ผลไม้ที่มี "พลังเยียวยา" ปกป้องหลอดเลือด ต้านเศร้า ประโยชน์ล้ำค่าราคาบ้านๆ

"ส้มและมะนาว" ผลไม้ฮีลร่างกาย วิจัยล่าสุดช่วยดูแลหลอดเลือด เสริมความจำ และต้านเศร้า
ในฤดูหนาวที่มีผลไม้มากมายให้เลือกสรร "ผลไม้ตระกูลส้ม" (Citrus) คือหนึ่งในผลไม้ที่โดดเด่นด้วยกลิ่นหอมสดชื่นและรสชาติเปรี้ยวหวานที่ช่วยให้เจริญอาหาร งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ล่าสุดพบว่า ผลไม้ที่หาได้ง่ายเหล่านี้มี "ส่วนประกอบในการเยียวยาจากธรรมชาติ" ที่ช่วยปกป้องหลอดเลือด เสริมสร้างความจำ ไปจนถึงช่วยในการนอนหลับและต้านภาวะซึมเศร้าได้
งานวิจัยพบ: กินส้มช่วยให้หลอดเลือดอ่อนเยาว์ลง
ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Molecular Nutrition & Food Research เมื่อเดือนตุลาคม 2025 พบว่า การบริโภคผลไม้ตระกูลส้มเป็นประจำส่งผลบวกต่อการแสดงออกของยีนกว่า 1,700 ยีนในร่างกายภายใน 60 วัน โดยเฉพาะในด้านการปรับสมดุลความดันโลหิต ไขมันในเลือด และการต้านการอักเสบ
งานวิจัยนี้ได้ทดสอบกับกลุ่มตัวอย่างสุขภาพดีอายุ 21-36 ปี โดยให้ดื่มน้ำส้ม 500 มิลลิลิตรทุกวันต่อเนื่อง 60 วัน พบว่าเซลล์ภูมิคุ้มกันมีการตอบสนองต่อการอักเสบและการควบคุมระบบเผาผลาญได้ดีขึ้นอย่างน่าประทับใจ นอกจากนี้ ผลไม้ตระกูลส้มยังมีความสามารถในการ "ปรับสมดุลเฉพาะบุคคล" ดังนี้:
- กลุ่มผู้ที่มีน้ำหนักเกิน: จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในยีนที่เกี่ยวข้องกับระบบเผาผลาญไขมัน โดยมีการกระตุ้นเส้นทางที่ช่วยสลายไขมันและกระบวนการออกซิเดชันของกรดไขมัน
- กลุ่มผู้ที่มีน้ำหนักปกติ: จะมีการตอบสนองในเชิงบวกในเส้นทางที่เกี่ยวข้องกับการต้านการอักเสบเป็นหลัก
.jpg?ip/resize/w728/q80/jpg)
"ฟลาโวนอยด์" สารล้ำค่าในผลไม้ตระกูลส้ม
นักวิจัยระบุว่าคุณประโยชน์เหล่านี้มาจากสาร "ฟลาโวนอยด์" (Flavonoids) ที่พบมากในผลไม้ตระกูลส้ม ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบที่มีประสิทธิภาพสูง:
- 1. ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง: การบริโภคอาหารที่มีฟลาโวนอยด์ในปริมาณที่เหมาะสม (500 มิลลิกรัมต่อวัน) ช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งและโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงจากการสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์
- 2. ลดความเสี่ยงโรคสมองเสื่อม: งานวิจัยในปี 2024 พบว่าการรับประทานอาหารที่มีฟลาโวนอยด์สูงช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคสมองเสื่อมได้ถึง 28% โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงทางพันธุกรรมสูง หรือผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงและอาการซึมเศร้า
- 3. ช่วยควบคุมความดันโลหิต: การรับประทานอาหารที่อุดมด้วยฟลาโวนอยด์มีความสัมพันธ์กับการลดลงของความดันโลหิต ซึ่งผลลัพธ์นี้อาจเกี่ยวข้องกับการทำงานของจุลินทรีย์ในลำไส้
ไม่ใช่แค่รสชาติ แต่ "กลิ่น" ก็มีประโยชน์สารพัด
นอกจากการรับประทานแล้ว ผลไม้ตระกูลส้มยังมีข้อดีผ่านการดมกลิ่นและการปรับสมดุลร่างกายในด้านอื่นๆ:
- ลดความเสี่ยงลิ่มเลือดอุดตัน: สารเฮสเพอริดิน (Hesperidin) ที่พบในส้มช่วยป้องกันการก่อตัวของลิ่มเลือด ซึ่งเป็นอันตรายที่มักเกิดจากการรับประทานอาหารไขมันสูง
- ช่วยเสริมสร้างความจำ: งานวิจัยจาก UC Irvine พบว่าการดมกลิ่นส้มและเลมอนในช่วงกลางคืนช่วยให้ความจำในผู้สูงอายุดีขึ้นถึง 226%
- ช่วยให้นอนหลับสบาย: เปลือกส้มมีสารหอมระเหยที่มีฤทธิ์ช่วยปลอบประโลมและผ่อนคลายระบบประสาท ช่วยให้ร่างกายเข้าสู่สภาวะพักผ่อนและหลับได้สงบยิ่งขึ้น
- ลดความเสี่ยงภาวะซึมเศร้า: ผู้ที่บริโภคผลไม้ตระกูลส้มมากที่สุดมีความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้าต่ำกว่าผู้ที่บริโภคน้อยที่สุดถึง 22% เนื่องจากสารในส้มช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพสมอง
4 ข้อควรจำในการกินผลไม้ตระกูลส้มให้ได้ประโยชน์สูงสุด
- 1. ควรทานสดมากกว่าดื่มน้ำผลไม้: การทานทั้งผลช่วยให้ได้รับกากใยอาหารครบถ้วน ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลและทำให้อิ่มท้องได้นานกว่า
- 2. ปริมาณที่เหมาะสมคือ 1-2 ผลต่อวัน: ตามคำแนะนำโภชนาการ การทานส้มวันละ 1-2 ผลเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย และช่วยไม่ให้ได้รับน้ำตาลมากเกินไป
- 3. ทานระหว่างมื้ออาหารดีที่สุด: เพื่อหลีกเลี่ยงอาการไม่สบายท้องจากการทานขณะท้องว่าง และไม่ควรทานก่อนนอนทันทีเพื่อป้องกันอาการกรดไหลย้อน
- 4. ระวังเมื่อต้องทานร่วมกับยา: ส้มและยูซุมีสารฟูราโนคูมาริน (Furanocoumarins) ที่อาจไปรบกวนเอนไซม์ในตับที่ทำหน้าที่ย่อยสลายยา ทำให้ยาบางชนิดสะสมในร่างกายจนเกิดอันตราย จึงควรปรึกษาแพทย์หากอยู่ในช่วงทานยาเป็นประจำ
ดาวน์โหลดสนุกแอปฟรี
