ผลไม้ที่มี "พลังเยียวยา" ปกป้องหลอดเลือด ต้านเศร้า ประโยชน์ล้ำค่าราคาบ้านๆ

ผลไม้ที่มี "พลังเยียวยา" ปกป้องหลอดเลือด ต้านเศร้า ประโยชน์ล้ำค่าราคาบ้านๆ

ผลไม้ที่มี "พลังเยียวยา" ปกป้องหลอดเลือด ต้านเศร้า ประโยชน์ล้ำค่าราคาบ้านๆ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"ส้มและมะนาว" ผลไม้ฮีลร่างกาย วิจัยล่าสุดช่วยดูแลหลอดเลือด เสริมความจำ และต้านเศร้า

ในฤดูหนาวที่มีผลไม้มากมายให้เลือกสรร "ผลไม้ตระกูลส้ม" (Citrus) คือหนึ่งในผลไม้ที่โดดเด่นด้วยกลิ่นหอมสดชื่นและรสชาติเปรี้ยวหวานที่ช่วยให้เจริญอาหาร งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ล่าสุดพบว่า ผลไม้ที่หาได้ง่ายเหล่านี้มี "ส่วนประกอบในการเยียวยาจากธรรมชาติ" ที่ช่วยปกป้องหลอดเลือด เสริมสร้างความจำ ไปจนถึงช่วยในการนอนหลับและต้านภาวะซึมเศร้าได้

งานวิจัยพบ: กินส้มช่วยให้หลอดเลือดอ่อนเยาว์ลง

ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Molecular Nutrition & Food Research เมื่อเดือนตุลาคม 2025 พบว่า การบริโภคผลไม้ตระกูลส้มเป็นประจำส่งผลบวกต่อการแสดงออกของยีนกว่า 1,700 ยีนในร่างกายภายใน 60 วัน โดยเฉพาะในด้านการปรับสมดุลความดันโลหิต ไขมันในเลือด และการต้านการอักเสบ

งานวิจัยนี้ได้ทดสอบกับกลุ่มตัวอย่างสุขภาพดีอายุ 21-36 ปี โดยให้ดื่มน้ำส้ม 500 มิลลิลิตรทุกวันต่อเนื่อง 60 วัน พบว่าเซลล์ภูมิคุ้มกันมีการตอบสนองต่อการอักเสบและการควบคุมระบบเผาผลาญได้ดีขึ้นอย่างน่าประทับใจ นอกจากนี้ ผลไม้ตระกูลส้มยังมีความสามารถในการ "ปรับสมดุลเฉพาะบุคคล" ดังนี้:

  • กลุ่มผู้ที่มีน้ำหนักเกิน: จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในยีนที่เกี่ยวข้องกับระบบเผาผลาญไขมัน โดยมีการกระตุ้นเส้นทางที่ช่วยสลายไขมันและกระบวนการออกซิเดชันของกรดไขมัน
  • กลุ่มผู้ที่มีน้ำหนักปกติ: จะมีการตอบสนองในเชิงบวกในเส้นทางที่เกี่ยวข้องกับการต้านการอักเสบเป็นหลัก

"ฟลาโวนอยด์" สารล้ำค่าในผลไม้ตระกูลส้ม

นักวิจัยระบุว่าคุณประโยชน์เหล่านี้มาจากสาร "ฟลาโวนอยด์" (Flavonoids) ที่พบมากในผลไม้ตระกูลส้ม ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบที่มีประสิทธิภาพสูง:

  • 1. ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง: การบริโภคอาหารที่มีฟลาโวนอยด์ในปริมาณที่เหมาะสม (500 มิลลิกรัมต่อวัน) ช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งและโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงจากการสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์
  • 2. ลดความเสี่ยงโรคสมองเสื่อม: งานวิจัยในปี 2024 พบว่าการรับประทานอาหารที่มีฟลาโวนอยด์สูงช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคสมองเสื่อมได้ถึง 28% โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงทางพันธุกรรมสูง หรือผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงและอาการซึมเศร้า
  • 3. ช่วยควบคุมความดันโลหิต: การรับประทานอาหารที่อุดมด้วยฟลาโวนอยด์มีความสัมพันธ์กับการลดลงของความดันโลหิต ซึ่งผลลัพธ์นี้อาจเกี่ยวข้องกับการทำงานของจุลินทรีย์ในลำไส้

ไม่ใช่แค่รสชาติ แต่ "กลิ่น" ก็มีประโยชน์สารพัด

นอกจากการรับประทานแล้ว ผลไม้ตระกูลส้มยังมีข้อดีผ่านการดมกลิ่นและการปรับสมดุลร่างกายในด้านอื่นๆ:

  • ลดความเสี่ยงลิ่มเลือดอุดตัน: สารเฮสเพอริดิน (Hesperidin) ที่พบในส้มช่วยป้องกันการก่อตัวของลิ่มเลือด ซึ่งเป็นอันตรายที่มักเกิดจากการรับประทานอาหารไขมันสูง
  • ช่วยเสริมสร้างความจำ: งานวิจัยจาก UC Irvine พบว่าการดมกลิ่นส้มและเลมอนในช่วงกลางคืนช่วยให้ความจำในผู้สูงอายุดีขึ้นถึง 226%
  • ช่วยให้นอนหลับสบาย: เปลือกส้มมีสารหอมระเหยที่มีฤทธิ์ช่วยปลอบประโลมและผ่อนคลายระบบประสาท ช่วยให้ร่างกายเข้าสู่สภาวะพักผ่อนและหลับได้สงบยิ่งขึ้น
  • ลดความเสี่ยงภาวะซึมเศร้า: ผู้ที่บริโภคผลไม้ตระกูลส้มมากที่สุดมีความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้าต่ำกว่าผู้ที่บริโภคน้อยที่สุดถึง 22% เนื่องจากสารในส้มช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพสมอง

4 ข้อควรจำในการกินผลไม้ตระกูลส้มให้ได้ประโยชน์สูงสุด

  • 1. ควรทานสดมากกว่าดื่มน้ำผลไม้: การทานทั้งผลช่วยให้ได้รับกากใยอาหารครบถ้วน ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลและทำให้อิ่มท้องได้นานกว่า
  • 2. ปริมาณที่เหมาะสมคือ 1-2 ผลต่อวัน: ตามคำแนะนำโภชนาการ การทานส้มวันละ 1-2 ผลเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย และช่วยไม่ให้ได้รับน้ำตาลมากเกินไป
  • 3. ทานระหว่างมื้ออาหารดีที่สุด: เพื่อหลีกเลี่ยงอาการไม่สบายท้องจากการทานขณะท้องว่าง และไม่ควรทานก่อนนอนทันทีเพื่อป้องกันอาการกรดไหลย้อน
  • 4. ระวังเมื่อต้องทานร่วมกับยา: ส้มและยูซุมีสารฟูราโนคูมาริน (Furanocoumarins) ที่อาจไปรบกวนเอนไซม์ในตับที่ทำหน้าที่ย่อยสลายยา ทำให้ยาบางชนิดสะสมในร่างกายจนเกิดอันตราย จึงควรปรึกษาแพทย์หากอยู่ในช่วงทานยาเป็นประจำ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
กำลังโหลดข้อมูล