DSIรวบกบคนสนิทเสธ.แดงร่วมค้าอาวธหรั่ง

รายงานข่าวจาก กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยว่า ขณะนี้ ดีเอสไอ สามารถจับกุมตัว นายกบ หรือ นายรชต วงศ์ยอด คนสนิท เสธ.แดง หรือ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ที่เสียชีวิต ได้แล้ว เบื้องต้นทราบว่า นายกบ เป็นพลทหารอยู่ในค่ายศรีสุริโยทัย สังกัดกองพลทหารราบที่ 15 อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยทาง ทหาร ได้นำตัวนายกบ มาส่งเองที่ ดีเอสไอ ซึ่งขณะนี้กำลังคุมตัว เพื่อสอบสวนในคดีค้าวุธสงครามและก่อการร้าย ร่วมกับ นายหรั่งที่ถูกจับไปก่อนหน้านี้ ซึ่งขั้นตอนต่อไป ดีเอสไอ จะสอบสวนหาความเชื่อมโยง และแจ้งข้อหาตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และส่งตัวขออำนาจศาลเพื่อฝากขังต่อไป


ภายหลังมีการควบคุมตัว ส.ต.รชต หรือ กบ วงศ์ยอด ในคดีก่อการร้าย เพื่อนสนิทของ นายสุรชัย หรือ หรั่ง เทวรัตน์ กลุ่มคนสนิทของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง มาสอบสวนที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอแล้ว มีรายงานข่าวจากดีเอสไอยืนยันว่าเป็น นายกบ ตัวจริง ไม่ใช่คนที่มีชื่อสกุลซ้ำกัน เพราะได้ประสานงานสืบสวนร่วมกับกองทัพบก ทำให้สามารถจับกุมตัวได้ และผู้ต้องหายังอยู่ในความควบคุมภายในห้องควบคุมชั้น 6 ของดีเอสไอ เพื่อทำการสอบสวนขยายผลในคดีก่อการร้าย ซึ่งเบื้องต้นจะรายงานข้อเท็จจริงจากที่ประชุมศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ. ในเย็นวันนี้ เนื่องจากผู้ต้องหา เป็นกำลังพลประจำการที่กองพลทหารราบที่ 15 อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์

นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ส.ต.รชต ยังคงอ้างว่า ถูกส่งตัวไปปฏิบัติภารกิจใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีก่อการร้าย และคดียิง M79 แต่ยอมรับเพียงว่า เคยเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดง และมีความชื่นชอบศรัทธาในอุดมการณ์ของ เสธ.แดง ที่ผ่านมา มีส่วนได้รับฟังการวางแผนของชุดกองกำลังชายชุดดำ เพื่อตอบโต้ฝ่ายรัฐบาล แต่ไม่เคยเข้าไปร่วมก่อเหตุในคดีอุกฉกรรจ์


ล่าสุด พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI คุมตัว ส.ต.รชต หรือ กบ วงศ์ยอด อายุ 27 ปี ลูกน้อง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันใช้ หรือใช้ให้ผู้อื่นให้มีการกระทำการก่อการร้าย มาขออำนาจศาลอาญารัชดา เพื่อทำการฝากขังผลัดแรก ระหว่างวันที่ 23 ก.ค. - 3 ส.ค.นี้ โดยพฤติการณ์ของผู้ต้องหาเป็นหนึ่งในกองกำลังติดอาวุธของกลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ร่วมกับกลุ่มผู้ต้องหาคนอื่นๆ ในการเตรียมอาวุธปืน หรือ ใช้อาวุธ M79 ไปปฏิบัติการก่อวินาศกรรมต่อสู้กับทหาร ตำรวจ ขณะปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่บาดเจ็บและล้มตาย เหตุเกิดระหว่างเดือน พ.ย.2552 ถึงเดือน พ.ค.2553 ในพื้นที่ กทม. ปริมณฑล ภาคตะวันออก ภาคเหนือ และภาคกลาง เนื่องจากการสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ ยังต้องสอบปากคำพยานอีก 20 ปาก รอผลตรวจพิสูจน์หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ผลตรวจข้อมูลทางโทรศัพท์ และการทำธุรกรรมทางการเงิน เพื่อนำมาใช้ประกอบสำนวนในการดำเนินคดี ทั้งนี้ในท้ายคำร้อง พนักงานสอบสวน DSI ได้คัดค้านประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง หากผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวอาจหลบหนี โดยศาลสอบถามผู้ต้องหาแล้ว ไม่ค้านอนุญาตให้ฝากขังได้