เปิดเบื้องหลัง! ประเทศใดช่วยไทยเรื่องเขาพระวิหาร

เปิดเบื้องหลัง! ประเทศใดช่วยไทยเรื่องเขาพระวิหาร

เปิดเบื้องหลัง! ประเทศใดช่วยไทยเรื่องเขาพระวิหาร
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ เปิดเผยผ่าน www.oknation.net/blog/nunrimfar/2010/08/02/entry-2 ในหัวข้อ "เขาพระวิหาร" ใครอยู่เบื้องหลังในการช่วยเหลือไทยบ้าง โดยมีเนื้อความต่อไปนี้

ผ่านพ้นไปอย่างหวาดเสียวอีกครั้งหนึ่ง สำหรับรัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ฯ ในกรณีเขาพระวิหาร หลายคนคงคิดว่าโชคช่วย แต่ในข้อเท็จจริงแล้ว โชคไม่เกี่ยว ฝีมือรัฐบาลก็ไม่ใช่แน่นอน แต่เป็นผลมาจากหลายเรื่องหลายราวประกอบกัน แต่พอจะบอกได้ว่าเป็นเพราะพระสยามเทวาธิราชช่วยเหลือก็ได้ จึงทำให้หลายประเทศเอื้ออารีประเทศไทย

จีน มหาอำนาจที่เขมรเกรงใจจนเกือบเป็นกลัวนั้น เป็นประเทศในลำดับแรกๆ ที่ออกมาช่วยเหลือไทย เพราะความสัมพันธ์อันใกล้ชิดยืนยาวมานานมากแล้ว โดยเฉพาะกับราชวงศ์ของไทย

บาร์เรล ประเทศอาหรับขนาดเล็ก แต่มีอิทธิพลที่สุดในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง และยังมีศักยภาพทางด้านการเงินสูงที่สุดอีกด้วย ซึ่งจะรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมมรดกโลกครั้งต่อไป ก็แสดงท่าทีช่วยเหลือไทย เพราะรัฐบาลไทยของคุณอภิสิทธิ์ฯ ได้เคยเข้าไปช่วยเหลือในการบริหารจัดการผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรให้กับบาร์เรลอย่างมีคุณภาพ

สหรัฐฯ แม้ไม่ได้แสดงท่าทีออกมาอย่างชัดเจน เพราะสหรัฐฯ ยังห่วงผลประโยชน์ด้านการป้องกันการก่อการร้าย ที่มีแหล่งสำคัญจุดหนึ่งอยู่ในกัมพูชาก็ตาม แต่สหรัฐฯ ก็แอบช่วยเหลืออยู่อย่างเงียบๆ ต่อเนื่องมาตั้งแต่ทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย เริ่มแสดงท่าทีแปลกๆ ไปคบกับกลุ่มคนเสื้อแดงมาแล้ว สหรัฐฯ ก็จัดว่า เป็นมิตรภาพประเทศร่วมเป็นร่วมตายกับไทยมาตั้งแต่ยุคสงครามตัวแทนในเวียดนามจนถึงปัจจุบัน แต่ทูตสหรัฐฯ คนที่กำลังจะหมดตำแหน่งไปก่อนวาระนั้น เป็นคนค่อนข้างหยาบ ขี้โอ่ จึงไม่ได้สนใจวัฒนธรรมอันซับซ้อนของไทย ครั้งแรกที่เข้ามารับตำแหน่งในการจัดงานวันชาติของสหรัฐฯ ก็เริ่มมีความผิดพลาดขึ้น โดยบรรเลงเพลงชาติแทนเพลงสรรเสริญพระบารมี หลังจากกล่าวถวายพระพรให้ในหลวง (ทุกประเทศจะบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีทั้งหมด เพราะเข้าใจว่า พระองค์เป็นศูนย์รวมจิตใจของไทยทั้งชาติ) พอเพลงจบ แขกเชิญเกือบครึ่งหนึ่ง แสดงความไม่พอใจ เดินออกจากงานเป็นแถว รวมทั้งตัวผมด้วย เสียงโทรศัพท์ด่าทอมาที่สถานทูตสหรัฐฯ ในวันรุ่งขึ้น มีเป็นจำนวนมาก ทูตคนนี้ยังผิดพลาดมาเรื่อยๆ จนมาคบหากับกลุ่มคนเสื้อแดง ทาง CIA จึงรายงานให้ประธานาธิบดีทราบ จนต้องถูกส่งกลับประเทศก่อนวาระ สิ่งสำคัญคือ การปรากฎตัวของทูตในที่สาธารณะในลักษณะโอ้อวด ซึ่งอาจทำให้เป็นเหยื่อของกลุ่มก่อการร้ายต่างชาติได้โดยง่าย ก็เป็นเรื่องที่หน่วยงานข่าวกรองทั้งไทย และสหรัฐฯ ต่างก็หนักใจ (ครั้งสุดท้ายเมื่อต้นเดือนนี้ก็ไปปรากฎตัวที่บาร์แจ๊สแห่งหนึ่งย่านสีลม ในชุดกางเกงยีนส์คลุมด้วยเสื้อแจ็กเก็ต โดยจอดรถทูตติดธงสหรัฐฯ ทั้ง ๒ ด้านของตัวรถไว้ที่หน้าบาร์ด้วย)

ยังมีอีกหลายประเทศที่ใช้งานข่าวกรองในการบริหารประเทศ ย่อมเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เมื่อเดือน เม.ย. - พ.ค. ได้เป็นอย่างดี ว่ารัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ฯ น่าสงสารขนาดไหน ซึ่งประเทศเหล่านี้ ต่างก็เชื่อว่า รัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ฯ นั้นสีขาวแน่นอน ส่วนรัฐบาลเขมร มีสภาพเป็นอย่างไร ผมก็เชื่อว่าประเทศเหล่านี้ก็คงทราบดีอยู่แล้ว การตัดสินใจจะเลือกฝ่ายไหนจึงไม่ยากนัก แต่สถานการณ์ในลักษณะนี้ ก็ไม่ควรให้เกิดขึ้นอีก อย่าเอาประเทศชาติไปเสี่ยงเพราะประเทศไทยเป็นของทุกคน ไม่ได้เป็นของรัฐบาลชุดไหน แม้เรื่องนี้จะเกิดต่อเนื่องมาหลายรัฐบาลแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะนำมาแก้ตัว

สุดท้ายขอขอบคุณกลุ่มประชาชนที่ออกมารณรงค์เรื่องนี้ จนเกิดเป็นกระแสข่าวขึ้น รวมทั้งชุมชนตามเว็บไซต์ต่างๆ ด้วย ไม่ว่าคุณจะสีอะไรก็ตาม แต่งานนี้ต้องรวมตัวรวมใจเป็นสีธงชาติไทยเท่านั้นครับ

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook