"Arsene We Trust"

"Arsene We Trust"

"Arsene We Trust"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผมเขียนคอลัมน์ "อารมณ์คมคาย" ตอนนี้ในวันที่ 1 ต.ค. พ.ศ. 2555 มันเป็นวันจันทร์ครับท่านผู้อ่าน เป็นวันจันทร์ทั่วไปที่หลายคนต้องทำงานเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว

หลายคนเพิ่งได้นอนเพราะตรากตรำทำงานมาตลอดทั้งคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หรือแม้แต่หลายคนเปรมปรีด์กับการเสี่ยงโชคเล็กๆ น้อยๆ ที่นำมาซึ่งลาภก้อนโต แต่สำหรับตัวผมเองวันนี้นับเป็น 1 วันสำคัญ

ไม่ได้สำคัญถึงขั้นกระทบหน้าที่การงาน แต่ที่บอกว่าสำคัญ เพราะวันนี้เมื่อ 16 ปีที่แล้ว เป็นวันที่ชายชาวฝรั่งเศสรูปร่างสูงยาวเข่าดีคนหนึ่ง เดินทางจากประเทศญี่ปุ่นมาทำงานที่ประเทศอังกฤษ

หลายคนเริ่มงงว่ามันสำคัญตรงไหน ต้องสำคัญสิครับ เพราะผู้ชายคนนั้นคือ อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือเฟร้นช์แมนของ "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล หนึ่งในทีมบิ๊กโฟร์ของศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ทีมรักของผมไงครับ

หากจะถามว่าในลีกสูงสุดแดนผู้ดีใครคือกุนซือที่มากบารมีที่สุด ผมมั่นใจว่าหลายคนจะตอบว่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือเลือดวิสกี้ของ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หนึ่งในสุดยอดทีมในเวทีค้าแข้งยุโรป ที่ประสบความสำเร็จมากมายในตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมา

แล้วถ้าผมถามต่อไปว่า "ใครอีก" คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าขรัวเฒ่าวัย 62 ปีจากถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม คือหมายเลข 2 ของยอดกุนซือในเกาะอังกฤษที่ใครจะนึกถึงขึ้นมาทันที

ด้วยสไตล์การทำทีมที่ถือคติ "รักเด็ก" เน้นดาวรุ่งที่มีพลังในการสร้างสรรค์เป็นหลัก ประกอบกับระบบการเล่นที่เขาเข้ามาเปลี่ยนจาก "Boring Arsenal" ให้มาเป็น "Entertain Arsenal" ทำให้ทีมดังจากกรุงลอนดอนรายนี้มีชื่อเสียงขจรขจายไปไกล
และได้รับการยอมรับมากมายว่าชายคนนี้คือคนที่ปลุกปั้นนักเตะระดับโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โทนี่ อดัมส์, ปาทริค วิเอร่า, เฟรเดอริก ลุงเบิร์ก, โรแบร์ ปิแรส, มาร์ค โอเวอร์มาร์ส, เธียรี่ อองรี ฯลฯ (คั่นดีกว่า เพราะถ้าไล่ให้หมดอาจยาวจนน่ารำคาญ) เป็นต้น ซึ่งวันนี้คอลัมน์ของผมขอยกให้เขาคนนี้แต่เพียงผู้เดียว

16 ปีที่แล้วของวันนี้ หนังสือพิมพ์ เดอะ ซัน สื่อจอมเม้าท์ของประเทศอังกฤษ ขึ้นพาดหัวข่าวตัวโตในหน้ากีฬาของพวกเขาว่า "Arsene Who?" แปลง่ายๆว่า "อาร์แซน (เวนเกอร์) นี่มันใครวะ??

เพราะทันทีที่ บรูซ ริอ็อค กุนซือคนเก่าลาออกไปเมื่อ 12 ส.ค. 1996 อาร์เซน่อล ก็ต้องใช้กุนซือรักษาการณ์อย่าง สจ๊วร์ต ฮุสตั้น และแพท ไรซ์ ไปพลางๆ โดยระหว่างนั้นมีชื่อของ โยฮันน์ ครัฟฟ์ "กุนซือเทวดา" อดีตเทรนเนอร์ของ บาร์เซโลน่า ทีมดังในลีกลา ลีกา สเปน เป็นเต็ง 1 ที่จะเข้ามาคุมทีมต่อ

แต่อยู่ดีๆ บอร์ดบริหาร อาร์เซน่อล ที่นำโดย เดวิด ดีน ประธานบริหารก็แต่งตั้งกุนซือคนนี้ขึ้นมาดิบๆ ทั้งที่เจ้าตัวไม่ใช่กุนซือที่คุ้นเคยกับเกมลูกหนังแดนผู้ดีแต่อย่างใด แถมงานก่อนที่จะย้ายมายังถิ่นไฮบิวรี่ (สนามใหม่สร้างในปี 2006)

คือการคุมทีมอย่าง นาโกย่า แกรมปัส เอท ทีมในกลีกแดนอาทิตย์อุทัย ซึ่งถ้าเทียบตามการพัฒนาครานั้นวรรณะยังต่างกัน 12 ชั่วโคตร

