สแตน สมิธ : นักเทนนิส ที่ผู้คนจดจำในนามรองเท้าขาวสุดเท่

สแตน สมิธ : นักเทนนิส ที่ผู้คนจดจำในนามรองเท้าขาวสุดเท่

สแตน สมิธ : นักเทนนิส ที่ผู้คนจดจำในนามรองเท้าขาวสุดเท่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

Stan Smith คือหนึ่งในซีรี่ส์รองเท้าชื่อดังที่สุดของ adidas เหล่าเซเลปคนดังพร้อมใจกันสวมใส่ส่งผ่านกันมารุ่นสู่รุ่นเป็นเวลายาวนานกว่า 50 ปี

นี่คือเรื่องราวการปล่อยหมัดน็อคระดับดังเปรี้ยงของ adidas ที่ทุกอย่างประจวบเหมาะตรงเวลาอย่างน่าเหลือเชื่อ และทำให้ adidas Stan Smith กลายเป็นรองเท้าขายดีระดับปีละ 50 ล้านคู่ ทั้งๆ ที่รองเท้าทั้งคู่แทบจะเป็นสีขาวทั้งหมด 

เบื้องหลังสำคัญ คืออดีตนักเทนนิสมือ 1 ของโลกที่ทุกวันนี้ผู้คนแทบไม่รู้จักแล้วว่าเขาคือใคร ทว่าเขาคือผู้สร้างจุดเปลี่ยนให้ adidas Stan Smith ก้าวกระโดดจากรองเท้ากีฬาสู่รองเท้าแฟชั่นอมตะจนถึงทุกวันนี้ 

ติดตามได้ที่นี่

ทำไม Stan Smith จึงความเท่ที่ส่ง adidas ผงาด

แฟชั่นคือสิ่งที่หมุนวนไปไม่รู้จบ สินค้าที่ไม่เคยได้รับความสนใจใช่ว่าจะตายสนิท หากวันใดที่ถึงเวลาของมันและมีเรื่องราวที่เหมาะ พวกมันอาจจะกลายเป็นของเลอค่าที่หาไม่ได้ตามท้องตลาดก็เป็นได้ 

สำหรับ adidas แบรนด์สปอร์ตแวร์จากเยอรมันที่ภายหลังปรับตัวให้เข้ากับกระแสสังคมโลกด้วยการเอาจริงเอาจังในสายแฟชั่น ไม่มีรองเท้าแฟชั่นของพวกเขารุนไหนที่อมตะและเป็นยิ่งกว่าแฟชั่นได้มากกว่า adidas Stan Smith อีกแล้ว เพราะรองเท้ารุ่นนี้แทบไม่เคยมีความนิยมตกไปเลย มันคือความคลาสสิกที่อยู่เหนือเหตุผลของกาลเวลา

Stan Smith คือผู้จุดประกายรองเท้าแฟชั่นสายขาวล้วน ซึ่งผิดกับสไตล์ที่ adidas พยายามจะชูให้เป็นภาพจำมาตลอด นั่นคือการใช้ 3 แถบตัดกับสีพื้นเพื่อสร้างความโดดเด่น ซึ่งในจุดนี้ adidas Stan Smith  แหวกขนบด้วยการใช้การเจาะรูขนาดเล็กๆ เรียงกันเป็นแนวตั้งแทนแถบ 1 แถบ


Photo : www.womensrunning.com

Business Insider เว็บไซต์เกี่ยวกับเรื่องของการตลาดและเทรนด์ อธิบายว่าความขายดิบขายดีปีละ 50 ล้านคู่ของ adidas Stan Smith เกิดขึ้นจากการดิ้นออกจากกรอบที่พวกเขาเคยทำ และมันเปรี้ยงเขาไปอีกเมื่อเหล่าเซเลปฯ ระดับโลกไม่ว่าจะในวงการแฟชั่นที่ จีเซล บุนด์เชน ศรีภรรยาของ ทอม เบรดี้ สวมใส่ adidas Stan Smith ขึ้นปกนิตยสาร Vogue ก่อนจะปรากฎบนแคทวอล์คในการแสดงคอลเล็คชั่นฤดูใบไม้ผลิของ อเล็กซานเดอร์ แวง ในปี 2015 ไปจนถึงศิลปินแถวหน้าอย่าง ฟาห์เรล วิลเลี่ยมส์ ที่กลายเป็นหนึ่งในผู้มีส่วนร่วมออกแบบ adidas Stan Smith คัสตอมตามฉบับของเขาเองด้วย แถมยังขายหมดภายในพริบตาอีกต่างหาก

หากจะถามว่า อิทธิพลของ adidas Stan Smith นั้นมากมายขนาดไหน คงต้องบอกว่ารองเท้ารุ่นนี้สามารถเอาชนะต้นกำเนิดของ adidas อย่างรองเท้าสตั๊ดได้ด้วยยอดขายอันดับ 1 ที่นำโดย เรื่องดังกล่าวยันถูกยืนยันจาก Footwear News ซึ่งยกให้ adidas Stan Smith คือรองเท้าแห่งปี 2014 เลยทีเดียว 

Photo : sneakernews.com

ต้นกำเนิด Stan Smith 

จะบอกว่า adidas Stan Smith คือรองเท้ากลายพันธุ์มาก็คงไม่ผิดนัก เรื่องราวการถือกำเนิดของรองเท้าที่ดีที่สุดต้องย้อนกลับไปในปี 1963 ซึ่ง adidas ผลักดันรองเท้ารุ่นนี้ลงในวงการเทนนิส ทว่าชื่อเดิมของมันคือ "Halliet" ไม่ใช่ adidas Stan Smith อย่างทุกวันนี้

ตามประวัติแล้วรองเท้าทรงนี้ถูกตั้งชื่อว่า adidas Robert Haillet โดยตั้งตามชื่อของ โรแบร์ ไอเยต์ นักเทนนิสชาวฝรั่งเศส และออกขายครั้งแรกในปี 1965 

หนังสือ Sneaker Wars อ้างอิงว่า ตอนนั้นประเทศฝรั่งเศสมีนักเทนนิสอาชีพระดับแถวหน้าแค่ 2 คนเท่านั้น ซึ่งทาง adidas โดย ฮอร์สท์ ดาสเลอร์ ลูกชายของ อาดิ ดาสเลอร์ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ เจ้าของไอเดียการผลิตรองเท้าสำหรับการเล่นเทนนิส หวังจะผูกเรื่องราวของรองเท้ากีฬาเข้ากับเมืองแฟชั่นอย่างปารีส ซึ่งเป็นเมืองหลวงฝรั่งเศส) ทำให้พวกเขาเลือก โรแบร์ ไอเยต์ ในท้ายที่สุด

ตำนานเจาะรูแทนแถบนั้นไม่ได้มีจุดประสงค์ด้านความสวยงามเหมือนทุกวันนี้ เดิมทีทาง adidas เชื่อว่าเป็นการออกแบบที่ช่วยลดภาระและอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าของผู้เล่น ขณะที่พื้นรองเท้าก็เป็นพื้นยางที่เหมาะกับการเล่นเทนนิส แต่เมื่อมันประกอบด้วยลายเซ็นของ ไอเยต์ ลงไป จึงทำให้จุดประสงค์ของการใส่เล่นเทนนิสกลายพันธุ์เป็นการใส่เพื่อความเท่ไปแบบไม่รู้ตัว

อย่างไรก็ตาม ปัญหาก็เกิดขึ้นจนได้ เพราะในปี 1971 ไอเยต์ ได้ประกาศแขวนแร็คเก็ตเลิกเล่นเทนนิสไป แต่ adidas ต้องการสานต่อความนิยมของรองเท้ารุ่นนี้และมองหานักเทนนิสชื่อดังเข้ามาแทนที่ ซึ่งจากการเฟ้นหา ทำให้พวกเขาได้นักเทนนิสชาวอเมริกันชื่อ สแตนลี่ย์ สมิธ มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์แทน 

การเลือก สมิธ ไม่ได้มีเหตุผลแค่ความเก่งกาจอย่างเดียว adidas โดย ฮอร์สท์ ดาสเลอร์ มองไกลไปถึงตลาดในสหรัฐอเมริกาที่รอให้พวกเขาเข้าไปกอบโกย และอ่านขาดว่า "อุตสาหกรรมรองเท้าผ้าใบเกิดจากวัฒนธรรมของสหรัฐอเมริกา" ดังนั้นมันจึงดีที่สุดแล้วที่ให้นักเทนนิสที่เก่งที่สุดในโลก ซึ่งในตอนนั้นเป็นชาวอเมริกันมาเป็นหน้าเป็นตา เขาจึงติดต่อไปหา โดนัลด์ เดลล์ อดีตกัปตันทีมเทนนิสทีมชาติสหรัฐอเมริกาในศึก เดวิส คัพ ซึ่งผันตัวมาเป็นเอเยนต์ผู้ทรงอิทธิพล ก่อนที่เดลล์จะแนะนำ สแตน สมิธ ให้รับบทบาทนี้


Photo : sneakernews.com

"ชาวอเมริกันเป็นนักเล่าเรื่องที่ยอดเยี่ยม แต่สำหรับเรื่องนวัตกรรมและการออกแบบที่สวยงามนั้นต้องยกให้เรา (เยอรมัน)" เอริค ลิดท์เค่ ซีอีโอของ adidas กล่าวอย่างมั่นใจ 

แม้จะเห็นเรื่องการตลาดมาเป็นอันดับ 1 แต่ adidas ยังไม่ลืมรากเหง้าและเชื่อว่า "ทุกอย่างเริ่มต้นจากกีฬา หากไม่มีกีฬาเป็นจุดเริ่มต้นเราก็จะไม่นำเสนอในมุมมองของไลฟ์สไตล์ใดๆ เด็ดขาด" 

นี่คือการเดินเกมการตลาดที่ยิงเข้าเป้าแบบว่าดังเปรี้ยง! ของ adidas พวกเขาได้กลุ่มเป้าหมาย, พวกเขาได้ส่วนแบ่งการตลาด, พวกเขาได้สตอรี่ และพวกเขาได้ สแตน สมิธ นักเทนนิสที่เกิดมาเพื่อเป็นสีสันของแบรนด์แล้ว 

สแตน สมิธ ผู้ขับเคลื่อนสู่จุดสูงสุด

สแตน สมิธ เข้ามาเปลี่ยนแปลงรองเท้ารุ่น adidas Robert Haillet ให้ถูกลืมและกลายเป็น adidas Stan Smith แม้ว่าจะมาทีหลังไม่ใช่รุ่นบุกเบิกก็ตาม

สมิธ เริ่มทำลายซิกเนเจอร์ของตัวเองลงไปหลังจากเปลี่ยนชื่อรุ่นในปี 1978 ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มรอยปั๊มรูปหน้า รูปหนวด บนลิ้นรองเท้า พร้อมลายเซ็นของเขาที่เป็นตัว S ตัวเดียวล้วนๆ ลงไป จึงกลายเป็นการผสมกันระหว่างความเรียบง่ายกับความทันสมัย ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่ทำให้มันได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จนชนิดที่ว่านักเทนนิสคู่แข่งของ สมิธ ก็ยังสวมใส่รองเท้ารุ่นนี้เลยด้วยซ้ำ 

อย่างไรก็ตามทุกอย่างเปรียบเหมือนเหรียญ 2 ด้าน ด้านหนึ่งคือความเท่ที่ได้มา แต่อีกด้านนั้นเรื่องประสิทธิภาพก็หายไป ...

ในยุค '80s adidas Stan Smith เริ่มไม่เป็นที่นิยมและมียอดขายลดลง เนื่องจากเทคโนโลยีที่พัฒนาไปไม่หยุดยั้ง ทำให้ประสิทธิภาพในการใช้แข่งขันของนั้น adidas Stan Smith สู้คู่แข่งไม่ได้ แต่ก็อีกนั่นแหละ adidas ก็พลิกกลยุทธ์ออกลุยสายแฟชั่นเต็มตัวภายใต้การออกแบบของ สมิธ ที่มีความเป็นแฟชั่นนิสต้าสูง เพื่อทวงบัลลังก์รองเท้าขายดีคืนมา

เมื่อเข้าสู่ยุค '90s adidas Stan Smith จึงสามารถกลับมาครองตลอดได้ในฐานะ "รองเท้าแฟชั่น" อย่างเต๋มตัว โดยยอดขายรวมกว่า 23.7 ล้านคู่ในปี 1994 ทำให้ชื่อของ adidas Stan Smith ขึ้นทำเนียบ Guinness World Records เลยทีเดียว

เมื่อเข้าสู่วงการแฟชั่นเต็มตัวแล้วสิ่งที่ตามมาก็คือมูลค่าของความเก่า ... มันคือความเท่ที่เหล่าคนคลั่งสนีกเกอร์อยากได้แบบออริจินัลมาครอบครอง ถึงแม้ว่ารองเท้ารุ่นนั้นจะขายไม่ดีในช่วงเวลาที่มันออกตลาดครั้งแรกก็ตาม ปัจจุบันรองเท้า adidas Stan Smith ที่มีรอยปั๊มว่า Made in France ถือว่าเป็นแรร์ไอเท็มที่มีราคาสูงกว่ารุ่นออกใหม่ล่าสุดเสียอีก 

"ตอนผมเซ็นสัญญากับ adidas ครั้งแรกผมรู้สึกว่ามันยิ่งใหญ่มาก อะไรที่ผมคิดรู้ไหม? ผมคิดว่าผมจะทำรองเท้าของผมให้กลายเป็นที่นิยมในระดับที่ใช้คำว่า 'ตลอดกาล' ได้เลย" สมิธ เผยถึงมุมมองเขาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามา

แม้ สมิธ จะมีส่วนในการให้ความเห็นเพื่อพัฒนารองเท้ารุ่นซิกเนเจอร์ของเขาให้ดีกว่าเดิม แต่สิ่งหนึ่งที่เจ้าตัวยืนกรานเด็ดขาดคือ "รองเท้าต้องมีสีขาวเป็นสีหลัก" เท่านั้น เพราะมันจะกลายเป็นตำนานแน่นอน

"อย่าไปทำอะไรโง่ๆ กับของที่มันดีอยู่แล้ว ความลับมีแค่นี้เอง" สมิธ หัวเราะ "สีขาวนี่แหละมันคลาสสิก มันสะอาด และสบายตา ใส่ได้กับเสื้อผ้าทุกประเภท เพราะฉะนั้นผมขอย้ำอีกครั้งอย่าไปทำอะไรโง่ๆ กับรองเท้ารุ่นนี้เชียว" 

ลืมไปแล้วว่าเป็นนักเทนนิส

"ชีวิตผมนี่นะถูกพระเจ้าแต้มสีเอาไว้ให้เป็นคนที่เกิดมาเจอแต่ความโชคดี ตอนผมอายุ 16 ผมวางเป้าหมายไว้ 4 อย่าง ผมจะเป็นเบอร์ 1 ของอเมริกา, ผมจะชนะวิมเบิลดัน, ผมจะพาอเมริกาคว้าแชมป์เดวิสคัพ และ เป็นนักเทนนิสอันดับ 1 ของโลก"

ฟังดูเหมือนคนขี้โม้แต่เขาไม่ได้โกหก ... สมิธ เก่งที่สุดในโลกในยุคของเขา คว้าแชมป์แกรนด์สแลม 2 รายการ คือ ยูเอส โอเพ่น ปี 1971 และ วิมเบิลดัน ปี 1972 ทว่าเท่านั้นยังไม่พอ สิ่งที่เขาเชื่อว่าเขาเกิดมาเป็นมนุษย์ผู้โชคดีคือเมื่อเขาเลิกเล่นเทนนิสไปแล้ว โลกก็ยังจดจำและเชิดชูเขาเหมือนเดิม เพียงแค่เปลี่ยนสถานะจากนักเทนนิสกลายเป็นเจ้าพ่อแฟชั่นนิสต้าเท่านั้นเอง 

ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เรื่องฟลุกอีกนั่นแหละ เขายืนยันเสมอว่า "ไม่ใช่นักเทนนิสหรอก ผมนี่แหละแฟชั่นไอค่อนตัวจริง" ซึ่งมันทำให้การแขวนแร็คเก็ตของเขานำมาสู่ผลงานดีๆ มากมายผ่านรองเท้า adidas Stan Smith


Photo : yahoo.com

จุดเริ่มต้นจากสัญญา 5 ปีที่ adidas มอบให้ เปลี่ยนแปลงเป็นปรากฎการณ์โดยผู้ชายโชคดีคนนี้ สุดท้าย adidas Stan Smith คือรองเท้าที่ยังคู่อยู่และเป็นที่นิยมแบบไม่มีทีท่าว่ากระแสจะเงียบหายไปง่ายๆ

"ตอนแรกมันเป็นสัญญาแค่ 5 ปี ผมเองก็ไม่เคยคิดหรอกว่ารองเท้าพวกนี้มันขายดิบขายดี จนทุกวันนี้ผมอายุ 72 ปีแล้ว คุณสามารถพูดได้เลยเต็มปากว่าผมมีความสุขกับมันมาแค่ไหน ... และมันก็คงเป็นไปด้วยดีแบบนี้ต่อไปนั่นแหละ" ปู่สมิธเล่าด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม 

ปัจจุบันหากคุณเสิร์ช Google และค้นหาคำว่า Stan Smith เชื่อหรือไม่ว่ารูปภาพที่ปรากฎในหน้าแรกไม่มีใบหน้าของเจ้าของชื่อเลยแม้แต่ใบเดียว มีเพียงรองเท้ารุ่นอมตะอย่าง adidas Stan Smith ที่โชว์หราพร้อมบทความและรีวิวๆ ต่างเต็มไปหมด 

ความอมตะในการออกแบบนี้เองที่ตอกย้ำว่า สแตน สมิธ เป็นแฟชั่นไอค่อนตัวจริงเสียงจริง มันคือความอัจฉริยะที่แม้แต่ความสามารถด้านเทนนิสในตัวของเขาเองก็ยังต้องอิจฉา เพราะแทบไม่เคยถูกนำมาพูดถึงเลย


Photo : The Guardian

"The Stan เป็นสนีกเกอร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของ adidas มันขายดีที่สุด และมันมีเหตุผลที่เป็นอย่างนั้น" ไซม่อน วู้ด ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Sneakerfreaker ยืนยันอีกเสียง

"มันเป็นรองเท้าที่รวมสิ่งที่คุณต้องเลือกเอาว่าจะจำกัดความกับมันยังไง เพราะมันเอา 3 สิ่งมารวมกันทั้งความคลาสสิก, ความน่าเบื่อ, และความเป็นพื้นฐานในการออกแบบ ... แปลกนะ แต่ทั้งหมดดันรวมกันได้ลงตัวจริงๆ"

อ่านมาถึงคำบรรยายของวู้ดข้อนี้ทำให้เราเห็นได้ชัดเจนเหลือเกินว่าต่อให้ใครจะลืม สแตนลี่ย์ สมิธ แต่ดูเหมือนว่าผู้เฒ่าผู้มากความสุขจะยอมให้มันเป็นเช่นนั้นอย่างเต็มใจ

จะจำว่าเขาเป็นรองเท้าก็ได้ แต่ว่าเป็นรองเท้าที่เจ๋งที่สุดในโลกคู่นึงก็แล้วกัน 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook