อัศวินเผย2แดงรับทำบึ้มภท.จริงรอจับอีก4คน

อัศวินเผย2แดงรับทำบึ้มภท.จริงรอจับอีก4คน

อัศวินเผย2แดงรับทำบึ้มภท.จริงรอจับอีก4คน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้า หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย ก่อเหตุวางระเบิดที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ในซอยพหลโยธิน 43 ได้เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ทั้งนี้จากการสอบปากคำผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 ราย ให้การรับสารภาพว่า ตั้งใจจะวางระเบิดที่พรรคภูมิใจไทยจริง โดยได้เตรียมถังแก๊สมาก่อเหตุ จำนวน 2 ถัง โดยถังแรกจะก่อเหตุที่พรรคภูมิใจไทย และอีกถัง ไม่เปิดเผยจุดที่ก่อเหตุ แต่เนื่องจากเกิดความผิดพลาด ที่พรรคภูมิใจไทยก่อน จึงนำถังแก๊สไปทิ้งที่ ซอยรามอินทรา 81 เพื่อต้องการทำลายหลักฐาน ทั้งนี้สาเหตุนั้นเชื่อว่า เกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมืองอย่างแน่นอน

ด้าน พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมดรวม 7 ราย ประกอบด้วย นายเดช พุทธทรง นายกำพล คำคม นายเอนก สิงขุนทด และผู้ต้องสงสัยอีก 4 ราย ที่อยู่ระหว่างการหลบหนี ซึ่งภายหลังศาลออกหมายจับ ในช่วงบ่ายของวันนี้แล้ว จะมีการนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปชี้จุดเกิดเหตุทั้งหมดด้วย


สำหรับความคืบหน้าล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้สงสัย 2 ราย คือ นายเดชพล พุทธจง อายุ 57 ปี และนายกำพล คำคง อายุ 42 ปี มาทำแผนรับสารภาพ หลังก่อเหตุวางระเบิดพรรคภูมิใจไทย ในซอยพหลโยธิน 43 ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แยกผู้ต้องหา ทั้ง 2 ราย โดยนำตัว นายเดชพล ไปตรวจค้นอพาร์ทเมนท์ ย่านโชคชัย 4 ซึ่งเป็นจุดที่คนร้ายใช้เป็นที่พักก่อนลงก่อเหตุ ขณะเดียวกันได้ควบคุมตัว นายกำพล มาทบทวนความจำบริเวณที่ก่อเหตุ โดยเริ่มตั้งแต่ ปั้มน้ำมัน ย่านบางเขน ใกล้กับ กองพันทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ซึ่งเป็นจุดที่คนร้ายแวะใช้บริการห้องน้ำ โดยในวันนี้จะนำตัวไปชี้จุดตามเส้นทางที่ลงมือก่อเหตุ ทั้งบริเวณที่ทำการพรรคภูมิใจไทย และ ซ.รามอินทรา 81จุดทิ้งถังแก๊สด้วย


สำหรับความคืบหน้าเหตุคนร้ายวางระเบิด ที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ล่าสุด พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมควบคุมตัว นายเดชพล พุทธทรง และ นายกำพล คงคำ 2 ผู้ต้องสงสัย ร่วมก่อเหตุไปทำแผนรับคำสารภาพทั้งหมด 8 จุด โดยจุดแรกเริ่มบริเวณโรงแรมแห่งหนึ่ง ในซอยโชคชัย 4 จุดที่ 4 คือ บริเวณที่ทำการพรรคภูมิใจไทย และ พ.ต.อ.ปิยะวัฒน์ บุญยืนอนนต์ ผู้กำกับการสารวัตรสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 เปิดเผยว่า จากการสืบสวนสอบสวนเบื้องต้น ไม่ทราบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ที่ถูกควบคุมตัวได้ ได้เข้าพักที่โรงแรมดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย. แล้ว โดย นายเอนก สิงขุนทด 1 ในผู้ต้องสงสัย ทำหน้าที่นำรถเข็นซุกระเบิดถังแก๊ส ไปที่ทำการพรรค ส่วนผู้ต้องสงสัยอีก 2 ราย ได้ขับรถโตโยต้า ยาริส เลขทะเบียน สส 7762 กทม. ไปที่บริเวณปั๊มน้ำมัน ย่านบางเขน เพื่อกดรีโมท แต่เกิดความผิดพลาด เนื่องจากระเบิดไม่ทำงาน จึงให้นายเอนกเข็นรถไปตรวจสอบหลัง ที่ทำการพรรคจนเกิดระเบิดขึ้น จากนั้นผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 ราย ได้นำถังแก๊สอีก 1 ถัง ไปทิ้งที่ ซอยรามอินทรา 81 ก่อนขับ
รถหลบหนีไป