แต่ เวนเกอร์ ไม่ใช่คนที่จะมานั่งสาธยายว่าตัวเองเก่งอย่างนั้น เทพอย่างนี้ แต่เขาเลือกที่จะตอบคำถามของบรรดาสื่อแดนผู้ดีด้วยผลงานครับ เพียงปีแรกที่เขาเข้ามาคุม อาร์เซน่อล ก็พาทีมจบด้วยอันดับ 3 ที่มีแต้มเท่ากับอันดับ 2 อย่าง นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด แต่แพ้ลูกได้เสียเท่านั้น

เล่นเอาแดนผู้ดีต้องจับตากุนซือรายนี้เป็นพิเศษ และในฤดูกาลต่อมา (1996-97) อาร์เซน่อล ภายใต้เงื้อมมือของ เวนเกอร์ ก็ผงาดคว้าดับเบิ้ลแชมป์ในลีกแดนผู้ดี ทั้งแชมป์ลีกและ เอฟเอ คัพ และเป็นที่มาของยุคแบ็กโฟร์ยุคแรกอย่าง ไนเจล วินเทอเบิร์น, ลี ดิ๊กซั่น, สตีฟ โบลด์ และโทนี่ อดัมส์ นั่นเอง

พร้อมการเกิดของดาวโรจน์อีกหลายดวง ทั้ง เอ็มมานูเอล เปอตีต์, ปาทริค วิเอร่า, มาร์ค โอเวอร์มาร์ส และนิโกล่าส์ อเนลก้า รวมไปถึง "ดิ ไอซ์เบิร์ก" เดนนิส เบิร์กแค้มป์ หอกดัตช์ที่ได้รับการยอมรับว่า "คลาสสิคที่สุด" ในโลกคนหนึ่ง เสียดายอย่างเดียวเป็นโรคกลัวเครื่องบิน

นับตั้งแต่นั้นมา เวนเกอร์ ก็เดินหน้าคว้าความสำเร็จอย่างต่อเนื่องให้กับ อาร์เซน่อล ที่โดดเด่นต่อมาคือการคว้าแชมป์ลีกในฤดูกาล 2003-04 ที่เป็นการคว้าแชมป์แบบ "Invisibles" หรือไม่แพ้ใครแม้แต่เกมเดียว ด้วยผลงานลงเล่น 38 เกม ชนะ 26 เสมอ 12 มีแต้มห่างรองจ่าฝูงอย่าง เชลซี ถึง 11 แต้ม

ยิ่งทำให้ เวนเกอร์ กลายเป็นโคตรกุนซือของโลกไปในบัดดล เพราะการทำทีมเป็นแชมป์ว่ายากแล้ว แต่การเป็นแชมป์แบบไม่แพ้ใครเลยนี่มันยากยิ่งกว่า ส่วนอีกหนึ่งสถิติที่น่าชื่นชมในผลงานของเทรนเนอร์รายนี้คือการทำ อาร์เซน่อล ไม่แพ้ใครเลย 49 เกม ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของพรีเมียร์ลีกในเวลานี้ และยังไม่มีใครที่จะหาญกล้ามาพิชิตลงไปได้ แต่ให้เก่ง ให้เฮง หรือให้รวยแค่ไหนก็เถอะ

ความสำเร็จครั้งสุดท้ายของ เวนเกอร์ คือการซิวแชมป์เอฟเอ คัพ เมื่อปี 2005 นับจากวันนั้นถึงวันนี้ 7 ปีดีดักที่ เวนเกอร์ ไม่สามารถคว้าความสำเร็จได้ ไหนจะความสำเร็จสูงสุดอย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ เวนเกอร์ หวังนักหนาแต่ยังไม่เคยได้สัมผัสเสียที

จนมีกระแสต่อต้านจากแฟนบอลกลุ่มเล็กๆ พวกที่คิดฉาบฉวยจะเอาแต่ความสุขของตัวเองแย้งว่า อาจถึงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงของทัพ "เดอะ กันเนอร์ส" เสียที แต่ถ้าใครเป็นแฟน อาร์เซน่อล และรู้จัก อาร์เซน่อล ดีพอ ผมมั่นใจครับว่าทุกเสียงยืนยันว่าคงไม่มีกุนซือรายใดจะยอดเยี่ยมได้เท่ากับ เวนเกอร์ คนนี้อีกแล้ว

ผมนึกภาพไม่ออกทีเดียว หากวันหนึ่งกุนซือรายนี้จะโบกมือลาแท่นกุนซือของ อาร์เซน่อล ไป ผมเชื่อว่าวันนั้นมาถึงแน่ๆ แต่จะช้าหรือเร็วแค่นั้นเอง ผมถึงบอกไงครับว่า 1 ต.ค. เป็นอีกวันสำคัญของผม ของทีมรักของผม อาร์เซน่อล แม้เราจะฉลองครบรอบ 16 ปีด้วยความพ่ายแพ้แรกของฤดูกาล 2012-13 ก็ตามที และเราจะเชื่อใจคุณตลอดไป "Arsene We Trust"

ความสำเร็จของ เวนเกอร์ กับ อาร์เซน่อล ตลอด 16 ปีที่ผ่านมา
พรีเมียร์ลีก 3 สมัย : 1997-98, 2001-02, 2003-04
เอฟเอ คัพ 4 สมัย : 1997-98, 2001-02, 2002-03, 2004-05

อธิคม ภูเก้าล้วน เรียบเรียง

อัลบั้มภาพ 12 ภาพ

อัลบั้มภาพ 12 ภาพ ของ "Arsene We Trust"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook