หมอเตือน 5 ความเชื่อผิดๆ เรื่อง "แก้เมาค้าง" ที่ไม่ช่วยอะไร แถมทำร่างกายพังกว่าเดิม

หมอเตือน 5 ความเชื่อผิดๆ เรื่อง "แก้เมาค้าง" ที่ไม่ช่วยอะไร แถมทำร่างกายพังกว่าเดิม

หมอเตือน 5 ความเชื่อผิดๆ เรื่อง "แก้เมาค้าง" ที่ไม่ช่วยอะไร แถมทำร่างกายพังกว่าเดิม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หมอเมืองนอกเตือน! 5 ความเชื่อผิดๆ เรื่อง "แก้เมาค้าง" ที่ไม่ช่วยอะไร แถมทำร่างกายพังกว่าเดิม

ช่วงเทศกาลแห่งความสุขและการเฉลิมฉลองปีใหม่ หลายคนมักตื่นมาพร้อมกับอาการปวดหัวตึ้บและคลื่นไส้จากการดื่มหนัก หรือที่เรียกว่าอาการ "เมาค้าง" แม้ในโลกโซเชียลจะมีการแชร์สูตรเด็ดเคล็ดลับมากมาย แต่ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่า วิธีส่วนใหญ่นั้น "ไม่ได้ผล" เพราะไม่ได้ช่วยกระบวนการกำจัดแอลกอฮอล์ของตับอย่างแท้จริง

ความจริงที่เจ็บปวด: ไม่มีทางลัดสำหรับการสร่างเมา

ดร.ฮิลลารี ลิน แพทย์จากนิวยอร์ก อธิบายว่า สูตรแก้เมาค้างส่วนใหญ่มักล้มเหลว เพราะคนเข้าใจผิดว่าตับเป็นเหมือนฟองน้ำที่ซับสารพิษได้ทันที แต่ความจริงตับคือโรงงานแปรรูปสารเคมีที่ต้องใช้เวลา อาการเมาค้างคือปฏิกิริยาของร่างกายต่อสารพิษที่ตกค้าง และเราไม่สามารถ "โกง" กระบวนการฟื้นฟูนี้ได้ทันทีที่มันเริ่มขึ้น

Nicola Barts

5 ความเชื่อยอดฮิตที่ "ควรเลิกทำ"

1. ถอนด้วยเหล้า

การดื่มแอลกอฮอล์ซ้ำเพื่อแก้อาการเมาค้าง เป็นเพียงการยืดเวลาความเจ็บปวดออกไปเท่านั้น แม้มันอาจช่วยบรรเทาอาการได้ชั่วคราว แต่จะทำให้ตับต้องทำงานหนักขึ้นในการกำจัดสารพิษ และไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาการขาดน้ำหรือการอักเสบที่เป็นต้นเหตุจริงๆ

2. กินของมันๆ เป็นมื้อเช้า

หลายคนเชื่อว่าเบคอนหรือของทอดจะช่วยดูดซับแอลกอฮอล์ แต่ความจริงคือเมื่อคุณตื่นนอน แอลกอฮอล์ได้เข้าสู่กระแสเลือดไปหมดแล้ว การกินของมันๆ จึงไม่ได้ช่วยอะไร ซ้ำร้ายยังอาจทำให้กระเพาะอาหารที่ระคายเคืองอยู่แล้วทำงานหนักขึ้น ทางที่ดีควรทานอาหารรองท้อง "ก่อน" ดื่มจะดีที่สุด

3. ดื่มกาแฟหรือน้ำมะนาว

คาเฟอีนในกาแฟไม่ช่วยเร่งการเผาผลาญแอลกอฮอล์ แต่กลับจะไปเร่งการขับปัสสาวะ ทำให้ร่างกายขาดน้ำรุนแรงขึ้น ส่งผลให้ปวดหัวและใจสั่นมากกว่าเดิม น้ำเปล่าธรรมดาคือเพื่อนที่ดีที่สุดของคุณในเวลานี้

4. แปะแผ่นแก้เมาหรือกินอาหารเสริม

ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้มักจะออกฤทธิ์ช้าเกินไปที่จะช่วยอะไรได้ เพราะตับได้ดูดซึมแอลกอฮอล์ไปแล้ว สิ่งที่พอจะช่วยได้คือการดื่มเครื่องดื่มผสมเกลือแร่ (Electrolyte) ก่อนเข้านอน เพื่อช่วยเรื่องระดับน้ำในร่างกาย

5. ออกกำลังกายรีดเหงื่อ

คุณไม่สามารถขับแอลกอฮอล์ออกมาทางเหงื่อได้ เพราะหน้าที่นั้นเป็นของตับ การฝืนออกกำลังกายขณะเมาค้างจะยิ่งทำให้ร่างกายขาดน้ำ วิงเวียนศีรษะ และสร้างความเครียดให้กับร่างกายโดยใช่เหตุ

ทางออกที่ดีที่สุดคือ "เวลา" และ "การพักผ่อน"

ไม่มียาวิเศษขนานไหนรักษาอาการเมาค้างได้ดีเท่ากับการป้องกัน โดยการดื่มน้ำสลับกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และไม่ดื่มหนักจนเกินไป แต่หากพลาดไปแล้ว สิ่งที่ต้องทำคือการพักผ่อน ดื่มน้ำให้เพียงพอ และทานอาหารอ่อนๆ เพื่อรอให้ตับทำหน้าที่ของมันจนเสร็จสิ้น

  1. New York Post
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
กำลังโหลดข้อมูล