร์ปีนี้ยังน่าสนใจกว่า "เมสซี" กับเพื่อนทั้งทีมด้วยซ้ำ!!!

a-7
7. ยูเซน โบลต์ : จากอดีตลมกรดชื่อดัง สู่การค้าแข้งอาชีพ  

ยูเซน โบลต์ อดีตนักวิ่งเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก ที่ผันตัวเองมาสู่การเป็นนักเตะอาชีพกับ เซ็นทรัล โคสต์ มาริเนอร์ส และเขาบรรจงซัดประตูได้สำเร็จ  

โบลต์ วัย 32 ปี ยิงประตูให้กับทีมได้ในเกมอุ่นเครื่องกับ แม็คอาร์เธอร์ เซาธ์ เวสต์ ซึ่งต้นสังกัดของเขาถล่มเอาชนะไป 4-0 โดยที่เขาสามารถใส่สกอร์ได้ 2 ลูก คือประตูที่ 3 และ 4 พร้อมกับฉลองด้วยท่าสายฟ้าอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของเขา

a-8
8. เรอัล มาดริด : มหัศจรรย์การป้องกันแชมป์ยุโรปทีมแรก

"ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด กลายเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ที่ป้องกันแชมป์ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้สำเร็จ หลังเอาชนะยูเวนตุส 4-1 ในนัดชิงชนะเลิศ และถือเป็นทีมที่คว้าแชมป์ยุโรปเยอะสุด 12 สมัย

นอกจากนี้ยังทำให้ ซีเนอดีน ซีดาน กุนซือของราชันชุดขาว ผงาดเป็นกุนซือคนแรกที่พาทีมป้องกันแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกสองสมัยติดต่อกัน  ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นภายใน 17 เดือนนับตั้งแต่ ซีดานเข้ามาคุมทีม ต่อจาก ราฟาเอล เบนิเตซ

ซีดาน คุมมาดริด ลงสนามไปทั้งหมด  87 เกม คว้าชัยชนะ  65 เกม และแพ้เพียง  7 นัด เท่านั้น  ส่วน ถ้วยที่เขาพามาดริด หยิบติดมือมา มีทั้งหมด 5 ถ้วยด้วยกัน  เป็นแชมเปี้ยนส์ลีก 2 ถ้วย , ลาลีก้า 1 สมัย , ยูฟ่าซูเปอร์คัพ และ ฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพ  ภายในเวลาไม่ถึง 2 ปี

a-99. โมฮาเหม็ด ซาลาห์ : ปีทองของเขา แม้ไร้โทรฟี่ 

โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ แนวรุกชาวอียิปต์ของทีมหงส์แดง "ลิเวอร์พูล" โชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรง ตลอดซีซั่นที่ผ่านมา ด้วยการยิงไปทั้งหมด 31 ประตูจาก 35 เกมในลีก

สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักเตะคนแรกที่คว้ารางวัลแข้งยอดเยี่ยมประจำเดือน 3 ครั้ง ใน 1 ฤดูกาล และก่อนหน้านี้เขาคว้าไปแล้ว 2 รางวัล ตั้งแต่รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ หรือ PFA และสมาคมผู้สื่อข่าวฟุตบอล FWA นอกจากนี้ซาลาห์ยังเป็นนักฟุตบอลคนที่ 3 จากลิเวอร์พูลที่ได้รับรางวัลนี้ต่อจาก ไมเคิล โอเวน และ หลุยส์ ซัวเรซ

แต่ไม่ว่าเขาจะโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมขนาดไหน แต่เขากลายเป็นชายที่บอบช้ำที่สุด เมื่อเขาได้รับบาดเจ็บ ในเกมแชมเปี้ยนส์ลีก รอบชิงชนะเลิศ ที่สนามโอลิมปิก สเตเดียม กรุงเคียฟ โดยเขาเดินออกจากสนามทั้งน้ำตา จากอาการไหล่หลุด หลังถูก รามอส เหนี่ยวแขนขวา แล้วเสียหลักล้ม ทำให้หัวไหล่ซ้ายกระแทกพื้นเต็มแรง และท้ายที่สุดลิเวอร์พูล ก็ปราชัยต่อ เรอัล มาดริด ไปแบบเจ็บปวด 1-3 ชวดแชมป์ยุโรปสมัยที่ 6


a-1010. นางาสุ : ประวัติศาสตร์จารึก "หมุน 3 รอบ" ได้ในโอลิมปิกฤดูหนาว 

เป็นที่ฮือฮาไปทั่ววงการไอซ์สเก็ต เมื่อ "มิระอิ นางาสุ" ได้กลายเป็นนักกีฬาชาวอเมริกันคนแรก ที่สามารถทำท่า Triple Axel (หมุนตัวกลางอากาศ 3 รอบ) ได้สำเร็จในการแข่งขันระดับโอลิมปิก

โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ในการแข่งขันไอซ์สเก็ต ประเภททีม ในมหกรรมกีฬา โอลิมปิกฤดูหนาว 2018 ณ เมืองพยองชาง ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

สำหรับท่า "Triple Axel" นั้นถือเป็นท่ามหาโหดสำหรับนักกีฬาเลยทีเดียว ซึ่งโดยทั่วไปแล้วการที่คนเรากระโดดและหมุนตัวได้ 1-2 รอบนั้นก็ถือเป็นเรื่องยากที่จะสามารถลงสู่พื้นได้นิ่งและแม่นยำจนลื่นไหลไปท่าอื่นได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook