
เมื่อเข้าสู่เดือนสิบสอง หลายคนต้องนึกถึงเพลงคุ้นหูที่ร้องวนซ้ำไปมาว่า "วันเพ็ญเดือนสิบสอง น้ำก็นองเต็มตลิ่ง..." เพลงนี้คือ "เพลงรำวงลอยกระทง" หรือที่คนทั่วไปเรียกกันว่า "เพลงลอยกระทง" ซึ่งกลายเป็นเพลงอมตะประจำเทศกาลลอยกระทงของไทยที่ไม่เคยเลือนหายไปตามกาลเวลา
เพลงนี้ไม่เพียงเป็นบทเพลงประกอบเทศกาลเท่านั้น แต่ยังถือเป็นหมุดหมายสำคัญในประวัติศาสตร์ดนตรีไทย เพราะเป็นหนึ่งในเพลงที่แต่งขึ้นอย่างเร่งด่วนที่สุดของวงดนตรีสุนทราภรณ์ และได้รับความนิยมต่อเนื่องมานานกว่า 70 ปี
ข้อมูลจากหลายแหล่งระบุว่า เพลง"รำวงลอยกระทง" ถูกแต่งขึ้นครั้งแรกในช่วงประมาณปี พ.ศ. 2492–2493 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ซึ่งในขณะนั้นมีการจัดงานวันลอยกระทง และได้เชิญวงดนตรีสุนทราภรณ์มาบรรเลงในงาน
คณะผู้จัดงานได้ร้องขอให้แต่งเพลงพิเศษสำหรับงานโดยเฉพาะ ทำให้ ครูเอื้อ สุนทรสนาน (ผู้ประพันธ์ทำนอง) และ ครูแก้ว อัจฉริยะกุล (ผู้ประพันธ์คำร้อง) ช่วยกันแต่งเพลงนี้ขึ้นอย่างเร่งด่วน ใช้เวลาไม่ถึง 30 นาที ก่อนจะนำมาบรรเลงเป็นครั้งแรกในงานดังกล่าว
แม้จะเป็นเพลงที่แต่งอย่างเร่งด่วน แต่ ครูแก้ว อัจฉริยะกุล ได้ออกแบบเนื้อร้องให้สมบูรณ์สำหรับการรำวงอย่างแท้จริง โดยมีเนื้อหาครบทั้งความสนุก การเชิญชวน และความหมายมงคล เริ่มต้นด้วยท่อนหลักสี่วรรคที่ทุกคนคุ้นเคยว่า "วันเพ็ญเดือนสิบสอง น้ำก็นองเต็มตลิ่ง เราทั้งหลายชายหญิง สนุกกันจริงวันลอยกระทง"
ต่อด้วยท่อนเชิญชวนอย่างเป็นกันเองว่า "ลอยกระทงกันแล้ว ขอเชิญน้องแก้วออกมารำวง" และปิดท้ายด้วยถ้อยคำแห่งความสุข "บุญจะส่งให้เราสุขใจ" ซึ่งทุกท่อนยังคงถูกร้องวนซ้ำในทุกเทศกาลลอยกระทงมาจนถึงปัจจุบัน
ความสำเร็จของเพลงนี้อยู่ที่จังหวะรำวงที่สนุกสนาน เนื้อร้องสั้น จำง่าย และสื่อถึงความสุขของเทศกาลได้ครบถ้วน เพลงนี้จึงกลายเป็นเพลงที่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่สามารถร้องและรำตามได้พร้อมกันทั่วประเทศในทุกปี
แม้จะเป็นเพลงที่แต่งขึ้นอย่างเร่งรีบ แต่ด้วยความเรียบง่ายและลงตัวในทุกองค์ประกอบ จึงทำให้ “รำวงลอยกระทง” กลายเป็นเพลงอมตะที่ดังข้ามยุค และยังคงดังก้องอยู่ทุกครั้งที่แสงเทียนลอยเหนือสายน้ำในคืนวันเพ็ญเดือนสิบสอง

ขอขอบคุณ
ข้อมูล :กรมประชาสัมพันธ์,กรมศิลปากร