ยกแรกเริ่ม-ปมร้อนรุมมาร์ค1

ยกแรกเริ่ม-ปมร้อนรุมมาร์ค1

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
รายงานพิเศษ

หลังผ่านการแถลงนโยบายไปด้วยลีลาพลิ้วที่ดูเหมือนจะย้ำแค้นฝ่ายตรงข้าม

การเมืองไทยหลังฉลองขึ้นปีฉลูจะเป็นอย่างไร

การบ้านรัฐบาลใหม่มีอะไรชักแถวรอสะสาง

ถึงเวลาพิสูจน์ฝีมือ มาร์ค 1 ยกแรก

น.พ.แวมาฮาดี แวดาโอะ ส.ส.นราธิวาส พรรคเพื่อแผ่นดิน

เมื่อพรรคประชาธิปัตย์มีอำนาจอยู่ในมือและเคยประกาศหาเสียงที่จะแก้ปัญหาภาคใต้ภายใน 99 วัน จึงมีประเด็นที่ผมและคนในพื้นที่อยากถาม คือ 1.ในเมื่อพรรคประชาธิปัตย์เคยตำหนิกรณีตากใบ กรือเซะ อย่างเผ็ดร้อน จะมีแนวทางลงโทษผู้กระทำผิดหรือผู้เกี่ยวข้องอย่างไร 2.กรณีพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ 3 เดือนต้องต่ออายุที ถือเป็นการละเมิดสิทธิคนในพื้นที่ และสมัยพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านเคยต่อต้านเรื่องนี้ จะยกเลิกหรือดำเนินการต่อ รวมถึงกฎหมายการก่อการร้ายที่รัฐบาลทักษิณเป็นคนออก และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ที่ให้อำนาจไว้มากมาย จะแก้ไขหรือไม่ให้มีได้หรือไม่

3.กรณีการหายตัวไปของนายสมชาย นีละไพจิตร จะหาผู้กระทำผิดอย่างไร และจะชัดเจนไปในแนวทางไหน เนื่องจากนายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ เคยท้วงติงกรณีนี้อย่างมากสมัยเป็นฝ่ายค้าน และ 4.งบประมาณที่ลงไปแก้ปัญหาภาคใต้ที่พรรคประชาธิปัตย์เคยบอกสมัยเป็นฝ่ายค้านว่านำเงินไปผลาญนั้นจะลดหรือเพิ่มขึ้นอย่างไร

ทั้งหมดนี้ยังคาดเดาได้ยากว่าจะแก้ปัญหาจากคำถามของคนในพื้นที่อย่างไร ความเชื่อมั่นของคนในพื้นที่ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ควรให้คนในพื้นที่เป็นเจ้าภาพ ไม่ใช่เป็นเพียงการมีส่วนร่วมเท่านั้น ถ้าทำตามข้อเรียกร้องนี้ได้แม้ปัญหาใต้จะไม่ยุติราบคาบแต่อย่างน้อยจะสร้างความประทับใจแก่คนในพื้นที่ การแก้ปัญหาต่างๆ ก็จะง่ายขึ้น

ประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา

สถานการณ์การเมืองและสถานการณ์บ้านเมืองในปี 52 คงดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว เพราะมีรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มในการบริหารประเทศ ส่งผลให้เศรษฐกิจ การท่องเที่ยวและการเมืองดีขึ้นตามไปด้วย

ส่วนปัญหาการประท้วงต่อต้านรัฐบาลถือเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าไม่มีการใช้ความรุนแรงคงไม่เป็นปัญหา แม้จะเจอการต่อต้านขนาดไหน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ต้องใช้ความอดทน ตั้งใจทำงานไป ไม่ต้องตอบโต้ ในที่สุดกลุ่มต่อต้านจะค่อยๆ เงียบหายไปเอง ส่วนการทำงานของวุฒิสภายืนยันทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลางและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แม้จะมีความคิดเห็นที่แตกต่างแต่ไม่ได้หมายความว่าแตกแยก

ประธานวุฒิสภาจะเข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่ได้ และต้องทำให้วุฒิสภาเป็นที่พึ่งของประชาชน มั่นใจว่าวุฒิสภามีความเป็นกลางกับทุกรัฐบาลในการทำหน้าที่ เหตุการณ์วันแถลงนโยบายรัฐบาลของสองรัฐบาลเป็นเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี เพราะวุฒิสภาเข้าร่วมรับฟังการแถลงนโยบายทั้งรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

สมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา แกนนำกลุ่ม 40 ส.ว.

กลุ่ม 40 ส.ว.ยืนยันทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลที่มีนายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี เหมือนกับรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ โดยเฉพาะจะเกาะติดตรวจสอบโครงการเมกะโปรเจ็กต์ รถไฟฟ้าสายต่างๆ โครงการที่รัฐบาลนำมาปรับปรุงใหม่แบบนโยบายประชานิยม และโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคันของขสมก.โดยกระทรวงคมนาคม หากมีเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นจะเข้าไปตรวจสอบทันที

ในส่วนปัญหาปราสาทเขาพระวิหาร จุดยืนและมุมมองของพรรคฝ่ายค้านขณะนี้กับพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งวันนี้เป็นรัฐบาลนั้นต่างกัน การดำเนินการที่ผ่านมารัฐบาลพรรคพลังประชาชนโดยเฉพาะ รมว.ต่างประเทศ รวมทั้งรัฐบาลกัมพูชามีข้อน่ากังขา ไม่ตรงไปตรงมา ดังนั้นเป็นโอกาสดีที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์จะแสดงจุดยืนที่ชัดเจนในนามรัฐบาลไทย

ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านระบุพร้อมยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลทันทีที่เปิดประชุมสภาสมัยสามัญทั่วไปตั้งแต่วันที่ 21 ม.ค. เราสนับสนุนให้ฝ่ายค้านตรวจสอบรัฐบาลให้เต็มที่ แต่อย่าลืมว่าฝ่ายค้านสามารถเข้าชื่อขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลได้เพียงครั้งเดียวในสมัยประชุมหนึ่งเท่านั้น

ควรให้โอกาสรัฐบาลบริหารประเทศไปสักระยะหรือประมาณ 60 วัน ฝ่ายค้านค่อยยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจน่าจะมีข้อมูลหรือหลักฐานต่างๆ ที่เพียงพอ ส่วนวุฒิสภาหากเห็นว่าเรื่องใดรัฐบาลทำไม่ถูกต้อง มีช่องทางตรวจสอบได้ ไม่ว่าจะเป็นการยื่นกระทู้ถามและการเข้าชื่อไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของสมาชิกวุฒิสภาที่มีอยู่ขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติได้

ส่วนที่กลุ่มเพื่อนเนวินและนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ถูกมองว่าเป็นจุดอ่อนของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์นั้น ผมเห็นว่าไม่ได้มีเฉพาะกลุ่มเพื่อนเนวิน ยังมีรัฐมนตรีหลายคนในพรรคร่วมรัฐบาลที่ต้องพิสูจน์ผลงาน เพราะสังคมไม่เชื่อมั่น โดยเฉพาะกระทรวงด้านเศรษฐกิจที่พรรคร่วมรัฐบาลอื่นดูแล ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงพาณิชย์ ไอซีที หรือคมนาคม

แต่ผมยังเชื่อมั่นว่านายอภิสิทธิ์เป็นคนหน้าบาง หากมีอะไรที่ไม่ถูกต้อง เกิดการทุจริตคอร์รัปชั่น จะไม่ปกป้องแน่ เพราะนายอภิสิทธิ์มีการศึกษาที่ดี อายุยังน้อย อนาคตทางการเมืองอีกยาวไกล โดยเฉพาะตำแหน่งนายกรัฐมนตรียังเป็นได้อีกหลายครั้ง คงไม่เอาอนาคตทางการเมืองมาทิ้งเพียงแค่ต้องปกปิดหรือปกป้องความผิดของคนอื่น

ประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา แกนนำกลุ่ม 40 ส.ว.

กลุ่ม 40 ส.ว.ไม่มีความเกี่ยวพันกับพรรคประชาธิปัตย์ ขอยืนยันทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานอย่างเข้มข้น ไม่ย่อหย่อนหรือลดราวาศอก เพราะเป็นงานโดดเด่นของกลุ่ม 40 ส.ว. ที่สำคัญคือเป็นการถ่วงดุลการทำหน้าที่ ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ดำเนินการ โดยเฉพาะโครงการเมกะโปรเจ็กต์ที่ต้องใช้งบจำนวนมาก อีกทั้งยังมีโครงการเช่ารถเอ็นจีวีของขสมก. ตลอดจนการถอนพาสปอร์ต (เล่มปกติ) ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และเหตุการณ์ 7 ตุลาคม 2551 ที่ผู้กระทำผิด ผู้สั่งการ ต้องได้รับโทษตามกฎหมาย

ส่วนปัญหาการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลของกลุ่มคนเสื้อแดง ผมมองว่าคนกลุ่มนี้ไม่ได้ทำอะไรด้วยเหตุด้วยผล ต้องการสร้างความปั่นป่วนในบ้านเมือง การแสดงออกที่ผ่านมาโดยเฉพาะเหตุการณ์ทุบทำลายรถของสมาชิกรัฐสภาในวันที่ 15 ธ.ค.51 เป็นการแสดงออกถึงความไม่เคารพคนอื่น ผมเชื่อว่าในที่สุดกลุ่มคนเสื้อแดงจะถูกโดดเดี่ยวจากสังคม เวลาจะทำให้อับเฉาเศร้าหมองไปเอง

นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคชาติไทยพัฒนา

พรรคร่วมรัฐบาลคงไม่ใช่ปัญหาของรัฐบาลอย่างที่พรรคเพื่อไทยระบุ เพราะพรรคร่วมรัฐบาลได้รับมอบหมายให้ดูแลงานกระทรวงที่ตนเองถนัดเช่นเดิม ในเมื่อพรรคประชาธิปัตย์อะลุ้มอล่วยขนาดนี้ก็น่าจะทำงานไปด้วยกันได้ สิ่งที่รัฐบาลเขียนไว้ในนโยบายรัฐบาลซึ่งแถลงไปแล้วนั้นน่าจะเป็นสัญญาณที่ดีว่าการเมืองเริ่มนิ่งและเดินหน้าต่อไปพร้อมกันได้ ปัญหาการเมือง ปัญหาม็อบเสื้อแดงน่าจะแก้ปัญหาได้ด้วยท่าทีของนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรีที่ประนีประนอม หลีกเลี่ยงความรุนแรง

ส่วนที่ฝ่ายค้านจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนั้นถือเป็นหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ แต่ตอนนี้รัฐบาลยังไม่ได้เริ่มลงมือทำงานเลย เรื่องที่ฝ่ายค้านจะเอามาพูดนั้นจะเป็นประเด็นใดถ้าไม่ใช่เรื่องที่มาของนายกรัฐมนตรีเท่านั้น จึงไม่ใช่ประเด็นที่จะทำให้รัฐบาลพังได้

ข้อวิจารณ์ที่ว่ารัฐมนตรีหลายคนเป็นจุดอ่อนของรัฐบาลนั้นตัวรัฐมนตรีแต่ละคนต้องดูตัวเองด้วย อย่างนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ที่ถูกวิจารณ์นั้นต้องให้โอกาสเขาด้วย เพราะนางพรทิวายืนยันแล้วว่ามีทีมที่ปรึกษาและทีมทำงานที่เข้มแข็ง ต้องรอดูผลงานก่อน ถ้าผลงานออกมาดีถือว่าลบคำครหาได้ แต่ถ้าออกมาไม่ดีรัฐมนตรีต้องพิจารณาตัวเอง

สุดท้ายแล้วคนที่จะดูความเหมาะสมคือนายกรัฐมนตรี ควรให้เวลา ครม.ทำงานกันสักไตรมาสหนึ่งก็จะพอเห็นทิศทาง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook