นายกยังไม่ทราบบึ้มNBT-ตั้งขรก.เป็นธรรม

นายกยังไม่ทราบบึ้มNBT-ตั้งขรก.เป็นธรรม

นายกยังไม่ทราบบึ้มNBT-ตั้งขรก.เป็นธรรม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่าได้กำชับรัฐมนตรี ทุกกระทรวงให้เข้าไปดูการให้ความช่วยเหลือ และเอาใจใส่เกี่ยวกับปัญหาอุทกภัยในหลายจังหวัด เพราะเป็นปัญหาของประชาชนที่ประสบอยู่ ขณะเดียวกัน ได้ให้กระทรวงสาธารณสุขดูแลปัญหา ไข้เลือดออกด้วย เพราะตัวเลขของการระบาดสูงขึ้น พร้อมกันนี้ยังได้มอบหมายในนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรรี ด้านความมั่นคง ดูแลในเรื่องของปัญหาอาชญากรรม นอกจากนี้ยังได้กำชับให้รัฐมนตรีให้ใช้หลักคุณธรรมในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ของแต่ละกระทรวง เนื่องจากมีหลายองค์กร แสดงความห่วงใยมามาก โดยในส่วนของกระทรวงมหาดไทยนั้น ได้มีการสอบถามจาก นายสุเทพ แล้วซึ่งได้รายงานว่า ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ขณะเดียวกัน ยังได้ย้ำให้มี การปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และให้ยึดคำวินิจฉัย และข้อกฎหมายเป็นหลักในการแต่งตั้งโยกย้าย นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยด้วยว่า ขณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้การช่วยเหลือประเทศปากีสถาน ที่ประสบพิบัติภัยธรรมชาติด้วยการส่งข้าวจำนวน 20,000 ตัน นอกเหนือจากเงินที่ได้ให้การ
ช่วยเหลือไปก่อนหน้านี้

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุระเบิดที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย รวมทั้งยังไม่สามารถสรุปได้ว่า เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่ผ่านมาหรือไม่ ซึ่งต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบก่อน ขณะเดียวกันฝ่ายความมั่นคง ยังไม่ได้รายงานถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง ในวันที่
19 ก.ย.นี้ ซึ่งถือเป็นวันครบรอบ 4 ปี ของการปฏิวัติ โดยยืนยันว่า รัฐบาลได้ปฏิบัติตามหลักทั่วไป และมีการเฝ้าระวังการเคลื่อนไหว โดยยอมรับว่า ความพยายามเคลื่อนไหวยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวแบบปะปนระหว่างกลุ่มที่ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย กับกลุ่มที่ทำผิดกฎหมาย ดังนั้นรัฐบาลจึงจะต้องใช้ความพอดีในการดำเนินการ ส่วนการที่พรรคเพื่อไทย พยายามออกมาให้ข่าวเกี่ยวกับเหตุระเบิดนั้น มองว่าเป็นเพียงการแสดงความคิดเห็น ซึ่งหากพรรคเพื่อไทย ทราบข้อมูลจริง ก็ควรให้เบาะแสกับเจ้าหน้าที่

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวด้วยว่า ยังไม่เห็นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรม จากทนายความของนายวิคเตอร์ บูท นักโทษค้าอาวุธสงคราม ส่วนเรื่องการทำความเข้าใจกับประเทศสหรัฐอเมริกา และรัฐเซีย นั้น เชื่อว่า ทั้ง 2 ประเทศ จะมีความเข้าใจที่ดีขึ้น และศาลก็รอการพิจารณาในคดีที่ 2 ว่าจะเป็นอย่างไร ส่วนการที่สหรัฐฯ นำเครื่องบินมาจอดรอ เพื่อนำ นายวิคเตอร์ บูท กลับไปดำเนินคดีที่ประเทศสหรัฐฯ นั้น นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นแรงกดดัน และไม่ได้ส่งผลต่อการตัดสินใจใดๆ ทั้งสิ้น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook