โศกนาฏกรรม "อัจฉริยะ" 10 ขวบเข้ามหา'ลัย เป็นด็อกเตอร์วัย 16 แต่ชีวิตพังเพราะพ่อแม่?!

โศกนาฏกรรม "อัจฉริยะ" 10 ขวบเข้ามหา'ลัย เป็นด็อกเตอร์วัย 16 แต่ชีวิตพังเพราะพ่อแม่?!

โศกนาฏกรรม "อัจฉริยะ" 10 ขวบเข้ามหา'ลัย เป็นด็อกเตอร์วัย 16 แต่ชีวิตพังเพราะพ่อแม่?!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เรื่องเศร้าของอดีต "อัจฉริยะ" ที่เข้ามหาวิทยาลัยตอน 10 ขวบ สู่คนว่างงานในวัย 30

อัจฉริยะ 10 ขวบเข้ามหาวิทยาลัย 16 ปีเป็นด็อกเตอร์ สู่ชีวิตจริงวัย 30 ที่ "ว่างงาน" สะท้อนโศกนาฏกรรมจากความคาดหวังพ่อแม่

ในปี 2005 โลกโซเชียลมีเดียของจีนเคยสั่นสะเทือนด้วยข่าวเด็กชายวัย 10 ขวบ ได้เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการ เด็กชายคนนั้นชื่อ จาง ซินหยาง ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะแห่งชาติและเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงสติปัญญาที่ไม่ธรรมดา

อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านไป 20 ปี เมื่อผู้คนค้นหาชื่อนี้อีกครั้ง จาง ซินหยาง ได้กลายเป็นคนว่างงานและใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย เขาได้ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาด้วยความรู้สึกหดหู่ว่า "ผมไม่ใช่เด็กอัจฉริยะอีกต่อไปแล้ว"

การตัดสินใจที่ไม่ใช่ของ "อัจฉริยะ"

ในเวลานั้น การที่เด็กนักเรียนชั้นประถมปีที่ 4 สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ถือเป็นเรื่องที่เกินจินตนาการ แม้ว่าจะมี "อัจฉริยะตัวน้อย" ได้รับการตอบรับเข้าโครงการพิเศษสำหรับผู้มีพรสวรรค์ทุกปี แต่จาง ซินหยาง ยังคงแตกต่างออกไป

ความต่างนี้ไม่ได้มาจากอายุเท่านั้น แต่มาจากทางเลือกของเขาที่ตัดสินใจเข้าเรียนที่วิทยาลัยครูธรรมดา แทนที่จะเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงอย่างชิงหวาหรือปักกิ่ง หลายคนสงสัยว่าเหตุใดอัจฉริยะเช่นนี้จึงเลือกเส้นทางดังกล่าว แต่มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่า เบื้องหลังความรุ่งโรจน์ของ "เด็กอัจฉริยะ" คือเด็กชายที่ถูกผลักดันให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและไกลเกินไป จนไม่มีโอกาสเติบโตตามวัย

ตามคำบอกเล่าของเพื่อนเก่าของซินหยาง การตัดสินใจครั้งนี้ไม่ใช่ของเขา แต่เป็นแรงกดดันจากพ่อแม่ พวกเขาต้องการให้ลูกชายสำเร็จการศึกษา ได้รับปริญญา และ "ประสบความสำเร็จ" โดยเร็ว ราวกับว่าพรสวรรค์จะต้องแข่งกับเวลาเสมอ

ความคาดหวังที่เกินตัว และจุดเปลี่ยนที่ผิดพลาด

ตั้งแต่ยังเด็ก จาง ซินหยาง ต้องอยู่ภายใต้ความคาดหวังที่สูงมาก พออายุ 10 ขวบ เขาก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของมหาวิทยาลัยและผูกมิตรกับคนที่มีอายุเป็นสองเท่า แม้ว่าคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยของเขาจะค่อนข้างดีที่ 505 คะแนน แต่พ่อแม่ก็ไม่อนุญาตให้เขาไปเรียนซ้ำชั้นหรือเลือกสาขาวิชาอื่น

เขาเคยมีโอกาสไปเรียนต่อต่างประเทศ แต่ถูกปฏิเสธทันทีจากพ่อแม่ ซึ่งเหตุผลคือพวกเขากลัวว่า "จะควบคุมลูกไม่ได้" เมื่อเขาเติบโตขึ้น โศกนาฏกรรมก็ยังคงดำเนินต่อไป

ในช่วงที่กำลังศึกษาในระดับปริญญาเอก ซินหยางขู่ว่าหากพ่อแม่ไม่ซื้อบ้านในปักกิ่งให้ เขาจะทิ้งปริญญาโทและไม่เรียนต่อปริญญาเอก เมื่อไม่สามารถหาเงินได้ พ่อแม่ของเขาจึงแกล้งทำเป็นซื้อ โดยเช่าอพาร์ตเมนต์ชั่วคราวเพื่อให้ลูกชายสบายใจ

"การซื้อบ้าน การหางานที่ดี การได้เป็นพลเมืองปักกิ่ง คือความสำเร็จ" ซินหยางกล่าวในตอนนั้น "พ่อแม่คาดหวังให้ผมตั้งรกรากในปักกิ่งมากกว่าใคร ดังนั้นพวกเขาควรพยายามเพื่อให้ผมบรรลุเป้าหมายนี้"

สื่อในขณะนั้นเรียกเขาว่า "อัจฉริยะที่ล้มเหลว" "เด็กตัวโต" หรือ "หุ่นยนต์การเรียนรู้ที่มีระบบล้มเหลว" หลังจากสำเร็จการศึกษา จาง ซินหยาง ทำงานเพียง 3 ปีก็ตกงาน

บทเรียนจากการวางความหวังไว้สูงเกินไป

เมื่อไม่มีชื่อเสียงและไม่มีใครยกย่องอีกต่อไป เขาจึงกลับมาใช้ชีวิตอย่างเงียบ ๆ ที่บ้าน และบางครั้งก็ปรากฏตัวในการสัมภาษณ์เล็กน้อย เมื่อถูกถามว่าเขายังคงคิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะหรือไม่ เขาก็เพียงแค่หัวเราะเบา ๆ และตอบว่า "ผมไม่ใช่เด็กอัจฉริยะอีกต่อไปแล้ว ผมก็แค่คนธรรมดาที่พยายามใช้ชีวิตต่อไป"

20 ปีให้หลัง จาง ซินหยาง ยังคงใช้ชีวิตอย่างสันโดษและดูแก่กว่าวัย บางครั้งเขาปรากฏตัวบนโซเชียลมีเดีย แต่ไม่ได้อยู่ในฐานะ "อัจฉริยะ" อีกแล้ว ทว่ากลายเป็นบทเรียนเตือนใจสำหรับผู้ปกครองที่ตั้งความคาดหวังไว้สูงเกินไปสำหรับลูกของตนเอง

พรสวรรค์ไม่สามารถพัฒนาได้ในสภาพแวดล้อมที่ขาดความเข้าใจและอิสระ เด็กอาจฉลาดและเรียนเก่ง แต่หากถูกบังคับให้ใช้ชีวิตตามความคาดหวังของผู้ใหญ่ ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาจะสูญเสียความสุขในการเรียนรู้และความหมายของความสำเร็จไป ในยุคที่ทุกคนอยาก "เข้าเส้นชัยก่อน" บางครั้งสิ่งที่มีค่าที่สุดคือการได้ก้าวเดินในความเร็วของตัวเอง เติบโตอย่างช้า ๆ แต่มั่นคง และใช้ชีวิตที่เป็นของตนเอง

 

อัลบั้มภาพ 5 ภาพ

อัลบั้มภาพ 5 ภาพ ของ โศกนาฏกรรม "อัจฉริยะ" 10 ขวบเข้ามหา'ลัย เป็นด็อกเตอร์วัย 16 แต่ชีวิตพังเพราะพ่อแม่?!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
กำลังโหลดข้อมูล