กกต.ตั้งคณะทำงานร่วมคดี258ล.ยุบปชป.

กกต.ตั้งคณะทำงานร่วมคดี258ล.ยุบปชป.

กกต.ตั้งคณะทำงานร่วมคดี258ล.ยุบปชป.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต.) เปิดเผยระหว่างการเข้าร่วมพิธีเปิดมูลนิธิสายใจไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ว่า ได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานร่วมกับอัยการสูงสุด เพื่อพิจารณา กรณีเงินบริจาค 258 ล้านบาท ของ พรรคประชาธิปัตย์ แล้ว เมื่อวานนี้ ซึ่งต้องมีการพิจารณาสำนวนแล้วเสร็จ ภายใน 30 วัน นับจากนี้ ซึ่งคณะทำงานร่วมที่ตนได้พิจารณาแต่งตั้งขึ้นมานั้น ไม่ได้เป็นความลับแต่อย่างใด แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอน ทั้งนี้ยืนยันว่า คณะทำงานร่วมทุกคน ล้วนมีประสบการณ์ในหลายด้าน ไม่มีการทำงานเพื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม หากการพิจารณาเสร็จสิ้นแล้ว ว่าไม่ควรส่งเรื่องไปยัง ศาลรัฐธรรมนูญ นั้น ทาง กกต. จะมีการประชุม เพื่อหาข้อสรุปว่า เห็นควรจะยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ เองหรือไม่

นอกจากนี้ นายอภิชาติ ยังเผยอีกว่า ไม่จำเป็นต้องยกเลิกการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ระหว่างการเลือกตั้ง คาดว่า ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน


นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)และนายทะเบียนพรรคการเมือง ได้มีคำสั่งแต่งตั้ง
คณะทำงาน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ กรณียุบพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีการเสนอ
รายชื่อพนักงานอัยการ เป็นผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการร่วมกับผู้แทนจากนายทะเบียนพรรคการเมือง
ฝ่ายละ 7 คน รวมคณะทำงานทั้งสิ้น 14 คน ประกอบด้วย นายอิศระ หลิมศิริวงศ์ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน และ นายประธาน วัฒนพาณิชย์ นายวิจิตร วิชัยสาร นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ นายเศกสรรค์ บางสมบุญ นายวินัย ดำรงค์มงคลกุล นายนันทศักดิ์ พูลสุข นายธนิศร์ ศรีประเทศ นายภาณุพงศ์ โชติสิน นายกิตินันท์ ธัชประมุข นายยงเกียรติ อดิเศรษฐกุล นายกฤช เอื้อวงศ์ เป็นคณะทำงาน และ นายมนตรี เทอดธีระกุล เป็นเลขานุการและคณะทำงาน ซึ่งคณะทำงานดังกล่าวมีหน้าที่ รวบรวมพยานหลักฐานและหาข้อยุติเกี่ยวกับการดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จ ภายใน 30 วัน ซึ่งนับตั้งแต่วันที่แต่งตั้งคณะทำงานคือ วันที่ 14 มิถุนายน แล้วจึงส่งให้นายทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook