ชายกินแต่ต้ม-นึ่ง หวังคุมโรคเรื้อรัง แต่กลับเสี่ยง "สมองเสื่อม" หมอส่ายหน้า ชี้สิ่งที่คนมักเข้าใจผิด

ชายวัย 60 กินต้ม-นึ่ง งดไขมันโดยสิ้นเชิง ผลลัพธ์สุดช็อก สมองช้า-หลงลืม แพทย์เตือน “ไขมันดี” สำคัญ
ชายวัย 60 ปี รายหนึ่งดูแลสุขภาพอย่างเคร่งครัดด้วยการรับประทานอาหารต้ม–นึ่งเป็นหลัก และหลีกเลี่ยงน้ำมันแทบทุกชนิดมานานหลายปี ด้วยความเชื่อว่าจะช่วยเรื่องโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดัน และไขมันในเลือด แต่กลับเริ่มมีอาการหลงลืมง่าย สมาธิสั้น เหนื่อยล้า หรือที่เรียกว่า “ภาวะสมองล้า (brain fog)” จนเกรงว่าจะเป็นสัญญาณของโรคสมองเสื่อม ก่อนเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุอย่างละเอียด
แพทย์ชี้ งดไขมันนานเกินไป กระทบการทำงานของสมอง
นพ.ลิ่วป๋อเหริน ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์โภชนาการและเวชศาสตร์ฟังก์ชัน อธิบายว่า การรับประทานอาหารแบบ “ไขมันต่ำอย่างสุดโต่ง” ต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจส่งผลเสียต่อสมองมากกว่าที่คิด เนื่องจากสมองมนุษย์มีองค์ประกอบเป็นไขมันมากถึงประมาณ 60%
หากร่างกายขาดไขมันคุณภาพดี จะทำให้เยื่อหุ้มเซลล์สมองขาดความยืดหยุ่น การส่งสัญญาณประสาทลดลง และนำไปสู่ภาวะความจำถดถอย การคิดวิเคราะห์ช้าลง รวมถึงอาการสมองล้า
กรณีศึกษา กินจืดจัด สมองกลับ “แห้งขาดพลัง”
นพ.ลิ่วป๋อเหริน เล่ากรณีผู้ป่วยชายวัย 60 ปีรายนี้ว่า เจ้าตัวตั้งใจหลีกเลี่ยงน้ำมันทุกชนิด อาหารในแต่ละวันมักเป็นผักต้ม ขนมปังหรือแป้งขัดสี และเนื้อสัตว์เพียงเล็กน้อย เมื่อเวลาผ่านไปจึงเริ่มมีอาการหลงลืมง่าย สมาธิสั้น และตอบสนองช้าลง
ผู้ป่วยตั้งคำถามว่า “ผมกินจืดมาก แทบไม่แตะน้ำมัน ทำไมสมองกลับยิ่งช้า” ภายหลังการตรวจด้วยแนวทางเวชศาสตร์ฟังก์ชัน พบว่าร่างกายขาดกรดไขมันจำเป็นอย่างรุนแรง
แพทย์จึงปรับโภชนาการ โดยเพิ่มการบริโภคน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิน และกรดไขมันโอเมกา 3 ในปริมาณเหมาะสม ภายในเวลา 3 เดือน อาการด้านความจำและสมาธิดีขึ้นอย่างชัดเจน ผู้ป่วยรู้สึกว่าสมองปลอดโปร่งและมีพลังมากขึ้น
งานวิจัยยืนยัน ชนิดของไขมัน มีผลต่อการเสื่อมของสมอง
งานวิจัยในปี 2025 ซึ่งมีนักวิจัยจากคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ร่วมศึกษา ติดตามกลุ่มตัวอย่างวัยกลางคนและสูงอายุนานกว่า 15 ปี พบว่า “คุณภาพของไขมันในอาหาร” มีความสัมพันธ์โดยตรงกับอัตราการเสื่อมของสมอง และสอดคล้องกับแนวคิดอาหารแบบ MIND diet
ผลการศึกษาระบุว่า การเปลี่ยนพลังงานเพียง 5% จากไขมันอิ่มตัวเป็นไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (MUFA) เช่น จากน้ำมันมะกอกหรือถั่ว สามารถช่วยชะลอการเสื่อมของการคิดได้อย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ผู้ที่มีระดับโอเมกา 3 (DHA และ EPA) สูง จะมีอัตราการฝ่อของสมองส่วนฮิปโปแคมปัสช้ากว่า
ในทางตรงกันข้าม การลดไขมันแล้วหันไปบริโภคแป้งขัดสี เช่น ขนมปังขาวหรือเส้นก๋วยเตี๋ยว กลับเพิ่มการอักเสบในสมองและเร่งภาวะเสื่อม
คำแนะนำแพทย์ 4 ข้อ เลือกไขมันดี บำรุงสมอง
นพ.ลิ่วป๋อเหริน แนะนำแนวทางดูแลสมองที่เหมาะกับคนไทย ได้แก่ เปลี่ยนมาใช้น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จินหรืออะโวคาโดออยล์ ลดอาหารไขมันต่ำแต่หวานจัด เสริมโอเมกา 3 จากปลาทะเลขนาดกลางสัปดาห์ละ 2–3 ครั้ง และรับประทานถั่วไม่ปรุงรสวันละหนึ่งกำมือ
ขณะเดียวกันควรหลีกเลี่ยงไขมันเลว เช่น เนื้อแดง เนย ของทอด และงดไขมันทรานส์อย่างเด็ดขาด เพื่อปกป้องสุขภาพสมองในระยะยาว
อายุยืนอย่างเดียวไม่พอ ต้องมี “สมองสดใส” ไปด้วย
ผู้เชี่ยวชาญเน้นย้ำว่า ไขมันไม่ใช่ศัตรูของสุขภาพ หากเลือกให้ถูกต้อง ไขมันดีช่วยดูดซึมวิตามินเอ ดี อี และเค ลดการอักเสบ ปกป้องหลอดเลือดสมอง และชะลอความเสื่อมของระบบประสาท
ในยุคที่คนมีอายุยืนยาวขึ้น การดูแลตัวเองจึงไม่ใช่แค่ให้อยู่ได้นาน แต่ต้องมีสมองที่ยังใช้งานได้ดี ซึ่งการรับประทานไขมันดีในปริมาณเหมาะสม ถือเป็นการลงทุนเพื่อคุณภาพชีวิตในอนาคต
ดาวน์โหลดสนุกแอปฟรี