CITIZENS SUPERNOVA : เรือใบสีฟ้า.. ส่วนผสมหลักในชีวิตร็อกสตาร์สุดห่ามของ "พี่น้องแกลลาเกอร์"

CITIZENS SUPERNOVA : เรือใบสีฟ้า.. ส่วนผสมหลักในชีวิตร็อกสตาร์สุดห่ามของ "พี่น้องแกลลาเกอร์"

CITIZENS SUPERNOVA : เรือใบสีฟ้า.. ส่วนผสมหลักในชีวิตร็อกสตาร์สุดห่ามของ "พี่น้องแกลลาเกอร์"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“And all the roads we have to walk are winding 
And all the lights that lead us there are blinding
There are many things that I would like to say to you
But I don't know how
Because maybe
You're gonna be the one that saves me
And after all
You're my wonderwall”


เสียงร้องเพลง ‘Wonderwall’ หนึ่งในเพลงฮิตตลอดกาลของสุดยอดวงบริตป็อประดับตำนานอย่างโอเอซิสดังลั่นออกมาจากห้องแต่งตัวทีมเยือน ในสนาม Amex Stadium รังเหย้าของทีม ไบร์ทตั้น & โฮฟ อัลเบี้ยน ซึ่งเจ้าของเสียงก็ไม่ใช่ใครที่ไหน…นักเตะทีม แมนเชสเตอร์ซิตี้ นั่นเอง พวกเขากำลังร้องเพลงฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2018-2019 ที่เพิ่งคว้ามาสด ๆ ร้อน ๆ อย่างมีความสุข

เหตุการณ์นี้อาจจะไม่แตกต่างจากการฉลองแชมป์ในห้องแต่งตัวทั่วๆ ไป ถ้าในห้องแต่งตัว ณ ขณะนั้นไม่มีชายคนหนึ่งซึ่งไม่มีส่วนร่วมใด ๆ กับทีมนอกจากบทบาทการเป็นกองเชียร์ร่วมอยู่ด้วย ไม่เพียงเท่านั้น ชายคนดังกล่าวยังเป็นเจ้าของบทเพลงที่นักเตะทีมเรือใบสีฟ้ากำลังร้องอยู่…ใช่เขาคือ โนเอล แกลลาเกอร์ อดีตสมาชิกวงโอเอซิส

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าการที่โนเอลสามารถเข้ามาร่วมฉลองแชมป์กับนักเตะในห้องแต่งตัวได้นั้น เขาต้องมีความผูกพันกับสโมสรแห่งนี้มากพอสมควร และไม่ใช่เขาเพียงคนเดียว…เลียม แกลลาเกอร์ น้องชายคู่รักคู่แค้น อดีตนักร้องนำวงโอเอซิสเองก็เช่นกัน ซึ่งเรื่องราวของทั้งคู่ที่มีต่อแมนเชสเตอร์ซิตี้นั้น เริ่มต้นมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ยุค 70 ยุคที่โลกยังไม่รู้จักวงดนตรีที่ชื่อโอเอซิส…

ต้องขอบคุณพ่อและครู

ไม่ต่างจากร็อกสตาร์ส่วนใหญ่ โนเอลและเลียมไม่ได้มีชีวิตวัยเด็กที่สุขสบายนัก พวกเขาเกิดและเติบโตใน เบอร์นิจ ย่านอุตสาหกรรมของเมืองแมนเชสเตอร์ ครอบครัวของทั้งคู่เป็นผู้ใช้แรงงานชาวไอริช แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครอบครัวที่อบอุ่นเท่าไร ผู้เป็นพ่อมักใช้กำลังทำร้ายร่างกายคนในครอบครัว โดยเฉพาะกับโนเอล ที่โดนประเคนมือประเคนเท้าใส่อยู่บ่อยครั้ง แต่อย่างไรก็ตามในอีกด้านหนึ่ง พ่อคนนี้นี่แหละที่นำพาโนเอลเข้าสู่โลกของ Citizens


Photo : Noel the Good Rebel Official

“ผมเริ่มเชียร์แมนเชสเตอร์ซิตี้เพราะพ่อ พ่อของผมมักจะพาเข้าไปชมเกมใน Maine Road (สยามเหย้าเก่าของแมนเชสเตอร์ซิตี้) ตั้งแต่ผมยังเด็ก แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเกมกลางสัปดาห์ เพราะในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์พ่อจะใช้เวลาทั้งวันอยู่ในบ่อนพนัน” โนเอลเล่าถึงจุดเริ่มต้น

“จริง ๆ ครอบครัวไอริชของผมแทบทั้งหมดเป็นแฟนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่พ่อของผมไม่ค่อยชอบขี้หน้าพวกเขาเท่าไร อยากทำให้พวกเขาโมโห เลยเชียร์แมนซิตี้แม่งซะเลย”

“เกมแรกที่ผมได้เข้าไปดูแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในสนามคือ เกมที่เปิดบ้านเจอกับนิวคาสเซิ่ล ในปี 1971 และหลังจากเกมนั้นจบลง ผมรู้ทันทีว่านี่แหละคือทีมของผม” ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะเกมนั้นเรือใบสีฟ้า เปิดบ้านถล่มนิวคาสเซิ่ลเสียราบคาบ 5 ประตูต่อ 1 คงจะถูกใจเด็กชายโนเอลไม่น้อย

โนเอลย้อนความจำว่าในตอนนั้นพ่อมักจะพาเขาไปนั่งที่สแตนด์ฝั่ง Kippax ซึ่งบรรยากาศค่อนข้างมืด แทบไม่มีแสงไฟส่องสว่าง มีหลังคาใหญ่ ๆ ทอดต่ำลงมาจนแทบจะบังสายตาการชมเกมในสนาม นอกจากนั้นในยุค 70 ยังอนุญาตให้สามารถนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าสนามได้ แน่นอนว่าสิ่งที่ตามมา คือ การวางหมัดมวยใส่กันของเหล่าแฟนบอล ดูเป็นบรรยากาศที่เลวร้าย สำหรับเด็กหนุ่ม แต่สิ่งเหล่านี้แหละที่ช่วยหล่อหลอมให้เขาเติบโตขึ้นมาเป็นร็อกสตาร์กร้านโลกไม่กลัวใครหน้าไหน

“ในช่วงที่แมนเชสเตอร์ซิตี้ยังอยู่ในยุคตกต่ำ ในขณะที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดกลายเป็นหนึ่งในยอดทีมของยุโรป ผมก็เคยสงสัยนะว่าทำไมตอนเด็ก ๆ พ่อถึงพาไปที่ Maine Road แทนที่จะเป็น Old Trafford” โนเอลกล่าวติดตลก


Photo : www.manchestereveningnews.co.uk

ดังนั้นสำหรับโนเอล อิทธิพลหลักที่ทำให้เขากลายเป็น Citizens มาจากพ่อ แต่สำหรับเลียม นอกจากพ่อแล้ว คุณครูที่โรงเรียนสมัยเด็กคืออีกหนึ่งส่วนสำคัญที่ช่วยส่งเสริมให้เขากลายเป็นแฟนเรือใบสีฟ้าพันธุ์แท้อย่างเช่นทุกวันนี้

“มีครูอยู่คนหนึ่ง น่าจะชื่อวอล์ชมั้ง ผมคิดว่างั้นนะ เขาชอบพาเด็ก ๆ ในห้องเรียนไปที่ Platt Lane (ศูนย์ซ้อมเก่าของทีมแมนเชสเตอร์ซิตี้)”

“พวกเราจะไปที่นั่นพร้อมกล่องข้าวกลางวัน นั่นแหละที่เริ่มทำให้ผมผูกพันกับทีมนี้ เหมือนกับพ่อของผม”

ถึงแม้จุดเริ่มต้นความรักของสองพี่น้องที่มีต่อทีมแมนแชสเตอร์ ซิตี้ อาจจะไม่หวือหวาสมราคาร็อกสตาร์อย่างที่คนทั่วไปคาดหวัง แต่จุดเริ่มต้นพื้น ๆ นี่แหละที่สร้างความผูกพันอันยาวนาน และทีม ๆ นี้ก็ได้กลายเป็นหนึ่งในหมุดหมายสำคัญ ในทุกช่วงชีวิตของทั้งคู่ แม้จะกลายเป็นร็อกสตาร์ชื่อก้องโลกแล้วก็ตาม….

หัวใจดวงนี้สีฟ้า…

จากเด็กชายที่ตามพ่อเข้าไปเชียร์แมนเชสเตอร์ซิตี้ในสนาม เวลาผ่านไป พวกเขาเติบโตขึ้นเป็นหนึ่งในสมาชิกวงดนตรีที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ทุกอย่างในชีวิตเปลี่ยนไป จากบ้านซ่อมซ่อที่เคยเป็นที่ซุกหัวนอน กลายเป็นคฤหาสน์หรู จากเด็กเสเพลในย่านเสื่อมโทรม กลายเป็นหนุ่มที่สาว ๆ ทั้งโลกคลั่งไคล้ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยน คือ หัวใจที่จงรักภักดีกับทีมเรือใบสีฟ้า ซึ่งความรักนี้ก็ได้สะท้อนออกมาผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ ในชีวิต


Photo : globalnews.ca

“เพื่อนของผมพยายามจะดึงทีวีออกจากผนัง ส่วนผมสาบานได้เลยว่าตอนนั้นผมร้องไห้เหมือนเด็กไม่มีผิด เกิดมาผมไม่เคยเห็นอะไรที่สุดยอดขนาดนี้มาก่อน” โนเอลเล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ที่เซร์คิโอ อเกวโร กองหน้าชาวอาร์เจนไตน์ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยิงประตูชัยให้ทีมเอาชนะ ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ ในนาทีสุดท้าย ซึ่งประตูนี้คือประตูสำคัญที่ส่งให้ทีมเรือใบสีฟ้าคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรกได้สำเร็จในฤดูกาล 2011-2012 และที่สะใจกว่านั้น มันคือประตูที่ทำให้อริร่วมเมืองอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำถ้วยแชมป์หลุดมือไปอย่างน่าเจ็บใจ

นอกจากนั้นภาพที่แฟนบอลแมนเชสเตอร์ซิตี้น่าจะเห็นจนชินตาก็คือภาพของสองพี่น้องแกลลาเกอร์แต่งตัวสบาย ๆ หรือใส่เสื้อทีมรักเข้าไปชมเกมในสนาม จนบางครั้งทั้งคู่ก็เจอกันโดยบังเอิญ เกิดเป็นสถานการณ์กระอักกระอวลที่สามารถเรียกรอยยิ้มจากแฟนเพลงทั่วโลกได้


Photo : headshrinker666

แต่เหตุการณ์สำคัญที่ทำให้สองพี่น้องรู้สึกเหมือนฝันเป็นจริง คือคอนเสิร์ตวงโอเอซิสในปี 2005 พวกเขาได้กลับมาเล่นในเมืองแมนเชสเตอร์บ้านเกิด และที่สำคัญคือได้เล่นที่ City of Manchester Stadium รังเหย้าของทีมรักซึ่งเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของพวกเขา

ในวันนั้นทั้งโนเอลและเลียมต่างส่งพลังผ่านเสียงเพลงออกไปอย่างเต็มที่ ราวกับจะประกาศให้รู้ว่านี่คือที่ของพวกเขา บ้านของพวกเขา และผลลัพธ์คือ คอนเสิร์ตในครั้งนั้นได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในโชว์ที่ดีที่สุดของวงโอเอซิส


Photo : headshrinker666

คงไม่ต้องอธิบายแล้วว่าสองพี่น้องคู่นี้รักทีมของพวกเขามากขนาดไหน มันคือความผูกพันที่ฝังลึกอยู่ในสายเลือด สะสมมาตั้งแต่ยังเด็ก และคงไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

“ผมยอมให้ดาวิด ซิลบา มีเซ็กซ์กับภรรยาผมได้เลย” โนเอลกล่าวติดตลก
แน่นอนว่าถ้าพวกเขารักแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มากขนาดนี้ คงพอจินตนาการความเกลียดชัง ที่มีต่อคู่ปรับร่วมเมืองอย่างแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดได้…ใช่ พวกเขาเกลียดปีศาจแดงเข้าไส้เลยล่ะ

ไม่มีวันเป็นสีแดง

ตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา มีเรื่องราวมากมายที่ทำให้โลกได้รับรู้ว่าพวกเขาทั้งคู่คือแฟนบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตัวจริง แต่นั่นเทียบไม่ได้เลยกับวีรกรรมสุดเกรียนที่มีต่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อริร่วมเมือง เพราะเรื่องราวกวนอวัยวะเบื้องล่างทีมปีศาจแดงของทั้งคู่มีมากกว่านั้นหลายเท่า


