นายกขึ้นเบิกความยันอยู่ในรถตอนแดงทุบรถ

นายกขึ้นเบิกความยันอยู่ในรถตอนแดงทุบรถ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ขึ้นเบิกความต่อศาล ในฐานะพยานโจทก์ที่ยื่นฟ้อง นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย เป็นจำเลยในความผิด ฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา กรณีที่กล่าวหาว่านายกรัฐมนตรี สั่งทหารฆ่าประชาชนและใส่ร้ายว่าเป็นความผิดของคนเสื้อแดง โดยทนายความโจทก์ ได้นำวีซีดีบันทึกภาพเหตุการณ์ ของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่บุก กระทรวงมหาดไทย และเข้าทุบรถยนต์ ที่นายกรัฐมนตรี นั่งอยู่ในรถคันดังกล่าว

โดย นายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่า ในวันที่คนเสื้อแดง บุกทุบรถ ตนนั่งอยู่ในรถคันนั้นจริง โดยมี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี นั่งอยู่ในรถคันที่ถูกทุบด้วยเช่นกัน โดยคนขับรถพยายามฝ่าวงล้อมของคนเสื้อแดง ประมาณ 20 นาที จึงตัดสินใจขับรถชนประตูก่อนจะขับออกไปจากกระทรวงมหาดไทย ได้ ซึ่งภายหลังจากการตรวจสอบ สภาพความเสียหายของรถ พบว่า หม้อน้ำ ได้รับความเสียหาย ยางรถยนต์ถูกกรีด และตัวถังของรถไม่สามารถใช้การได้ และปัจจุบันรถยนต์คันดังกล่าว ไม่สามารถนำมาใช้งานได้แล้ว

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้นำภาพถ่ายเป็น ภาพนิ่งของตน ที่ถ่ายไว้ภายในรถคันที่ถูกคนเสื้อแดงทุบ มาเบิกความยืนยันต่อศาลว่า อยู่ในรถคันที่เกิดเหตุจริง ไม่ได้เป็นไปตามที่ นายจตุพร กล่าวอ้างว่ามีการจัดฉาก แต่อย่างใด

ส่วนกรณีที่นายจตุพร กล่าวหาว่า นายกรัฐมนตรี สั่งทหารฆ่าประชาชนและใส่ร้ายว่าเป็นความผิดของคนเสื้อแดง โดย นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุการณ์การชุมนุมของคนเสื้อแดง ในช่วงเดือนเมษายนปี 2552 ที่มีทหารเข้าไปอยู่ในพื้นที่ย่านดินแดน และเกิดการปะทะกันระหว่างทหารกับคนเสื้อแดง นั้น ทางคณะพนักงานสอบสวน ได้มีการสรุปเหตุการณ์ออกมาแล้วว่า ไม่มีผู้เสียชีวิต ส่วนกรณีที่มีผู้เสียชีวิต 2 ราย จากการปะทะกัน ย่านนางเลิ้ง นั้น จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ พบว่า เป็นการกระทำของคนเสื้อแดง เอง

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นผู้สั่งสลายการชุมนุม ช่วงเดือนเมษายนปี 2552 แต่ แกนนำ นปช. เป็นคนประกาศยุติการชุมนุมพร้อมกับเดินทางเข้ามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง และภายหลังเบิกความแล้วเสร็จ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางออกจากศาลอาญา โดยไม่ได้สัมภาษณ์ใด ๆ ต่อสื่อมวลชน พร้อมกันนี้ ศาลได้นัดสืบพยานโจทก์อีก ในวันพรุ่งนี้ เวลา 09.00 น.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook