ผบ.ตร.เผยออกหมายจับแล้วร่วมบึ้มแมนชั่น
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า เหตุการณ์ระเบิดที่ สมานเมตตาแมนชั่น ไม่น่าจะเชื่อมโยงกับสถานการณ์ความรุนแรง ในพื้นที่ภาคใต้ เพราะจากการรายงานของเจ้าหน้าที่ ผู้หญิงที่ปรากฏภาพในกล้องวงจรปิด ไม่ใช่คนไทย-มุสลิม แต่เป็นการแต่งชุดเลียนแบบเท่านั้น ส่วนระเบิดที่พบ ที่ห้องพักย่านสะพานเหลือง เมื่อคืนที่ผ่านมา จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิดหรือ EOD ไม่ใช่อาวุธที่มีใช้ในประเทศไทย และมีใช้ในกองทัพ
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวอีกว่า ทาง ศอฉ. ได้ปรับนโยบายถึงการตรวจค้นจากจุดต่างๆ ให้มีความเข้มงวดมากขึ้น จึงขอให้ประชาชนเข้าใจ และเสียสละ รวมทั้งอำนวยความสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่ เพื่อความสงบสุข และความเรียบร้อยของบ้านเมือง เพราะขณะนี้ คนชั่วมีเยอะ และหากปล่อยไว้ เหตุการณ์แบบนี้ ก็จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารบก ยังกล่าวถึง กระแสข่าวที่ระบุว่ามี 64 ชายชุดดำ เข้ามาก่อเหตุในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑลว่า เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการติดตามอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ไม่ต้องกังวลใจ แต่บางเรื่องไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเป็นเรื่องของการสอบสวน ซึ่งมีความก้าวหน้าไปมาก อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชน และสังคม เชื่อมั่นในตัวเจ้าหน้าที่และกฎหมาย ที่จะสามารถดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองได้
ผู้บัญชาการทหารบก ยังกล่าวว่า การลงพื้นที่ภาคใต้ในวันนี้ เป็นการลงเพื่อไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ เพราะก่อนหน้านี้ ได้มอบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติงาน ที่เน้นให้การปฏิบัติ มีผลสำฤทธิ์มากขึ้น และมีการประเมินผลตามระยะเวลาที่กำหนดคือ 3 เดือน ว่า สถานการณ์ต่าง ๆ เป็นอย่างไร โดยทางกองทัพ ยังคงเน้นให้เจ้าหน้าที่ เข้าถึงและทำความเข้าใจกับประชาชนเป็นหลัก ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้รับความร่วมมือดีขึ้น เนื่องจากการแก้ปัญหาความขัดแย้ง ต้องใช้เวลา
ส่วนกรณีที่มีการเรียกร้องให้ ถอนกำลังทหารและยกเลิกการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในพื้นที่นั้น ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า เรื่องดังกล่าว มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันไป แต่อยากชี้แจงว่า การใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นการช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถรายงานร่วมกันได้ รวมทั้ง สามารถเรียกผู้ต้องสงสัยมาซักถาม และให้เวลาตัดสินใจว่า จะอยู่ฝ่ายเจ้าหน้าที่หรือไม่ ซึ่งเราดูแลอย่างดี ไม่มีการกดดัน หรือ ใช้ความรุนแรงแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวอีกว่า ทาง ศอฉ. ได้ปรับนโยบายถึงการตรวจค้นจากจุดต่างๆ ให้มีความเข้มงวดมากขึ้น จึงขอให้ประชาชนเข้าใจ และเสียสละ รวมทั้งอำนวยความสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่ เพื่อความสงบสุข และความเรียบร้อยของบ้านเมือง เพราะขณะนี้ คนชั่วมีเยอะ และหากปล่อยไว้ เหตุการณ์แบบนี้ ก็จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารบก ยังกล่าวถึง กระแสข่าวที่ระบุว่ามี 64 ชายชุดดำ เข้ามาก่อเหตุในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑลว่า เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการติดตามอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ไม่ต้องกังวลใจ แต่บางเรื่องไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเป็นเรื่องของการสอบสวน ซึ่งมีความก้าวหน้าไปมาก อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชน และสังคม เชื่อมั่นในตัวเจ้าหน้าที่และกฎหมาย ที่จะสามารถดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองได้
ผู้บัญชาการทหารบก ยังกล่าวว่า การลงพื้นที่ภาคใต้ในวันนี้ เป็นการลงเพื่อไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ เพราะก่อนหน้านี้ ได้มอบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติงาน ที่เน้นให้การปฏิบัติ มีผลสำฤทธิ์มากขึ้น และมีการประเมินผลตามระยะเวลาที่กำหนดคือ 3 เดือน ว่า สถานการณ์ต่าง ๆ เป็นอย่างไร โดยทางกองทัพ ยังคงเน้นให้เจ้าหน้าที่ เข้าถึงและทำความเข้าใจกับประชาชนเป็นหลัก ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้รับความร่วมมือดีขึ้น เนื่องจากการแก้ปัญหาความขัดแย้ง ต้องใช้เวลา
ส่วนกรณีที่มีการเรียกร้องให้ ถอนกำลังทหารและยกเลิกการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในพื้นที่นั้น ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า เรื่องดังกล่าว มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันไป แต่อยากชี้แจงว่า การใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นการช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถรายงานร่วมกันได้ รวมทั้ง สามารถเรียกผู้ต้องสงสัยมาซักถาม และให้เวลาตัดสินใจว่า จะอยู่ฝ่ายเจ้าหน้าที่หรือไม่ ซึ่งเราดูแลอย่างดี ไม่มีการกดดัน หรือ ใช้ความรุนแรงแต่อย่างใด