Photo : www.sportskeeda.com

ครั้งหนึ่ง ย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน ในตอนที่เวย์น รูนีย์ ยังเป็นศูนย์หน้าตัวเก่งของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึงแม้จะค้าแข้งให้กับทีมคู่อริ แต่รูนีย์ก็เป็นแฟนตัวยงของวงโอเอซิส และเมื่อวันเกิดอายุครบ 21 ปีของเขากำลังจะมาถึง คอลีน รูนีย์ผู้เป็นภรรยาก็อยากจะมอบของขวัญที่จะทำให้สามีดีใจ เธอจึงส่งกีตาร์ไปให้โนเอล แกลลาเกอร์ โดยบอกให้เขาช่วยเซ็นให้หน่อย… แต่ปรากฏว่านอกจากจะไม่ได้รับลายเซ็นแล้ว โนเอลยังเอากีตาร์ตัวนั้นไปย้อมเป็นสีฟ้า ก่อนจะส่งคืนพร้อมข้อความว่า

“สุขสันต์วันเกิดนะเจ้า Spongebob ครั้งต่อไปถ้าอยากจะให้กูเซ็นอะไรให้ก็ช่วยส่งรถ Bentley ของมึงมาละกัน”


Photo : www.irishmirror.ie

และไม่ใช่แค่ เวย์น รูนีย์ แม้แต่ตำนานจากยุค Class of 92 อย่าง แกรี เนวิลล์ ก็ยังโดนมาแล้ว เขาก็เป็นอีกคนที่ขอให้โนเอลช่วยเซ็นบนกีตาร์ด้วย และข้อความที่ได้รับกลับมาแทนลายเซ็นคือ

“ถึงแกรี นี่มึงติดทีมชาติอังกฤษไปกี่ครั้งนะ? แล้วมึงคิดว่ากี่ครั้งถึงจะเหมาะสมกับมึง? กูจะบอกมึงให้…ไม่มีเลยสักครั้ง!”


Photo : eatmygoal.tv

นอกจากเรื่องลายเซ็นเจ้าปัญหาบนกีตาร์แล้ว มีอีกครั้งที่โนเอลแสดงออกให้รู้ว่าเขาเกลียดแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดมากขนาดไหน คือตอนที่มีนักข่าวถามคำถามสัมภาษณ์ว่า

“ระหว่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้สี่แชมป์ในปีเดียวกับเลียม แกลลาเกอร์ ได้เล่นคอนเสิร์ตตัวเองที่สนาม Wembley คุณอยากดูอะไรมากกว่า?”

โนเอลตอบกลับสั้น ๆ แต่ได้ใจความว่า “ผมยอมกินขี้ตัวเองดีกว่าต้องทนเห็นเหตุการณ์แบบนั้น”
คนพี่ว่าเกรียนแล้ว แต่คนน้องอย่างเลียมนั้นเกรียนกว่าเยอะ ยกตัวอย่างเช่นการตอบคำถามสัมภาษณ์สื่อใหญ่ระดับโลกอย่าง The Guardian แต่ชายคิ้วดกแห่งเมืองแมนเชสเตอร์คนนี้ก็ไม่มีความเกรงใจเลยสักนิด

“ถ้าคุณสามารถเลือกที่จะลบสิ่งหนึ่งออกไปจากโลกนี้ได้ คุณจะเลือกลบอะไร?”

“ทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด พวกแม่งมัวแต่จมอยู่กับความยิ่งใหญ่ในอดีต ใช่อดีตอาจจะเป็นของพวกมึงก็จริง แต่อนาคตคือของพวกเราโว้ย”

หรือจะเป็นครั้งที่เลียมให้สัมภาษณ์กับ Copa90 ที่สามารถสรุปครบจบในประโยคเดียวเลยว่าเขาเกลียดแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดขนาดไหน


Photo : hai.grid.id

“ทุกครั้งที่เช็คผลบอล ผมจะเช็คผลของยูไนเต็ดก่อนเสมอ ถ้าแม่งแพ้ผมจะโคตรมีความสุขเลย ผมแทบจะไม่สนใจสกอร์ของคู่แมนฯ ซิตี้แล้วด้วยซ้ำ ขอแค่ยูไนเต็ดแพ้ก็พอ และอีกอย่างที่ผมโคตรเจ็บใจเลยก็คือความยิ่งใหญ่ของยูไนเต็ดในยุค 90   ผมเกลียดช่วงเวลานั้นมาก มันทำให้ผมย้ายมาอยู่ลอนดอนเลย ยูไนเต็ดแม่งทำลายชีวิตในยุค 90 ของผม”

และล่าสุดเมื่อสองปีก่อน ในขณะที่เลียมกำลังจะออกอัลบั้มเดี่ยวของตัวเอง ‘As You Were’ ก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพิ่งฉลองการคว้าแชมป์ฟรีเมียร์ลีก เลียมเองก็ร่วมฉลองด้วยเช่นกัน แต่ก็ไม่ลืมที่จะโปรโมตอัลบั้มตัวเองด้วย ดังนั้นสิ่งที่เขาทำคือการเช่าป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ เขียนคำว่า ‘As You Were’ บนพื้นหลังสีฟ้า และนำมันไปติดไว้ตรงข้ามกับสนาม Old Trafford

“เป็นการกวนอวัยวะเบื้องล่างที่สมกับเป็นเลียมจริง ๆ” หนึ่งในความเห็นของผู้คนที่เดินผ่านไปมา และนอกจากจะได้กวนคู่อริสมใจแล้ว มันยังทำให้เลียมได้พื้นที่สื่ออย่างคาดไม่ถึงอีกด้วย

จากเรื่องราวเหล่านี้ที่เราเล่ามา คงพอจะบอกได้ว่าทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้นั้นเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของสองพี่น้องแกลลาเกอร์ขนาดไหน และด้วยความรักที่มอบให้กับทีมเรือใบสีฟ้ามายาวนานหลายทศวรรษ สิ่งนั้นค่อย ๆ เปลี่ยนแมนเชสเตอร์ ซิตี้จากแค่ทีมฟุตบอลให้กลายเป็นอีกหนึ่งครอบครัวของพวกเขาไปโดยปริยาย

You're my wonderwall

“I said maybe
You're gonna be the one that saves me
And after all
You're my wonderwall…”


Photo : metro.co.uk

เมื่อเสียงร้องแพลงในห้องแต่งตัวภายในสนาม Amex Stadium จบลง เหล่านักเตะแมนเชสเตอร์ซิตี้ต่างเข้าไปโผกอด ถ่ายรูป ก่อนจะเชิญชวนให้โนเอลร่วมฉลองแชมป์ไปด้วยกัน เป็นบรรยากาศที่ผู้ชมอย่างเราเห็นแล้วรู้สึกอบอุ่น ราวกับว่าพวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกันจริง ๆ และไม่ใช่แค่เหตุการณ์ครั้งนี้เท่านั้น เพราะชีวิตนอกสนามของนักเตะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลายคนก็เป็นเพื่อนสนิทกับโนเอล โดยเฉพาะ แว็งซ็อง กองปานี อดีตกัปตันทีม หรือแม้กระทั่ง เป๊ป กวาร์ดิโอลา กุนซือคนปัจจุบัน ที่โนเอลให้ความเคารพอย่างสูง

ส่วนเลียมแม้อาจจะไม่ได้ใกล้ชิดกับนักตะในสโมสรเหมือนพี่ชาย แต่เขาเองก็เป็นหนึ่งคนที่สโมสรเรือใบสีฟ้าให้การยอมรับ และมีการร่วมงานกันบ่อยครั้ง ที่เด่นชัดที่สุดคงเป็นในปี 2011 โดยเลียมกับวง Beady Eye ของเขาได้รับเกียรติให้เป็นคนเปิดตัวชุดเหย้าของสโมสร

เรื่องราวระหว่างร็อกสตาร์สองคนกับหนึ่งสโมสรฟุตบอลตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นถึงความรัก ความผูกพัน ความให้เกียรติซึ่งกันและกัน จนในตอนนี้ไม่ใช่แค่ในห้องแต่งตัว แต่เพลงของวงโอเอซิสได้กลายเป็นหนึ่งในเพลงเชียร์อย่างเป็นทางการของสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปแล้ว ทุกครั้งที่มีการแข่งขัน Wonderwall จะถูกขับร้องโดยแฟนบอลหลายหมื่นคน ดังกึกก้องไปทั่วสนาม City of Manchester Stadium


Photo : www.90min.com

สุดท้ายนี้ถ้าสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ คือสะพานแห่งมิตรภาพ บรรดาแฟนเพลงทั่วโลก คงแอบหวังอยู่ลึก ๆ ว่าสักวันหนึ่งสะพานแห่งนี้จะค่อย ๆ เชื่อมโนเอลกับเลียมเข้าหากันได้สำเร็จ และทุกคนจะได้เห็นพวกเขาทำการแสดงบนเวทีเดียวกันอีกครั้ง
สักวันหนึ่ง…

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook