สถานการณ์น้ำท่วมโคราชหนักสุดรอบ50ปี

สถานการณ์น้ำท่วมโคราชหนักสุดรอบ50ปี

สถานการณ์น้ำท่วมโคราชหนักสุดรอบ50ปี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวภายหลังเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสรุปสถานการณ์
น้ำท่วม ว่า เตรียมนำข้อมูลสถานการณ์น้ำท่วมเสนอ นายดิสธร วัชโรทัย ประธานมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งจะเดินทางมาตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลมหาราชบ่ายวันนี้ ตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงห่วงใยโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เบื้องต้นโรงพยาบาลเตรียมแผนอพยพผู้ป่วยหนัก 40 คน จากทั้งหมด 100 คน ไปรักษาที่โรงพยาบาลศูนย์จังหวัดขอนแก่น โดยประสานกองบิน 1 นครราชสีมา นำเครื่องบินซี 130 ลำเลียงผู้ป่วย และเช้าวันนี้ ทหารกองทัพภาคที่ 2 จะนำเฮลิคอปเตอร์มาบินทดลองหาจุดจอด เพื่อลำเลียงผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลไปส่งขึ้นเครื่องบิน ขณะที่อธิบดีกรมชลประธาน ที่เข้าร่วมประชุมด้วยประเมินสถานการณ์ กล่าวว่า หากไม่มีพายุลูกใหม่เข้ามาอีก น้ำจะท่วมขังโรงพยาบาลประมาณ 10-15 วัน แต่หากได้รับผลกระทบจากพายุลูกใหม่ซึ่งจะเข้ามาประมาณวันที่ 23-24 ตุลาคมนี้ โรงพยาบาลจะเผชิญปัญหาน้ำท่วมยาวนานถึง 1 เดือน

ขณะที่ สถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ยังหนักอย่างต่อเนื่อง นอกจากที่นครราชสีมา ซึ่งวิกฤติสุดในรอบ 50 ปี น้ำที่ไหลลงมาพื้นที่ภาคกลาง ทำให้หลายจังหวัดริมน้ำเจ้าพระยาเริ่มได้รับผลกระทบ เช่นที่ จ.อ่างทอง ประชาชนใน อ.ป่าโมก ต้องช่วยกันเร่งบรรจุกระสอบทรายเพื่อทำเป็นคันกั้นน้ำ หลังพบว่าระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว บางจุดสูงจนเกิดคันกั้นน้ำและเริ่มทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ทั้งนี้ จากการที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์จะระบายน้ำเพิ่มขึ้น ทำให้ประชาชนต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากระดับน้ำบางจุดได้สูงกว่าระดับวิกฤติแล้ว ส่วนที่ จ.พระนครศรีอยุธยา คนงานกรมศิลปากรกว่า 50 คน ต้องเร่งช่วยกันนำกระสอบทรายไปเสริมแนวบังเกอร์คอนกรีตบริเวณวัดธรรมาราม ซึ่งภายในวัดมีหอพระไตรปิฎกเก่าแก่สมัยกรุงศรีอยุธยา หลังพบระดับน้ำเจ้าพระยาสูงขึ้นเหลืออีกเพียง 10 เซนติเมตร ก็จะเลยแนวกั้น ส่วนที่ จ.นครราชสีมา ซึ่งเกิดภาวะน้ำท่วมหนักที่สุดในรอบ 50 ปี ช่วงค่ำที่ผ่านมาพบว่า ประชาชนจำนวนมากต้องประสบกับความยากลำบาก นอกจากนี้ บริเวณโรงพยาบาลมหาราชต้องมีการวางแผนเพื่อเตรียมอพยพผู้ป่วยที่ยังอยู่ภายใน เนื่องจากออกซิเจนสำรองที่มีอยู่ใกล้หมด และรถออกซิเจนไม่สามารถเข้าไปภายในโรงพยาบาลได้ ขณะเดียวกันห้องไฟฟ้าสำรองของโรงพยาบาลก็เริ่มมีน้ำซึมเข้าไปท่วมขัง แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะได้พยายามป้องกันด้วยการทำแนวกระสอบทรายไว้แล้วก็ตาม

นอกจากนี้ จ.ปราจีนบุรี นางร่ม นุชนารถ อายุ 60 ปี และลูกชายอายุ 47 ปี ชาวชุมชนโรงสี เขตเทศบาลกบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ต้องนำที่นอนผืนเล็ก มาปูบนแคร่ใต้ร่มไม้ข้างถนน เพื่อใช้เป็นที่หลับนอน โดยมีสังกะสีเก่าเพียงแผ่นเดียวไว้กันฝน หลังบ้านถูกน้ำท่วม จนไม่สามารถพักอาศัยได้เป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน ทำให้ความเป็นอยู่เป็นไปอย่างยากลำบาก โดยนางร่ม เล่าว่า หลังเกิดน้ำท่วมยังไม่มีหน่วยงานราชการเข้ามาช่วยเหลือ แม้แต่หน่วยงานเดียว หากมีฝนตกลงมาความเป็นอยู่จะลำบากยิ่งขึ้น เนื่องจาก มีเพียงสังกะสีเก่าแผ่นเดียวใช้กันฝน จึงอยากให้น้ำลดเร็วที่สุด เพื่อจะได้กลับเข้าไปอยู่บ้าน

ขณะที่ อีกหลายครอบครัวต้องอพยพมาอยู่ริมถนน โดยน้ำเต็นท์มากางเป็นที่นอน แต่สภาพความเป็นอยู่แออัดยัดเยียด เนื่องจาก เป็นครอบครัวใหญ่และมีเต็นท์เพียงหลังเดียว ขณะสถานการณ์น้ำท่วมชุมชนตลาดเก่ากบินทร์บุรี และตลาดเจ้าสำอาง ย่านธุรกิจสำคัญ ยังคงมีน้ำไหลหลากเข้าท่วมอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และชุมชนตลาดเก่า ระดับน้ำสูงถึง 1 เมตร 90 เซนติเมตร





ขณะที่กรมอุตุนิมยมวิทยา ออกประกาศเตือนภัย เรื่อง "ฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลัน" ฉบับที่ 30 ว่า ร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ในประเทศไทยมีฝนอยู่ในเกณฑ์กระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง จึงขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ราบลุ่มริมฝั่งแม่น้ำ ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักที่อาจทำให้เกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้ในระยะนี้ สำหรับพื้นที่ลุ่มใกล้ลำน้ำในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกยังคงต้องระมัดระวังน้ำล้นตลิ่งต่อไปอีก สำหรับ มวลอากาศเย็นเข้าแผ่มาปกคลุมประเทศไทยตอนบน โดยเฉพาะในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นลง โดยอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศา

อนึ่ง เมื่อเวลา 04.00 น. วันนี้ พายุไต้ฝุ่น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook