เช็กข่าวชัวร์ : กลูตาไธโธน (Glutathione) สารต้านอนุมูลอิสระ ที่ทำให้ผิวขาวได้จริงหรือ?

กลูตาไธโธน (Glutathione) สารต้านอนุมูลอิสระ ที่ทำให้ผิวขาวได้จริงหรือ?

มีการเผยแพร่และโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารรวมถึงวิธีการทางการแพทย์มากมายที่กล่าวอ้างสรรพคุณของ กลูตาไธโอน (Glutathione) ว่าเป็น สารต้านอนุมูลอิสระ ที่สามารถทำให้ผิวพรรณ ขาวกระจ่างใส หรือ “ขาวออร่า” ได้อย่างรวดเร็ว  ซึ่งอาจนำไปสู่การใช้ผลิตภัณฑ์หรือวิธีการที่ไม่ได้รับการรับรองและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

คำถาม

สารกลูตาไธโอน (Glutathione) ตามธรรมชาติหรือในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร/การฉีด สามารถทำให้ผิวขาวขึ้นอย่างถาวรและปลอดภัย ตามที่โฆษณาอวดอ้างสรรพคุณว่า “ขาวใสใน 7 วัน” หรือ “ขาวออร่า” จริงหรือไม่?

การตรวจสอบ

• กลูตาไธโอนเป็นสารที่ร่างกายผลิตเองได้ตามธรรมชาติ มีหน้าที่หลักในการกำจัดสารพิษ อนุมูลอิสระ และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ไม่ใช่ยาที่ขึ้นทะเบียนเป็นตัวยาสำคัญเพื่อการรักษาหรือเพื่อความงาม โดยกลูตาไธโอนที่อยู่ในยาแผนปัจจุบันส่วนใหญ่ทำหน้าที่เป็นเพียงสารช่วย (inactive ingredient) เท่านั้น
• กรณีการฉีดกลูตาไธโอนทางหลอดเลือดในปริมาณสูง อาจส่งผลให้ผิวดูขาวขึ้นชั่วคราวได้จริง เนื่องจากสารจะไปยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิว (Melanin) แต่การกระทำนี้ ยังไม่มีการรับรองความปลอดภัยจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สำหรับวัตถุประสงค์ด้านความงาม และมีความเสี่ยงสูงต่อสุขภาพ เช่น อาจเกิดผลข้างเคียงต่อการทำงานของไต หรือการติดเชื้อรุนแรง
• กรณีการรับประทานในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร กลูตาไธโอนจะถูกทำลายในทางเดินอาหารของมนุษย์ ทำให้มีโอกาสถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้น้อยมาก ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกลูตาไธโอน แทบไม่ส่งผล ในเรื่องของการทำให้ผิวขาวใสตามที่โฆษณาอ้าง และหากรับประทานต่อเนื่องระยะยาวอาจส่งผลเสียต่อไตและระบบภูมิคุ้มกันได้
• สรุปได้ว่า สรรพคุณ "ขาวออร่า" หรือ "ขาวใสใน 7 วัน" เป็นการกล่าวอ้างที่ เกินจริง และยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ยืนยันประสิทธิภาพและความปลอดภัยของการใช้กลูตาไธโอนเพื่อปรับสีผิวในระยะยาว

ข้อเท็จจริง

ประโยชน์หลักของกลูตาไธโอนคือการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระภายในร่างกาย การใช้ในรูปแบบอาหารเสริมไม่มีประสิทธิภาพในการทำให้ผิวขาว และการฉีดเพื่อความงามมีความเสี่ยงสูงต่อสุขภาพ เนื่องจาก ยังไม่มีการรับรองความปลอดภัยจาก อย. สำหรับวัตถุประสงค์ดังกล่าว

อ้างอิง

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา