แฮร์รี่เอาไปหมดแล้ว แม่ "อัยการดาว" ถูกแก๊งโรแมนซ์สแกมหลอก สูญเกือบ 8 แสน
(1).jpg?ip/crop/w1200h700/q80/jpg)
อัยการดาว เปิดแชท คุณแม่วัย 79 ปี ถูกแก๊งโรแมนซ์สแกมหลอก แค่ไม่กี่วันโอนไปเกือบหมดบัญชี แถมกู้เงิน-จำนำทอง สูญเงิน 7.6 แสน
กรณี น.ส.สุภาภรณ์ นิปวณิชย์ อัยการผู้เชี่ยวชาญสำนักงานคดียาเสพติด หรือ อัยการดาว เดินทางเข้าแจ้งความที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) หลัง มารดา อายุ 79 ปี ถูกแก๊งโรแมนซ์สแกมหลอกให้รักผ่านช่องทางออนไลน์ สูญเงิน 760,000 บาท โดยเดินทางเข้าแจ้งความเมื่อวันที่ 8 พ.ค. ที่ผ่านมา
ล่าสุด วานนี้ (12 พ.ค.) เมื่อเวลา 21.00 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางเข้าพบ น.ส.สุภาภรณ์ นิปวณิชย์ อัยการผู้เชี่ยวชาญสำนักงานคดียาเสพติด หรือ อัยการดาว เพื่อสอบถามข้อมูลและวิธีการที่แก๊งโรแมนซ์แกมใช้หลอกลวง ซึ่งพบว่ามารดาของอัยการดาวอาศัยอยู่คนเดียว ซึ่งลูก ๆ จะเดินทางไปเยี่ยมเป็นระยะ
ต่อมาเมื่อวันที่ 8 พ.ค. พี่ชายที่อยู่ จ.เชียงใหม่ ได้โทรมาบอกว่ามารดาโทรไปขอยืมเงินจำนวนหลายแสน ซึ่งพบความผิดปกติ เนื่องจากมารดามีเงินฝากอยู่แล้วทำไมถึงต้องขอยืมเงิน จึงอยากให้เข้าไปตรวจสอบ พบว่ามารดามีคุยกับชายชาวเวียดนามชื่อ นายแฮร์รี่ ซึ่งเข้ามาตีสนิททางชู้สาว
และมีการเบิกเงินสดจากบัญชีฝากประจำจำนวน 300,000 บาท เบิกเงินจากบัญชีออมทรัพย์จำนวน 150,000 บาท ตั๋วจำนำทอง 4 ใบรวมจำนวน 160,000 บาท และเบิกเงินสดบัตรเครดิตจำนวน 150,000 บาท รวมเงินทั้งหมด 760,000 บาท ซึ่งมารดาแจ้งว่าโอนในนายแฮร์รี่ แต่เงินที่โอนทั้งหมดเข้าบัญชีปลายทางที่เป็นชื่อบัญชีคนไทยแทน จึงได้รวบรวมหลักฐานเข้าแจ้งความที่ สอท.
น.ส.สุภาภรณ์ หรือ อัยการดาว เปิดเผยว่า พี่ชายที่อยู่ จ.เชียงใหม่ โทรมาบอกตนว่าคุณแม่โทรไปขอยืมเงินหลายแสน และคิดว่าน่าจะขอยืมเงินคนอื่นอีกซึ่งผิดปกติ ตนจึงแปลกใจเพราะตนเพิ่งจะไปเยี่ยมคุณแม่มาแต่ท่านก็ไม่ได้พูดอะไรให้ฟัง ท่านบอกว่าให้คนอื่นเดี๋ยวจะได้คืน ด้วยความที่สงสัยว่าคุณแม่จะถูกหลอกให้ลงทุน ซึ่งตนเคยบอกและเตือนคุณแม่เรื่องนี้แล้ว
ตนจึงรีบเดินทางไปหาคุณแม่กับรุ่นน้องอีกคน จากนั้นตนก็ขอท่านตรวจมือถือของท่าน พบว่าในโทรศัพท์มีแอปพลิเคชั่น ชื่อ WhatsApp ติดตั้งอยู่ จึงให้รุ่นน้องไล่ดูข้อความจึงพบว่าคุณแม่มีการโอนไปจำนวนหลายแสนบาท ตนจึงสอบถามจนทราบว่าคุณแม่คุยกับชายชาวเวียดนาม ซึ่งขณะที่ตนไล่ดูโทรศัพท์ยังมีข้อความที่คุณแม่คุยอยู่ ตนจึงอธิบายให้คุณแม่ฟังว่าถูกหลอก ซึ่งแม่ก็คิดและเข้าใจว่าถูกหลอกจริง
อัยการดาว กล่าวว่า จากที่สอบถามรายละเอียดคุณแม่ทราบว่า ชายคนดังกล่าวรู้จักผ่านทางเฟซบุ๊ก เขาเข้ามาขอเป็นเพื่อน จากนั้นได้แอดเข้ามาทางแอปพลิเคชั่น ชื่อ WhatsApp โดยใช้รูปโปรไฟล์เป็นหนุ่มรูปหล่อ หน้าตาดี เป็นนักธุรกิจชาวเวียดนาม
หลังจากเพิ่มเป็นเพื่อนก็มีการคุยกันทางเฟซบุ๊กมาก่อน โดยคุยทางชู้สาว บอกรัก จะมาใช้ชีวิตด้วยกัน รักมาก และมีการจะซื้อของให้เพื่อเป็นที่ระลึกกับความรักของเขากับคุณแม่ พยายามขอที่อยู่ ซึ่งคุณแม่ปฏิเสธไม่อยากได้ บอกปัดอยู่ 2-3 วัน จนแม่บอกเขาว่าให้ซื้อแค่เสื้อผ้าพอ
ซึ่งเขาก็ส่งของมาอ้างว่าเป็นการเซอร์ไพรส์มีการส่งทรัพย์สินมาให้ด้วยเป็น ทองคำ นาฬิกา เครื่องประดับ แล้วก็ถ่ายรูปกล่องพัสดุ และหมายเลขพัสดุมาให้แต่ต้องมีค่าธรรมเนียมการส่ง ซึ่งระหว่างนั้นก็มี WhatsApp ของคนส่งพัสดุขึ้นมาว่าของมาถึงที่จัดส่งแล้ว ซึ่งคุณแม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม 20,000 บาท จากนั้นก็แจ้งว่าน้ำหนักเกินต้องจ่ายเพิ่มอีก 50,000 บาท แล้วก็หลอกไปเรื่อยเป็นค่าต่างๆ
โดยมีการคุยไปด้วยสลับกันไปทั้งคุณแม่ แฮร์รี่ และคนส่งพัสดุ ถ้าคุณแม่ปฏิเสธไม่จ่าย ทางนายแฮร์รี่ก็จะทักมาให้แม่จ่าย โดยใช้คำพูดหวานเรียกว่าที่รัก เป็นทรัพย์สินที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน และก็อ้างว่าในกล้องพัสดุมีเงินอยู่ 20 ล้านบาท พอคุณแม่โอนเงินไปมากขึ้นก็จะหยุดโอน มีการข่มขู่ทางคุณแม่ว่าจะแจ้งตำรวจว่าลักลอบขนทรัพย์สิน ซึ่งคุณแม่ก็ให้แจ้งตำรวจเพราะท่านไม่กลัว
กระทั่งนายแฮร์รี่ก็ขู่ว่าจะกินยาพิษฆ่าตัวตาย คุณแม่ก็ใจอ่อนปกป้องไม่ให้เขากินยาพิษ ก็ยอมโอนเงินเบิกเงินฝากประจำจนปิดบัญชี เอาทองที่เก็บสะสมไปจำนำ และก็ไปกู้โดยเบิกเงินสดจากบัตรเครดิต สูญไปทั้งหมด 760,000 บาท
อัยการดาว กล่าวอีกว่า กรณีนี้คือท่านเป็นคุณแม่ของตน ตนรู้เรื่องทางกฎหมายและการทำธุรกรรม การเดินเรื่องทำหนังสือมอบอำนาจตนทำเป็น แต่ถ้าเป็นคนชราคนอื่นการติดต่อธนาคารการเล่าเรื่องจะยากมาก ขนาดตนโทรคุยกับทางเจ้าหน้าที่ธนาคารเองผ่านทาง 1441 ยังยากที่จะอธิบายให้เข้าใจ เจ้าหน้าที่ธนาคารก็จะทำตามระบบของเขา แต่สำหรับตนมันไม่ตรงตามข้อกฎหมาย
เรื่องที่คุณแม่ถูกหลอกมันมีหลายขั้นตอน กว่าจะถึงขึ้นศาล กว่าจะจับคนร้ายได้ทีละคน คนชราจะอยู่ถึงไหม และเรื่องความจำคนชราจะสมบูรณ์อยู่ไหม ไหนจะเสียใจจากเรื่องที่เกิดขึ้นสภาพจิตใจก็แย่ แก๊งมิจฉาชีพเหล่านี้จึงโจมตีที่เด็ก คนชรา เหมือนมิจฉาชีพจะรู้ เรื่องเหล่านี้ลูก ๆ ต้องรับมอบอำนาจในการเดินเรื่องจะดีกว่า
อย่างแก๊งโรแมนซ์สแกม หลอกคนชราให้รัก ไม่ได้หลอกง่ายอย่างเดียว ระยะเวลาก็มีส่วนเหมือนมิจฉาชีพรู้เรื่องกฎหมาย เพราะคดีเวลาขึ้นศาลมานาน หรือคนถูกหลอกและพยานเสียชีวิตไปก่อน ส่วนถ้าเป็นเด็กถูกหลอกเขาจะเรียบเรียงข้อเท็จจริงไม่ได้ เป็นมิจฉาชีพที่ไม่มีความเมตตากับใคร ทั้งข่มขู่
อัยการดาว กล่าวเพิ่มว่า จากที่คุณแม่ถูกหลอกตนนั่งอ่านข้อความทุกบรรทัด จึงรู้ว่ากลุ่มคนเหล่านี้ต้องใช้วิธีที่ร้ายแรงโต้ ไม่ควรต้องรอเวลา เพราะโทษก็ไม่ได้สูง เคสของคุณแม่ตน ตนเจอปัญหาเองกับตัว ตนโทรไปเองแต่ทางธนาคารแจ้งว่าต้องมีเลขไอดีเพื่อแจ้งทางไซเบอร์ ซึ่งเป็นระบบของทางธนาคารในการทำธุรกรรม
ตนโทรไปทาง 1441 ตำรวจก็ช่วยโทรเพื่อออกเลขในการอายัดบัญชี แต่ปัญหาคือคุณแม่โอนทั้งทางออนไลน์ และเดินทางไปเบิกเงินที่ธนาคาร ซึ่งทางธนาคารไม่รีบอายัดกรณีที่ไปฝากเงินให้มิจฉาชีพที่ธนาคาร โดยอ้างว่าไม่มีบัญชีต้นทาง อีกจำนวนหนึ่งคุณแม่ปิดบัญชีเงินฝาก แล้วเอาเงินสดไปฝากให้มิจฉาชีพก็ไม่รับอายัดเพราะไม่มีบัญชีต้นทาง
ทางธนาคารตีความการอายัดบัญชีแคบ ทางธนาคารยืนยันต้องมีบัญชีต้นทางไปปลายทาง แจ้งตนกลับมาอย่างเดียวว่าอายัดไม่ได้ แต่ก็มีบางธนาคารทำให้แต่ต้องมีตำรวจยืนยันให้ เรื่องนี้มันเป็นการฉ้อโกงทางธุรกรรม และฉ้อโกงทางออนไลน์ ทั้งที่มีเอกสาร
ซึ่งตนก็อธิบายให้ทางธนาคารฟัง ก็ยังยืนยันไม่ออกเลขอายัดให้ ให้รอตำรวจออกหมายจับซึ่งมันใช้เวลา ไม่เหมืองทางธนาคารกดอายัดให้เลย ตนอยากให้ทางธนาคารเปิดกว้าง หลังจากกรณีคุณแม่ตน มีคนโทรมาหลังจากทราบข่าวแจ้งว่ากรณีแบบนี้มีเยอะมาก
อัยการดาว เผยถึงคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลังจากมีการปราบปรามครั้งใหญ่ที่ผ่านมาว่า ตอนแรกตนคิดว่าขบวนการนี้เบาลงไปแล้ว พอกรณีคุณแม่ได้สอบถามจากทางตำรวจจึงทราบว่า ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับมาแล้ว น่าจะหนักกว่าเดิมแซงคดีอาชญากรรมอื่น ๆ
ประชาชนต้องระวังก็ฝากให้ช่วยตรวจสอบผู้ปกครอง เด็ก ให้หมั่นเอาโทรศัพท์มาตรวจดูว่ามีใครทักมาหลอกคุยหรือไม่ เพราะทั้งคนชราและเด็กเกิดเรื่องจะไม่บอก เขาจะเงียบ จะแอบคุยกันตอนลูกไปทำงาน
กรณีคุณแม่ตนครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้ว ซึ่งตนและพี่ชายระมัดระวังป้องกันแล้ว เงินก็ให้เอาไปฝากประจำโอนออนไลน์ไม่ได้ ก็ยังถูกหลอก ตอนนี้ให้เงินคุณแม่ติดบัญชีเป็นเดบิตแค่ 10,000 บาท ที่เหลือเป็นเงินสด เพราะท่านไม่มีค่าใช้จ่ายอะไร ตนก็อธิบายให้คุณแม่เข้าใจว่าเงินทองของคุณแม่ ลูก ๆ ก็ไม่ได้อยากได้จึงไม่มาเก็บไว้ แต่สุดท้ายแฮร์รี่ก็เอาไปหมด ก็ต้องบอกท่านตรง ๆ
เบื้องต้น พนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์หลังรีบแจ้งความและพยายามทำเรื่องอายัดบัญชี ได้ส่งเรื่องให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนติดตามตัวคนร้าย โดยหลังจากนี้จะทำการนัด น.ส.สุภาภรณ์ นิปวณิชย์ หรือ อัยการดาว เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง ในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากมารดาผู้เสียหาย ซึ่งทางอัยการยืนยันว่าคดีนี้จะดำเนินการให้ถึงที่สุด
อัลบั้มภาพ 10 ภาพ