ขณะที่ พ.ต.อ.พัฒนา เพศยนาวิน ผกก.สน.บางเขน เดินทางมายังศาลอาญารัชดา เพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับ นายกำพล คำคง อายุ 42 ปี ผู้จ้างวาน ให้ผู้ต้องหาเข็นรถเงาะซุกระเบิด ไปจอดหน้าพรรคภูมิใจไทย กับพวกรวม 7 คน ประกอบด้วย นายเดชพงษ์ พุทธจง อายุ 57 ปี นายเอนก สิงขุนทด คนเข็นรถเงาะที่วางระเบิด TNT นางอ้อ นายอ้าย นายอ้วน และนายสำราญ ไม่ทราบนามสกุล ใน 3 ข้อหา คือ ร่วมกันมีและใช้วัตถุระเบิด ทำให้เกิดระเบิด ส่งผลให้ผู้อื่นได้รับอันตราย และทรัพย์สินเสียหาย และนำพาวัตถุระเบิดไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร หลังจากรวบรวมพยานหลักฐาน จนสามารถยื่นศาลขออนุญาตหมายจับผู้ต้องหาได้ ส่วนศาลจะอนุมัติเวลาใดนั้น ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะต้องรอให้ศาลพิจารณาก่อน

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ที่ยังไม่เคยมีการออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมด เพราะหลักฐานยังไม่หนักแน่นเพียงพอ และเกรงว่า หากยื่นไปแล้วศาลอาจไม่อนุมัติหมายจับตามคำร้องของพนักงานสอบสวน ซึ่งในคดีนี้ ทางผู้บังคับบัญชาระดับสูง ได้กำชับและเร่งรัดมาให้พนักงานสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานให้หนาแน่น เพื่อให้สามารถออกหมายจับผู้ต้องหารายนี้ได้โดยเร็ว


สำหรับความคืบหน้า การทำแผนประกอบคำรับสารภาพคดี ที่คนร้ายวางระเบิด ที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ล่าสุด นายเดชพล พุทธจง หนึ่งในผู้ต้องหา ขณะทำแผนประกอบคำรับสารภาพว่า สาเหตุที่ร่วมกับผู้ต้องหาอีก 6 คน ก่อเหตุนั้น เนื่องมาจากความไม่พอใจที่รัฐบาลปฏิบัติงาน กรณีสั่งสลายการชุมนุมของกลุ่ม นปช. เนื่องจากเห็นว่า เป็นการปฏิบัติหน้าที่แบบ 2 มาตรฐาน จึงได้วางแผนร่วมกันก่อเหตุ เพื่อหวังสร้างสถานการณ์เท่านั้น โดยมี อ้น กับ อ้าย 2 ผู้ต้องหา เป็นคนชักชวน และวางแผนให้ก่อเหตุดังกล่าว ส่วนเหตุเลือกที่ทำการพรรคภูมิใจไทยนั้น เนื่องจากเห็นว่าสามารถก่อเหตุได้ง่าย และไม่มีกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมากนัก

ด้าน พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 เพิ่มชุดพนักงานสอบสวน เพื่อทำการตรวจสอบ และทำสำนวนคดีให้รัดกุมที่สุด พร้อมประสาน กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ว่า จะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมือง และอยู่ในช่วงการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ขณะเดียวกัน ในวันพรุ่งนี้พนักงานสอบสวนเตรียมนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ฝากขังกับศาลอาญารัชดาเป็นพลัดแรกด้วย



ล่าสุดด้าน พ.ต.อ.พัฒนา เพศยนาวิน ผู้กำกับการ สน.บางเขน เปิดเผยว่า ศาลอาญอนุมัติหมายจับ นายกำพล คำคง อายุ 42 ปี ผู้จ้างวาน ให้ผู้ต้องหา เข็นรถขนเงาะซุกระเบิด ไปจอดหน้าพรรคภูมิใจไทย กับพวกรวม 7 คน แล้ว ใน 3 ข้อหา คือ
ร่วมกันและใช้วัตถุระเบิด ทำให้เกิดระเบิด ส่งผลให้ผู้อื่นได้รับอันตราย และทรัพย์สินเสียหาย และนำพาวัตถุระเบิดไปในที่สาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร หลังจากพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ขอนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมด ซึ่งสามารถจับกุมได้แล้ว 3 ราย และเร่งติดตามผู้ต้องหาที่เหลืออีก 4 ราย ซึ่งขณะนี้ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งคาดว่าจะมีข่าวดีเร็วๆ นี้


พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 เปิดเผยว่า สำหรับผู้ต้องอีก 4 ราย ที่ศาลได้อนุมัติออกหมายจับพร้อมกับ นายเดชพงษ์ พุทธจง นายกำพล คำคง นายอเนก สิงห์ขุนทด ผู้ต้องหาที่สามารถคุมตัวได้แล้ว กรณีร่วมกันก่อเหตุวางระเบิดที่ทำการพรรคภูมิใจไทย เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยระบุว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบประวัติ เพื่อหาชื่อและนามสกุลจริงของผู้ต้องหาทั้งหมด เพื่อนำไปสู่การตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมถึงสอบสวนว่า มีบุคคลทางการเมืองเข้ามาบงการสั่งการหรือไม่ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังไม่ปักใจเชื่อคำรับสารภาพของผู้ต้องหาว่า เป็นความจริงทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย หลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพแล้ว เจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปไว้ที่ สน.บางเขน ก่อนนำตัวขออนุญาตฝากขังพรุ่งนี้ ขณะที่ นายอเนก สิงห์ขุนทด ผู้ต้องหาอีก 1 ราย ยังคงนอนรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ที่ ร.พ.ตำรวจ เนื่องจากอาการยังไม่ปลอดภัยต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ โดยยังไม่สามารถให้ปากคำใดๆ ได้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook