.jpg?ip/crop/w670h402/q80/jpg)
ในโลกออนไลน์มีการแชร์ข้อความเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ โดยอ้างว่า “ผู้ที่มีภาวะไขมันพอกตับ (fatty liver) ควรเข้านอนก่อน 4 ทุ่ม และดื่มน้ำให้ได้วันละ 3 ลิตรขึ้นไป” เพื่อช่วยฟื้นฟูตับและลดไขมันสะสมในร่างกาย ข้อความดังกล่าวถูกแชร์ต่อกันในวงกว้างบนโซเชียลมีเดีย จนเกิดความสับสนว่าเป็นคำแนะนำทางการแพทย์ที่ถูกต้องหรือไม่ ล่าสุด กองบรรณาธิการ Sanook News ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับแหล่งข้อมูลทางการแพทย์แล้ว
จริงหรือไม่ที่ “ผู้ป่วยภาวะไขมันพอกตับ ควรนอนก่อน 4 ทุ่ม และต้องดื่มน้ำวันละ 3 ลิตรขึ้นไป” ตามที่มีการแชร์ในโซเชียลมีเดีย?
กองบรรณาธิการ Sanook News ตรวจสอบกับข้อมูลจาก โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าข้อความที่แชร์นั้นมีทั้งส่วนที่ถูกต้องและคลาดเคลื่อนบางประการ โดยทางโรงพยาบาลระบุว่า ภาวะไขมันพอกตับ (fatty liver) มักเกี่ยวข้องกับภาวะดื้ออินซูลินและกลุ่มอาการเมตาบอลิก (metabolic syndrome) ซึ่งแนวทางการรักษาหลักคือการควบคุมอาหาร ลดน้ำหนัก และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของคำแนะนำให้ “เข้านอนก่อน 4 ทุ่ม” นั้น ทางการแพทย์ยังไม่มีหลักฐานทางวิชาการยืนยันว่าเวลาเข้านอนก่อน 22.00 น. จะช่วยลดภาวะไขมันพอกตับโดยตรง สิ่งสำคัญคือ “การนอนหลับให้เพียงพอ” เพราะการพักผ่อนไม่พออาจส่งผลให้ควบคุมน้ำหนักได้ยากและมีผลต่อระดับอินซูลินในร่างกาย
ขณะเดียวกัน คำแนะนำให้ “ดื่มน้ำวันละ 3 ลิตรขึ้นไป” ก็ไม่ถูกต้องทั้งหมด เพราะการดื่มน้ำในปริมาณมากเกินไปอาจทำให้สมดุลเกลือแร่ในร่างกายเสียหรือเกิดภาวะน้ำเป็นพิษได้ โดยแพทย์แนะนำให้ดื่มน้ำให้เพียงพอตามความต้องการของร่างกายตลอดวัน ไม่จำเป็นต้องถึง 3 ลิตรเสมอไป
สรุปแล้ว ข่าวที่ระบุว่า “ผู้ที่เป็นไขมันพอกตับต้องนอนก่อน 4 ทุ่มและดื่มน้ำวันละ 3 ลิตรขึ้นไป” เป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อนบางส่วน ไม่เป็นความจริงในเชิงหลักฐานทางการแพทย์ โดยการรักษาที่ถูกต้องคือควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย ลดน้ำตาล และพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเวลาเข้านอนหรือปริมาณน้ำที่ตายตัว