เปิดสาเหตุ "มิโฮะ นากายามะ" นางเอกดัง เสียชีวิตกะทันหัน แพทย์เตือน "อาบน้ำ" ฆ่าคนได้

เปิดสาเหตุเสียชีวิต "มิโฮะ นากายามะ" นางเอกญี่ปุ่นชื่อดัง วัย 54 ปี แพทย์เตือน "อาบน้ำ" ฆ่าคนได้

นักร้องและนักแสดงชื่อดังชาวญี่ปุ่น มิโฮะ นากายามะ วัย 54 ปี ถูกพบเสียชีวิตในห้องน้ำบ้านพักของเธอเมื่อวันศุกร์ที่ 12 ธันวาคม เหตุการณ์นี้สร้างความตกตะลึงให้กับวงการบันเทิงญี่ปุ่น ตามรายงานของสื่อญี่ปุ่น ระบุว่าในวันเกิดเหตุ นากายามะไม่ได้ไปทำงานตามที่ตกลงไว้ เมื่อทีมงานไปตรวจสอบก็พบเธอนอนอยู่ในอ่างอาบน้ำ โดยน้ำในอ่างยังคงอุ่นอยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจคาดการณ์ว่าสาเหตุการเสียชีวิตอาจมาจาก "ช็อกอุณหภูมิ" (Thermal Shock) ซึ่งเกิดจากความแตกต่างของอุณหภูมิก่อนและหลังการอาบน้ำ แต่รายละเอียดของสาเหตุการเสียชีวิตยังคงต้องรอการสอบสวนเพิ่มเติม

มิโฮะ นากายามะ ถือเป็นบุคคลสำคัญในวงการบันเทิงญี่ปุ่นยุค 80 เธอเป็นหนึ่งใน "สี่ราชินีไอดอล" ร่วมกับ ชิซึกะ คุโด, ยุย อาซากะ และ โยโกะ มินามิโนะ ไม่เพียงแต่ประสบความสำเร็จในวงการเพลง แต่ผลงานด้านภาพยนตร์และละครของเธอก็โดดเด่นเช่นกัน โดยภาพยนตร์เรื่อง Love Letter (1995) ดังไปทั่วเอเชีย

ตามคำอธิบายของผู้เชี่ยวชาญ ภาวะ Heat Shock เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิอย่างกะทันหัน ทำให้ความดันโลหิตผันผวนอย่างรุนแรง ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน (Myocardial Infarction) หรือโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ได้ หน่วยงานผู้บริโภคแห่งญี่ปุ่นระบุว่ามีผู้เสียชีวิตจากภาวะ Heat Shock ประมาณ 17,000 รายต่อปี ซึ่งสูงกว่ายอดผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนถึงสองเท่า

ศาสตราจารย์ชินยะ ฮายาซากะ เตือนว่าน้ำที่มีอุณหภูมิเกิน 40 องศาเซลเซียส และการแช่น้ำนานเกินไป เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของภาวะ Heat Shock โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากน้ำร้อนเกิน 42 องศาเซลเซียส จะยิ่งเป็นอันตรายอย่างมาก เขาแนะนำว่าควรอุ่นห้องน้ำก่อนใช้งาน เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าสู่น้ำร้อนในสภาพแวดล้อมที่หนาวเย็น และควรจำกัดเวลาอาบน้ำไว้ที่ 10-15 นาที โดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้ที่มีสุขภาพอ่อนแอ

ในช่วงหนึ่งของชีวิต มิโฮะ นากายามะ ต้องหยุดพักงานในวงการบันเทิงเนื่องจากปัญหาชีวิตคู่ แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เธอกลับมามีบทบาทอีกครั้ง โดยร่วมแสดงในภาพยนตร์และละครหลายเรื่อง พร้อมทั้งแบ่งปันเรื่องราวชีวิตผ่านโซเชียลมีเดียของเธอ

เพียงหนึ่งวันก่อนการเสียชีวิต นากายามะโพสต์ข้อความบนอินสตาแกรมว่า "ฉันผ่านความทุกข์มาอย่างมากมาย แต่ขอบอกเลยว่ามันเป็นการเดินทางที่ยอดเยี่ยม" เดิมทีข้อความนี้ตั้งใจเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้แฟนๆ มองชีวิตในแง่บวก แต่บัดนี้มันได้กลายเป็นคำอำลาโลกใบนี้ไปแล้ว

ดร.ฮิโรยูกิ ซาไก จากโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า ภาวะฮีทสโตรกมีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่าการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในญี่ปุ่นทุกปี โดยข้อมูลจากศูนย์การแพทย์สุขภาพและอายุยืนแห่งมหานครโตเกียวเผยว่า ประมาณ 17,000 คนเสียชีวิตจากภาวะฮีทสโตรกขณะอาบน้ำในแต่ละปี ซึ่งสูงกว่าอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนถึง 4 เท่า ฮีทสโตรกมักเกิดในช่วงอาบน้ำหน้าหนาว เมื่อร่างกายต้องเผชิญกับความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างอากาศเย็นและน้ำร้อนอย่างฉับพลัน ทำให้ความดันโลหิตเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ดร.ฮิโรยูกิอธิบายว่า

• การย้ายจากสถานที่อบอุ่นไปยังที่เย็นอย่างรวดเร็ว ทำให้อุณหภูมิร่างกายปรับตัวไม่ทัน
• ความชื้นและอุณหภูมิในห้องน้ำที่สูงเกินไป ส่งผลให้เส้นเลือดฝอยขยายตัวและมีเลือดไหลเวียนที่ผิวหนังมากเกินไป ในขณะที่เลือดไปเลี้ยงอวัยวะสำคัญของร่างกายไม่เพียงพอ ซึ่งในกรณีร้ายแรงอาจนำไปสู่โรคหลอดเลือดสมอง หัวใจล้มเหลว และปัญหาอื่นๆ

ผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง หรือปัญหาด้านระบบต่อมไร้ท่อ มีความเสี่ยงสูงขึ้นโดยเฉพาะผู้ที่อาบน้ำร้อนจัด หรือเดินเข้าไปในห้องน้ำที่เย็นหลังจากอยู่ในที่อบอุ่นทันที

ข้อควรปฏิบัติเพื่อป้องกันฮีทสโตรกขณะอาบน้ำ

1.ก่อนอาบน้ำ

• ค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าเพื่อปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ
• ดื่มน้ำอุ่นหนึ่งแก้วเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ร่างกาย
• อุ่นห้องน้ำก่อน โดยเปิดเครื่องทำความร้อนหรือฉีดน้ำอุ่นบนผนังและพื้น

2.ขณะอาบน้ำ

• ค่อยๆ ราดน้ำบนตัวเพื่อปรับอุณหภูมิ
• หลีกเลี่ยงการอาบน้ำเย็นในฤดูหนาว และไม่ควรใช้น้ำที่ร้อนเกิน 41 องศาเซลเซียส
• ไม่ควรแช่น้ำหรืออาบน้ำติดต่อกันเกิน 20 นาที

   

3.หลังอาบน้ำ

• เช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าภายในห้องน้ำ เพื่อลดความแตกต่างของอุณหภูมิ
• ดื่มน้ำอุ่นอีกแก้ว และรักษาความอบอุ่นบริเวณลำคอเพื่อช่วยการไหลเวียนโลหิต
• หลีกเลี่ยงการรีบออกไปข้างนอกหรืออยู่หน้าเครื่องปรับอากาศทันที ไม่ว่าจะเป็นฤดูร้อนหรือฤดูหนาว