นายกขึ้นเบิกความพยานคดี29ล.-ตร.เข้ม

นายกขึ้นเบิกความพยานคดี29ล.-ตร.เข้ม

นายกขึ้นเบิกความพยานคดี29ล.-ตร.เข้ม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมาถึงศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขึ้นเบิกความ ในฐานะพยายานฝ่ายผู้ถูกร้อง คือฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนัดที่ 4 ในคำร้องที่นายทะเบียนพรรคการเมือง ในฐานะผู้ร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยยุบพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้ถูกร้อง จากกรณีการใช้เงินกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง จำนวน 29 ล้านบาท ผิดวัตถุประสงค์แล้ว โดยในวันนี้จะเป็นการไต่สวนพยานนัดสุดท้าย ซึ่งมีพยานขึ้นเบิกความพร้อมกับนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ส.ส.กรุงเทพมหานคร ของพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธจะตอบคำถามว่า มีความมั่นใจ ในการขึ้นเบิกความครั้งนี้หรือไม่ โดยยิ้มตอบให้กับผู้สื่อข่าวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า ภายหลังการเบิกความคดีดังกล่าว ในวันนี้เสร็จแล้วนั้น จะเดินทางไปยังจังหวัดนครราชสีมา เพื่อติดตามสถานการณ์ พร้อมตรวจเยี่ยมประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อน จากการประสบปัญหาอุทกภัย ในพื้นที่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงาน ที่จะเดินทางไปโดยรถ หรือ เฮลิคอปเตอร์

ขณะที่บรรยากาศที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญวันนี้ โดยคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะออกนั่งบัลลังก์ ในเวลา 10.00 น. เพื่อไต่สวนพยานฝ่ายผู้ถูกร้อง คือฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนัดที่ 4 ในคำร้องที่นายทะเบียนพรรคการเมือง ในฐานะผู้ร้อง
ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยยุบพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้ถูกร้องจากกรณีการใช้จ่ายเงินกองทุน เพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง จำนวน 29 ล้านบาท ผิดวัตถุประสงค์ โดยนัดนี้ ถือเป็นนัดสุดท้ายของคดี ซึ่งจากไต่สวนพยานฝ่ายผู้ถูกร้อง มีทั้งสิ้นจำนวน 4 ปาก ประกอบไปด้วย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ และนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ขณะที่บรรยากาศล่าสุด มาตรการการรักษาความปลอดภัยวันนี้ เป็นไปอย่างเข้มงวด กว่าเช่นทุกครั้ง ที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 กว่า 250 นาย ทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบ คอยตรวจตราบุคคลเข้าออกยังบริเวณศาลโดยรอบพื้นที่ นอกจากนี้ บุคคลที่จะเข้ารับฟังการพิจารณาคดี จะต้องแลกบัตรประจำตัวประชาชน และตรวจหาวัตถุต้องสงสัย อย่างละเอียด อีกทั้งยังห้ามนำเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด เข้าไปในห้องพิจารณาคดีอีกด้วย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook