ซดเหล้าขาวผสมยาเบื่อดับ1สาหัส2
จากการตรวจที่เกิดเหตุพบขวดเหล้าขาว 1 ขวด มีเหล้าเหลืออยู่ประมาณ 1 ใน 5 ของขวด ขวดน้ำ ถุงพลาสติกใสภายในมีผงยาเบื่ออยู่ในถุงประมาณ 1 ใน 4 ส่วนของซอง พบรอยเลือดอยู่ใกล้กับขวดน้ำ และแก้วเหล้า 1 ใบ มีเหล้าขาวอยู่ในแก้วเล็กน้อย
นายสมภาร สีนางวด อายุ 36 ปี เพื่อนบ้านที่เห็นเหตุการณ์ ให้การว่า คนเจ็บอีก 2 คน คือ นายสิงห์ กุนทอง อายุ 32 ปี และนายอลงกต อรรถเสนา อายุ 27 ปี มีอาชีพรับจ้างทั่วไป มีอาการน้ำลายฟูมปาก ตาเหลือก ชัก ชาวบ้านจึงช่วยกันนำตัวส่งร.พ.ศรีนครินทร์ ม.ขอนแก่น เพื่อให้แพทย์ช่วยชีวิตโดยด่วน
นายสมภาร ยังให้การด้วยว่า ตนเองเคยกินยาเบื่อชนิดเดียวกับที่ผู้ตายกินเข้าไป จนต้องให้แพทย์ล้างท้องช่วยชีวิตมาได้ เมื่อประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา เชื่อว่าคนตายและคนเจ็บคงนำยาเบื่อมาใส่เหล้ากิน เพราะคิดว่าเป็นยาปลุกเซ็กซ์ กินแล้วเป็นยาชูกำลังสร้างความปึ๋งปั๋งทางเพศอย่างที่ตนเคยเชื่อมาก่อน แต่ตนใส่เพียงเล็กน้อยทำให้เกิดอาการซึมเท่านั้น แต่ครั้งนี้จากที่ดูเหล้าที่เหลืออยู่ในขวดพบว่าเป็นสีเขียวเข้ม แสดงว่าผู้ตายและเพื่อนๆ เทยาเบื่อลงผสมเหล้าในปริมาณที่มาก เมื่อดื่มเข้าไปจึงเสียชีวิตและหมดสติ
นายวีระยุทธ กองโชติ อายุ 19 ปี ลูกเลี้ยงของนายวิทยาผู้ตาย เปิดเผยว่า เมื่อตอนบ่ายโมงได้ออกจากบ้านไปเตะบอลกับเพื่อนในหมู่บ้าน เมื่อกลับมาก็พบนายวิทยานอนหมดสติ น้ำลายฟูมปาก ส่วนนายสิงห์และนายอลงกต ชักดิ้นชักงอ น้ำลายฟูมปากอยู่ในบ้าน จึงแจ้งให้เพื่อนบ้านรีบนำส่งโรงพยาบาล ส่วนนายวิทยาพบว่าเสียชีวิตแล้ว
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามเพื่อนบ้านหลายคนทราบว่า วันเกิดเหตุนายวิทยากับเพื่อนไม่ได้ไปทำงาน จึงนัดกินเหล้ากันที่บ้านนายวิทยา เมื่อเมาได้ที่ นายวิทยาได้นำยาเบื่อออกมาเทใส่ในแก้วเหล้าประมาณครึ่งซอง แล้วเขย่าจนเหล้าขาวกลายเป็นสีเขียวเข้ม จากนั้นให้เพื่อนกินอ้างว่าเป็นยาชูกำลัง ทำให้ร่างกายแข็งแรงฟิตปึ๋งปั๋ง แต่มีเพื่อน 2 คนไม่ยอมกิน เพราะไม่เชื่อและได้ออกจากวงเหล้ากลับไปก่อน เหลือนายสิงห์และนายอลงกตเท่านั้น นายวิทยาจึงกินเหล้าผสมยาเบื่อเข้าไป และเหลือให้นายสิงห์และนายอลงกตกินตาม สักพักทั้ง 3 คนก็ล้มลงชัก น้ำลายฟูมปาก กระทั้งนายวีระยุทธกลับมาพบดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจกองวิทยาการเขต 23 ขอนแก่น ได้นำเหล้าขาว ถุงพลาสติกที่มีผงยาเบื่อ และแก้วเหล้าไปตรวจสอบ พร้อมกับลงประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป