สายตาสั้นเพิ่ม 200 ใน 20 วัน ผลตรวจช็อก "กระจกตาย้วย" เสี่ยงพิการจากนิสัยที่ทำบ่อยๆ

สายตาสั้นเพิ่ม 200 ใน 20 วัน ผลตรวจช็อก "กระจกตาย้วย" เสี่ยงพิการจากนิสัยที่ทำบ่อยๆ

สายตาสั้นเพิ่ม 200 ใน 20 วัน ผลตรวจช็อก "กระจกตาย้วย" เสี่ยงพิการจากนิสัยที่ทำบ่อยๆ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สายตาสั้นเพิ่ม 200 ใน 20 วัน ผลตรวจช็อก "กระจกตาย้วย" เสี่ยงพิการถาวร จากนิสัยเล็กๆ ที่หลายคนทำบ่อย เพราะคิดว่าไม่เป็นไร

เมื่อรู้สึกคันตา แห้ง หรือเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมในตา หลายคนมักจะใช้มือลูบหรือขยี้ตาเป็นอันดับแรก ซึ่งพฤติกรรมนี้อาจทำร้ายดวงตาอย่างรุนแรง เพราะอาจทำให้กระจกตาเสียรูป และในกรณีร้ายแรงอาจถึงขั้นตาบอดได้

ชายคนหนึ่งในเมืองฝูโจว มณฑลฝูเจี้ยน ประเทศจีน พบว่าค่าสายตาสั้นของเขาเพิ่มขึ้นถึง 200 ภายในเวลาเพียง 20 วัน เมื่อตรวจที่แผนกจักษุของโรงพยาบาลประชาชนแห่งที่สองของมณฑลฝูเจี้ยน แพทย์พบว่ากระจกตาของเขานูนออกมาคล้ายกรวยไอศกรีม ทำให้แสงไม่สามารถโฟกัสลงบนเรตินาได้ และไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการใส่แว่นตา เสี่ยงต่อการเป็นผู้พิการทางการมองเห็นถาวร

หลังสอบถามอาการ แพทย์พบว่าชายคนนี้มีนิสัยชอบขยี้ตาแรง ๆ ทุกครั้งที่รู้สึกคัน ทำให้ตาแดงและบวมอยู่เสมอ เมื่อมีการเสียดสีเป็นเวลานาน กระจกตาจะถูกกดดันอย่างมากจนเสียรูป และสุดท้ายกลายเป็นโรค กระจกตารูปกรวย (Keratoconus) หรือเรียกว่า กระจกตาย้วย กระจกตาโก่ง ซึ่งมักเกิดกับผู้ที่ขยี้ตาบ่อย ๆ

แพทย์เตือนว่า หากมีอาการสายตาแย่ลง มองเห็นซ้อน หรือมีอาการสายตาเอียงร่วมด้วย อาจเป็นสัญญาณของโรคกระจกตาผิดปกติ หากตรวจพบว่าค่าสายตาสั้นเพิ่มขึ้นเกิน 200 ใน 1 ปี หรือค่าสายตาเอียงเพิ่มขึ้นเกิน 50 ในครึ่งปี ควรรีบไปพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจหากระจกตากรวย

นอกจากนี้ การขยี้ตาแรงเกินไปอาจทำให้กระจกตาบางลงหรือผิดรูป ทำให้การมองเห็นพร่ามัว หรือถึงขั้นกระจกตาแตกได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีอาการแพ้ง่าย การขยี้ตาอาจนำสารก่อภูมิแพ้เข้าสู่ตาได้ และหากขยี้ตาโดยไม่ได้ล้างมือก่อน อาจเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อที่ตา

สุดท้าย การขยี้ตาบ่อย ๆ ยังส่งผลต่อผิวหนังรอบดวงตา ทำให้หลอดเลือดฝอยเสียหาย ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น เกิดริ้วรอย ถุงใต้ตา และรอยคล้ำใต้ตาได้อีกด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
กำลังโหลดข้อมูล