เผยพระพุทธรูปอีสานถูกขโมยมากสุด
นายเขมชาติ กล่าวต่อว่า กรมศิลปากรตั้งข้อสังเกตว่าพระพุทธรูปที่หายไปนั้นเป็นพระพุทธรูปที่ชาวบ้านเคารพนับถือ วัดบางแห่งมีการจำลองพระพุทธรูปขึ้นมา พอนำไปวางที่องค์พระประธานไม่นาน พระพุทธรูปองค์จริงจะหายไป มีเพียงบางรายการเท่านั้นที่ได้คืนมา อาจมีการเตรียมการ หรือมีใบสั่งของกลุ่มนักค้าโบราณวัตถุที่มีอยู่หลายกลุ่มในพื้นที่ภาคอีสานและสร้างเครือข่ายไปทั่ว เมื่อขโมยไปแล้ว ตำรวจไม่สามารถจับกุมได้ เพราะโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุจะไปอยู่ตามร้านขายศิลปวัตถุตามแหล่งใหญ่ในกรุงเทพฯ หรือตามจังหวัดใหญ่ๆ ตามภาคต่างๆ เช่น จ.อุบลราชธานี จ.ภูเก็ต เป็นต้น หากเป็นศิลปวัตถุที่มีอายุ 1,000 ปีขึ้นไป จะถูกขายไปยังต่างประเทศ เพราะเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติ มีจำนวนหลายชิ้นที่จัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ในยุโรปและอเมริกา ล่าสุดกรมศิลปากรเพิ่งได้พระพุทธรูปสมัยทวาราวดีอายุกว่า 1,000 ปีกลับคืนมา 1 องค์
นายเขมชาติ กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่กรมศิลปากรติดตามข้อมูลการซื้อขายศิลปวัตถุของชาวต่างชาติ พบว่าปัจจุบันมีการพัฒนาขึ้นมาก จากแต่เดิมซื้อขายกันผ่านวิธีประมูลในห้องประมูล แต่ขณะนี้มีการประมูลและสั่งซื้อผ่านทางเว็บไซต์ชื่อดังของต่างประเทศ มีรูปภาพปรากฏชัดเจน หากใครที่สนใจจะให้ราคาสูง ทั้งนี้คนที่ซื้อจะต้องมีความรู้เรื่องศิลปวัตถุชิ้นนั้น เช่นศิลปะขอมของเพื่อนบ้านซึ่งเป็นคนละกลุ่มที่นิยมสะสมพระพุทธรูปเก่า สำหรับมาตรการปกป้องพระพุทธรูปและโบราณวัตถุของวัด เมื่อมีการขโมยพระพุทธรูป เจ้าอาวาสต้องรีบแจ้งความและประสานไปทางกรมศิลปากรในพื้นที่ให้มาตรวจสอบทันที
ทางวัดควรถ่ายภาพศิลปวัตถุทุกชิ้นที่อยู่ในวัด ให้กับกองบังคับการตำรวจภูธร เพื่อจะตรวจสอบรูปพรรณสัณฐานศิลปวัตถุว่าตรงกับศิลปวัตถุที่หายไปหรือไม่ เจ้าอาวาสต้องไม่ไว้ใจคนแปลกหน้าที่ทำทีเข้ามาขอตรวจสอบพระพุทธรูป เพราะมักจะมีการแอบอ้างอยู่เสมอ กรมศิลปากรจะให้ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรในพื้นที่รวบรวมปัญหาที่เกิดขึ้น อีกทั้งจะระดมความคิดเห็นของทุกภาคส่วนราชการ และประชาชนในการปกป้องพระพุทธรูปและโบราณวัตถุ รองอธิบดีกรมศิลป์ กล่าว