ส้มโอท่าข่อยเมืองพิจิตรใกล้สิ้นชื่อ

ส้มโอท่าข่อยเมืองพิจิตรใกล้สิ้นชื่อ

ส้มโอท่าข่อยเมืองพิจิตรใกล้สิ้นชื่อ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นายพยุงศักดิ์ สิทธิลภ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ สำนักงานเกษตรจังหวัดพิจิตร กล่าวว่า "ส้มโอท่าข่อย" ไม้ผลขึ้นชื่อตามคำขวัญของจังหวัด ขณะนี้ ส่อเค้าวิกฤติ จนจะกลายเป็นตำนานไปเสียแล้ว หากไม่มีการบูรณาการแก้ไขช่วยเหลือ พื้นที่ปลูกส้มโอท่าข่อย จากเดิม 8 พันไร่ ลดลงเหลือเพียง 4 พันไร่ เหตุเพราะ ส้มโอท่าข่อย ที่มีจุดเด่น หวาน อมเปรี้ยว ไม่ถูกปากตลาดคนไทยที่ชอบกินส้มโอรสหวานมากกว่า เช่น ส้มโอขาวแตงกวา , ส้มโอทองดี เข้ามาตีตลาดแทนที่ส้มโอท่าข่อย ซึ่งปัจจุบันราคาตกขายได้เพียง กก.ละ 3-5 บาท ซึ่งชาวสวนส้มโอท่าข่อย จะอยู่ได้ต้องได้ราคา กก.ละ 10 บาท นายพยุงศักดิ์ กล่าวอีกว่า ปัญหาราคาตกต่ำดังกล่าว ทำให้ชาวสวนที่ปลูกส้มโอทาข่อย โค่นต้นส้มโอทิ้งและหันมาปลูกมะนาว ส้มเขียวหวาน และส้มโอพันธุ์อื่น ๆ แทน อีกทั้งมีบางส่วนในช่วงที่ข้าวตันละ 14,000 บาท สมัยนั้นก็โค่น ส้มโอท่าข่อยทิ้ง เพื่อปลูกข้าว จนกลายเป็นเหตุให้ ส้มโอท่าข่อยของ จ.พิจิตร กำลังจะกลายเป็นตำนาน หากยังไม่มีการเยียวยาและบูรณาการจากภาครัฐและชาวสวน

นอกจากนี้ จากที่เคยส่งออกแถบตลาดยุโรป แต่ต่อมาถูกกีดกันจากด่านกักกันโรคพืชในการส่งออกที่ต้องให้ ส้มโอท่าข่อย ปลอดจากโรคเชื้อรา "แคงเกอร์" 100% รวมทั้ง รัศมีรอบ ๆ สวนในระยะ 1 ก.ม. ด้วย ซึ่งกรมส่งเสริมการเกษตร เคยเข้ามาดูแล แต่สุดท้าย ชาวสวน ก็ทำไม่ได้ เนื่องจากต้องเพิ่มต้นทุนสูง ไม่คุ้มค่ากับการลงทุนลงแรง จึงทำให้ต้องปิดตลาดยุโรปไป นอกจากนี้ ส้มโอท่าข่อย ที่มีคุณภาพดี ๆ จาก 25 สวน เมื่อออกจาก จ.พิจิตร ก็จะเปลี่ยนชื่อเป็น ขาวแตงกวาพิจิตร ,ทองดีพิจิตร เนื่องจาก ไม่กล้าใช้ชื่อคำว่าส้มโอท่าข่อยพิจิตร จนกลายเป็นว่า ส้มโอท่าข่อย ไม่มีอยู่ในความทรงจำของผู้บริโภคแล้วและนับวันจะเลือนหาย ต่อไปอาจจะมีแค่บ้านท่าข่อย แต่ไม่มี ส้มโอท่าข่อย อีกต่อไป หากทางภาครัฐและชาวสวน ไม่ร่วมกันบูรณาการ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook