สาวใหญ่ใจแกร่ง เตะก้านคอ "งูจงอาง" จับฟาดจนสิ้นฤทธิ์ แล้วหิ้วซากมาโรงพยาบาล

สาวใหญ่ใจแกร่ง เตะก้านคอ "งูจงอาง" จับฟาดจนตายแล้วหิ้วไปโรงพยาบาล เล่านาทีชีวิต คิดถึงหน้าลูกเลยต้องสู้
ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ กรรณิกา เรืองสา ได้โพสต์ภาพเพื่อนสาวขณะนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล พร้อมภาพงูจงอางตัวใหญ่ พร้อมข้อความว่า:
“เพื่อนฉันโคตรเก่ง! ไปเก็บเห็ดโดนงูจงอางกัด แต่สู้จนงูตายคามือ แล้วยังหิ้วงูไปโรงพยาบาลอีก! เธอมันสุดยอดจริง ๆ ตอนนี้พินออกจาก ICU แล้ว ปลอดภัยดีแล้ว”
เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว เพื่อพูดคุยกับ นางสุพิน อายุ 47 ปี ชาวบ้านหนองขี้เห็น ตำบลโคกปี่ฆ้อง อำเภอเมือง จังหวัดสระแก้ว ผู้ที่ปรากฏอยู่ในโพสต์ดังกล่าว ซึ่งยังคงนอนพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาลหลังออกจากห้อง ICU
บริเวณหัวเข่าและขาซ้ายของเธอมีแผลลึก ถูกพันด้วยผ้าก๊อซอย่างแน่นหนา นางสุพินเล่าเหตุการณ์สุดระทึกให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้าวันที่ 19 เมษายน ขณะที่เธอและญาติรวม 5 คน (ผู้ใหญ่ 3 เด็ก 2) พากันออกไปเก็บเห็ดในป่ายูคา ใต้เขื่อนคลองคันโท อำเภอวัฒนานคร
ระหว่างใช้ไม้เขี่ยหาเห็ด เธอพบงูจงอางตัวใหญ่ หนักกว่า 4.7 กิโลกรัม จึงพยายามเจรจา “ต่างคนต่างไปนะ” แต่ไม่ทันขาดคำ งูก็พุ่งเข้าใส่ทันที
"ตอนนั้นกลัวมากทั้งกลัวงูและกลัวตาย เลยตัดสินใจสู้กลับ" เธอเล่า "ใช้เท้าถีบและเตะที่ก้านคองู จากนั้นรีบคว้าคองูไว้แน่น พร้อมตะโกนเรียกญาติให้มาช่วยตี"
หลังควบคุมสถานการณ์ได้ ญาติช่วยกันนำซากงูติดมือไปโรงพยาบาล เพื่อให้แพทย์ดูว่าเป็นงูชนิดใด จะได้ฉีดเซรุ่มให้ตรงประเภท ใช้เวลารวมกว่า 2 ชั่วโมงกว่าจะถึงโรงพยาบาล แพทย์รีบทำแผลและฉีดเซรุ่มให้ทันที ทำให้อาการเริ่มดีขึ้น
เธอเล่าต่อว่า ระหว่างทางได้ใช้ผ้ารัดเหนือบาดแผล เพื่อชะลอพิษไม่ให้เข้าสู่หัวใจ พร้อมฝากข้อคิดถึงผู้ที่อาจประสบเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันว่า
“อย่าตกใจ อย่ากลัว ใช้สติให้มาก ต้องสู้เพื่อเอาชีวิตรอด ตอนนั้นคิดถึงแค่หน้าลูก ก็ฮึดขึ้นมาสู้”
แพทย์แจ้งว่า หากไม่มีอาการบวมหรืออักเสบเพิ่มเติม ก็สามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ในเร็ว ๆ นี้
วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น คำแนะนำจากสภากาชาดไทย
หากถูกงูกัดอย่าพิ่งตกไจ ตั้งสติ ดูลักษณะของงูหรือถ่ายรูปงูเอาไว้ และร้องขอความช่วยเหลือ ไม่แนะนำให้ขันชะเนาะ (tourniquet) เพราะไม่สามารถป้องกันการดูดซึมพิษงูได้ และถ้ารัดแน่นเกินไปอาจทำให้เกิดเนื้อเน่าตายได้ จึงควรรีบมาโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด โดยขยับส่วนที่ถูกกัดให้น้อยที่สุด เพื่อลดการดูดซึมพิษงู และหากถูกงูหาพ่นพิษเข้าตา ควรล้างตาด้วยน้ำสะอาดปริมาณมาก
ผู้ป่วยที่ถูกที่มีพิษต่อระบบประสาทกัด อาจเป็นอัมพาตทั่วตัวคล้ายกับเสียชีวิตแล้ว ไม่ควรหยุดการช่วยเหลือ ให้รีบส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาลเพื่อช่วยการหายใจโดยเร็วที่สุด
แพทย์จะทำการตรวจร่างกายและตรวจเลือด บางรายยังไม่มีอาการของพิษ เมื่อมาถึงโรงพยาบาลจึงต้องสังเกตอาการต่อจนกว่าจะพ้นระยะอันตราย การให้เซรุ่มต้านพิษงูมีประโยชน์ แต่ก็เสี่ยงต่อการแพ้ และบางครั้งงูมีพิษกัดแต่ไม่ปล่อยพิษ ทำให้ผู้ป่วยอาจไม่มีอาการใด ๆ แพทย์จึงเลือกให้เซรุ่มเฉพาะรายตามความเหมาะสมเซมต้านพิษงูจะช่วยเรื่องกล้ามเนื้ออ่อนแรง และเลือดออกให้ดีขึ้นได้ แม้ผู้ป่วยจะได้เซรุ่มแล้ว บางรายอาจยังเกิดเนื้อเน่าตายหรือไตวายต่อมาภายหลังได้ จึงอาจต้องอาศัยการรักษาอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น การผ่าตัดตัดเนื้อตายออก การให้สารน้ำหรือการล้างไต เพื่อป้องกันและรักษาภาวะไตวาย เป็นต้น