ซัน รับคุณแดง ติงทำศัยกรรมหน้า

ซัน รับคุณแดง ติงทำศัยกรรมหน้า

ซัน รับคุณแดง ติงทำศัยกรรมหน้า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เมื่อหนุ่ม จากวิกหมอชิต "ซัน พิชยดนย์ พึ่งพันธ์" ออกมาแฉ ความจริง ที่กลายเป็นประเด็นใหญ่โตขึ้นมาทันที เมื่อผู้จัดการชื่อดัง "เอ ศุภชัย ศรีวิจิตร" จะฟ้องร้องถึงเรื่องที่หนุ่ม ซัน ยืมเงินไปทำศัลยกรรมหน้ามา แล้วไม่คืน แต่ ผู้จัดคนดังก็ได้ออกมายอมรับก่อนหน้านั้นแล้วว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด และ "คุณแดง สุรางค์"ได้คืนเงินจำนวนดังกล่าวที่ตนสำรองจ่ายไปให้หนุ่ม ซันแล้ว จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปฟ้องร้องอีก ล่าสุด ถึงคิวหนุ่ม ซัน ที่ออกโรงแฉหมดเปลือก ว่า ตนไปทำจริงแต่ผู้จัดการ เอ ศุภชัยเป็นคนชวนและไม่ให้บอกพี่ตุ๊ก สปีดวัน ที่ตนสังกัด เผยที่ตกลงกันไว้ทำเฉพาะตา ซึ่งพอไปทำจริงก็มีทั้ง ตา จมูก ฉีดโบท็อกซ์ ยืนยันเคยถามอีกฝ่ายแล้วว่าค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ซึ่งทางผู้จัดการเอ ก็ออกอาการอึมครึมไม่ยอมบอกได้แค่บอกว่าไว้กลับไปแล้วจะหางานให้ทำแล้วหักจากงาน ส่วนเรื่องฟ้องร้องไม่น่าจะเป็นความจริง รับผู้ใหญ่เรียกไปอบรมจริง ปัดไม่ทราบอีกฝ่ายอยากได้ตนเองเป็นเด็กในสังกัด พร้อมแฉอีกว่า เอ ศุภชัย เคยพูดประมาณว่าตนเป็นเด็กของเขา แต่ได้ปฏิเสธและบอกไปว่าตนเป็นเด็กพี่ตุ๊ก สปีดวัน โต้กระแสข่าวกิ๊กอีกฝ่ายไม่เป็นความจริง


ไปทำศัลยกรรมจริงหรือเปล่า "ทำจริงครับ แต่ว่าบางข่าวที่เขียนก็มีทั้งจริงและไม่จริง และที่เขียนว่า คุณแม่ร้องไห้ ก็ร้องไห้ เพราะคิดถึงผมมากกว่า เพราะว่าเราไปหลายวัน คุณแม่ร้องไห้ตอนที่เห็นหน้าเราบวมมากจริงหรือเปล่า "คือตั้งแต่แรกไปทำกับ พี่เอ จริงครับ และที่คุยคือ แค่ตา และซันไม่ได้ขอเขาไปทำ เขาเป็นคนชวนไปเอง เพราะว่า ผมได้รู้จักพี่เขาตอนบวงสรวงละคร เรือนซ่อนรัก นี่แหละครับ ก็เจอกันครั้งแรก ซึ่งซัน ก็อยู่กับ พี่ตุ๊ก และเขาก็รู้ว่า ซัน เด็กพี่ตุ๊ก ก็คุยกันปกติ เพราะตอนนั้นคิดว่า เป็นพี่ในวงการรู้จักไว้ก็ไม่เสียหาย หลังจากนั้น พี่เอ ก็ให้พี่อีกคนโทรมาติดต่อบอกว่า มีไปงานมีเอเจนซี่ เขาสนใจ น้องซัน ก็เลยให้ไปคุยหน่อย ผมก็คิดว่า ทำงานปกติก็ไปคุย และผมก็บอกว่า ถ้าพี่เอหางานมาให้ก็ส่งผ่านสปีดวันแล้วกัน เพราะผมอยู่สปีดวัน เขาก็บอกโอเคเพราะเขารู้จักกับพี่ตุ๊ก

จนมาคุยถึงเรื่องศัลยกรรมเขาก็บอกว่า ซันตาเล็กไปนะ ตาตก ตอนนั้นผมก็เริ่มคิดนึงแล้ว แล้วเขาก็ยกตัวอย่างเด็กของเขาว่าคนโน้นคนนี้ไปทำมาตอนนี้ก็ดูดีแล้ว แค่3-4วันเอง ผมก็กลับไปคิดก็ยังไม่ได้อะไรแค่คิดเฉยๆ จากนั้น เขาก็มาคุยกันเรื่อยๆว่าเดี๋ยวจะพาเด็กของเขาไปทำอีกล็อตนึงนะไปพร้อมกับเขาไหม ผมก็ถามว่าเอาแล้วค่าใช้จ่ายละ แล้วตอนนี้ผมก็ถ่ายละครอยู่ด้วยถ้ามันกลับมาแล้วหายไม่ทันจะผิดปกติหรือเปล่า เพราะละครก็ถ่ายอยู่ เขาก็บอกว่าไม่ผิดปกติพี่พาไป3-4วันก็หายแล้ว ผมก็ถามว่าแล้วค่าใช้จ่ายผมต้องเตรียมอะไรยังไงไปบ้าง เขาบอกไม่ต้องเวลาพี่พาไปพี่ก็ให้ทำก่อน พอกลับมาพี่ก็หางานให้แล้วก็หักจากงานพี่ไม่ได้ให้ทำฟรีอยู่แล้ว ผมก็บอกอย่างนั้นก็น่าโอเคนะ ทำแล้วดีกับตัวเรา งานก็เยอะขึ้นแล้วเขาก็หักจากงานที่เราทำไป แล้วที่ผมมาทำตรงนี้เพราะอยากช่วยเหลือครอบครัว"
จริงๆแล้วไปทำอะไรมาบ้าง "ตอนแรกไปทำตาอย่างเดียว เพราะเวลาผมกลับมาก็ต้องถ่ายละคร มันทำไม่ได้อยู่แล้วกลับมาต้องมีปัญหาแน่นอน คือพอไปถึงที่โน่นพี่เอก็คุยกับหมอ แล้วแก้จมูกแล้วจับผมฉีดคล้ายๆโบท็อกซ์แต่ใช้เลือดของเราฉีดเขาไป ผมก็คิดแล้วว่ากลับไปมีปัญหาแน่นอนต้องไม่เหมือนเดิมแน่เพราะไม่ใช่แค่ตา พี่เอก็บอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวก็หาย ซึ่งผมก็ต้องเตรียมเปิดละครเรื่องใหม่ด้วยตอนนั้น เรือนซ่อนรัก แต่ว่าตอนนั้นยังไม่เปิด และก่อนไปผมก็บอกพี่ตุ๊กนะครับ แต่พี่เอเขาไม่ให้บอกว่าไปกับใคร แต่บอกว่าไปทำได้เพราะเดี๋ยวจะเป็นปัญหา"

มีข่าวว่าพี่เอจะฟ้องว่าเราไม่ให้ค่าใช่จ่ายที่ค้างอยู่ " เรื่องฟ้องผมว่าไม่น่าจะจริงเพราะตอนกลับมาผมก็ยังเข้าใจว่าเดี๋ยวพี่เอเขาหางานให้เรามาแล้วเขาก็จะหักจากงานเราอีกที"ทั้งหน้านี้รู้ค่าใช้จ่ายไหม "เนี่ยแหละครับที่เป็นอึมครึมอยู่ถามเขา เขาก็ไม่บอกว่าเท่าไหร่เขาจะอึมครึมตลอด" เห็นว่าคุณแดงจ่ายค่าใช่จ่ายหมดแล้ว "อันนี้แหละครับที่ผมคิดไว้ว่ากลับมาต้องเป็นปัญหาแน่นอน เพราะมันมีอาการบวมแล้วไม่ใช่แค่ตาอย่างเดียวตั้งแต่ที่ตกลงกันตอนแรก ผมก็เลยเข้าไปหาผู้ใหญ่ก็เลยโดนอบรมมาว่าทำไมทำแบบนี้ไม่ปรึกษาก่อน ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายก็เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ที่ตกลง แต่ผมก็ต้องใช้คืนแน่นอน"

พอใจกับหน้าที่กลับมาไหม "มันก็ต้องคิดในแง่ดี ทุกคนก็โอเค เราก็อย่าไปคิดมากถือไว้เป็นบทเรียนก็ตั้งใจทำงานต่อไป" ผู้ใหญ่ว่าอย่างไรบ้างกับหน้าที่ไปทำใหม่ "ช่วงแรกๆผมเองยังเครียดเลย ช่วงแรกที่ถ่ายเรือนซ่อนรักมีพี่นักข่าวไปทำข่าว ผมก็ไม่ได้ปิดบังก็บอกว่าไปทำมาจริงๆก็ให้ถ่ายรูปปกติแล้วตอนนั้นบวมด้วย แต่ตอนนี้ก็โอเคครับ" หลังจากนั้นก็ไม่ได้คุยกับพี่เอ เขาก็ไม่ติดต่อมา "ผมก็ไม่กล้าก็กลัวว่าไม่รู้จะคุยไปแล้วจะอะไรหรือเปล่า" ออกมาพูดแบบนี้แล้วกลัวจะมีปัญหากับพี่เอหรือเปล่า "ไม่กลัวครับเพราะนี้คือความจริงที่ผมคิด ถ้ามันทำแล้วมันไม่ดีผมก็ไม่คิดอยากจะทำหรอกครับ และผมก็ต้องขอโทษทุกๆคนที่ความผิดของผมส่งผลทำให้มีปัญหา"

มีบางกระแสว่าพี่เอจะดูดเราไปอยู่ด้วย "ก็ไม่รู้เหมือนกันครับ เพราะหลังจากที่ทำมาเสร็จก็มีคุยกันว่ามันเป็นปัญหาแบบนี้นะ พี่เอก็บอกว่าไม่ต้องคิดมากซันเป็นเด็กของพี่ ผมก็เลยบอกว่าไม่ใช่นะครับผมเป็นเด็กของพี่ตุ๊กสปีดวัน" มีอีกข่าวว่าเราไปกิ๊กกั๊กกับพี่เอ "มันจะไปมีแบบนั้นได้ยังไง(หัวเราะ)ท่าไหนอะไร ไม่มีแน่นอนครับแล้วผมไม่คิดอะไรด้วย ที่มีปัญหาเหมือนมีคนไปบอกเราให้เลิกยุ่งกับพี่เอ พอเราเลิกยุ่งพี่เอก็เลยโกรธ "คือไม่ใช่เลิกยุ่ง คือตอนนั้นก็โดนเข้าไปอบรม ผู้ใหญ่ก็บอกให้อยู่เฉยๆตั้งใจทำงาน อะไรที่พลาดไปก็ถือว่าเป็นบทเรียนแล้วอย่าทำอีก" มีแพลนจะไปแก้ไขอะไรไหม "ไม่เอาแล้วครับ พอแล้วครับ ตอนนี้ก็ดีแล้ว" ถ้าสิ่งที่เราพูดวันนี้พี่เอฟังแล้วไม่สบายใจในสิ่งที่เราพูดปัญหาต่างๆกลัวไหม "ไม่กลัวครับเพราะมันเป็นสิ่งที่ผมพูดกับพี่เอ และกับทุกคนผมว่ามันเป็นความจริงที่พูดไป และไม่มีทางไปอยู่กับพี่เอเพราะผมอยู่กับช่อง7แล้วก็สปีดวัน แต่ถ้าเกิดพี่เอส่งงานมาให้ก็ต้องผ่านสปีดวันคือเราทำงานปกติครับ" แล้วที่พี่เอบอกว่าหางานให้เราแล้วหักเงินได้ทำหรือยัง "ตอนนี้ยังไม่ได้คุยกับพี่เอนะครับมันเป็นเรื่องของทางผู้ใหญ่เขาคุยกันอยู่ครับ"




แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook