10 แมตซ์มันส์ขั้นเทพในบอลโลก

10 แมตซ์มันส์ขั้นเทพในบอลโลก

10 แมตซ์มันส์ขั้นเทพในบอลโลก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในโลกของเกมลูกหนังไม่มีใครปฎิเสธว่า ฟุตบอลโลกคือการแข่งขันที่ทุกคนทั่วโลกรอคอย หลายสิ่งหลาย อย่างที่กำลังเป็นไป จะหยุดนิ่งเพื่อหลีกทางให้กับมหกรรมการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ ที่สุดของมวลมนุษยชาติ หลากหลายอารมณ์ความรู้สึกทั้งสุข และเศร้า เสียงหัวเราะ และคราบน้ำตา ยังคงอยู่ในความทรงจำของใครหลายๆ คนจนถึงปัจจุบัน และนี่คือ 10 แมตช์ แห่งความทรงจำที่ยังคงถูกพูดถึงจนกระทั่งทุกวันนี้

อันดับ 10. บราซิล 6 - โปแลนด์ 5, รอบแรก (ปี 1938)

นี่คือหนึ่งในแมตช์แห่งความทรงจำ ที่เกิดขึ้นในฟุตบอลโลก สุดยอดทีมของ ทวีปอเมริกาใต้ อย่างบราซิล เดินทางมาเข้าร่วมการแข่งขันเหมือนทุกๆ ครั้ง โดยมี ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ในแมตช์ดังกล่าวนี้เอง ท่ามกลางสภาพสนาม ที่เปียกชุ่ม และเปรอะเปื้อนไปด้วยโคลน มันไม่ได้ทำให้เกมการแข่งขันดูเย็นลงเลย ที่สนามสต๊าด เดอ ลา เมโน่, ของ สโมสร สตราส์บูร์ก มี 11 ประตูเกิดขึ้นที่นั่น ตลอด 90 นาที เกมจบลงด้วยผลเสมอกันไป 4-4 ลิโอนิดาส ศูนย์หน้าซูเปอร์สตาร์ในเวลานั้นของบราซิล ทำแฮททริคได้ ส่วนเปราซิโอ เพื่อนร่วมทีมของเขา ทำได้อีก 2 ประตู ขณะที่ แอร์เนสท์ วิลลิโมว์สกี้ ศูนย์หน้าของโปแลนด์ ทำคนเดียว 4 ประตูในเกมนี้ แต่ทีมของเขาต้องตกรอบ หลังจากต่อเวลาพิเศษ ที่แปลกก็คือ ลิโอนิดาส ถูกพักให้เป็น เพียงตัวสำรองในรอบก่อนรองชนะเลิศ ในแมตช์ที่พบกับอิตาลี น่าเสียดายที่เกม วันนั้น ลิโอนิดาส ได้แต่มองทีมของเขาพ่ายแพ้ให้กับ อิตาลี 2-1

อันดับ 9. อาร์เจนติน่า 3 - อังกฤษ 2, รอบสอง ( ปี 1998)

12 ปีผ่านไปหลังเหตุการณ์ "Hand of God" หรือ หัตถ์พระเจ้า ที่ถูกสร้างสรรค์โดย ดิเอโก้ มาราโดน่า อาร์เจนติน่า และ อังกฤษ โคจรมาพบกันอีกครั้งในฟุตบอลโลกปี 1998 ที่ฝรั่งเศส อังกฤษตั้งตารอวันนี้มานาน เพื่อที่จะล้างแค้น เกมนี้เป็นการ แจ้งเกิดอย่างเต็มตัวของ ไมเคิล โอเว่น  ประตูขึ้นนำ 2-1 ทุกวันนี้ยังอยู่ในความทรงจำ และทุกอย่างดูเหมือนจะไปได้สวยสำหรับอังกฤษ แต่สุดท้ายพวกเขา ต้องปราชัยให้กับคู่ปรับตลอดกาลอีกครั้งในการดวลจุดโทษตัดสิน และนอกจากประตู อันน่าอัศจรรย์ของโอเว่น แล้วยังมีอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ยังคงถูกพูดถึงในเกมวันนั้น หนึ่งในนั้นก็คือ ใบแดง ของ เดวิด เบ็คแฮม ซึ่งหลังจากฟุตบอลโลกครั้งนั้น เบ็คแฮม ถูกโยนให้เป็นแพะ รับบาปที่ทำให้อังกฤษต้องตกรอบฟุตบอลโลกในครั้งนั้น

อันดับ 8. โปรตุเกส 5 - เกาหลีเหนือ 3, รอบก่อนรองชนะ เลิศ (ปี 1966)
หลัง จากช็อกโลกด้วยการเอาชนะอิตาลี มาได้ในรอบแรก เกาหลีเหนือ กำลังมองหาปา ฎิหารย์ครั้งที่สอง ในแมตช์กับ โปรตุเกส พวกเขาขึ้นนำโปรตุเกส ยอดทีมจากยุโรป เวลานั้น 3-0 เมื่อ เวลาผ่านไปแค่ 22 นาที แต่น่าเสียดาย เมื่อปาฎิหารย์ครั้งที่สองไม่เกิดขึ้น เมื่อ ยูเซบิโอ ทำคนเดียว 4 ประตูหลังจากนั้น พลิกสถานการณ์ให้โปรตุเกส เอาชนะ เกาหลีเหนือไปได้ในท้ายที่สุดด้วยสกอร์ 5-3

อันดับ 7. เยอรมัน ตะวันตก 3 - ฮังการี 2, ชิงชนะเลิศ (ปี 1954)
ไม่มีใครคาดหวัง ว่าเกมคู่นี้จะน่าตื่นเต้น หรือจะมีอะไรผิดแผกแตกต่างไปจากผลการแข่งขันในรอบแรก โดยเกมนั้นเยอรมัน ตะวันตก ถล่มฮังการี ไป 8-3, แต่ใครจะรู้ฮังการี ทีมเดียวกันกับในรอบแรก จะออกนำเยอรมัน ไปก่อนถึง 2-0 เมื่อเกมผ่านไปได้เพียง 8 นาทีเท่านั้น ดูเหมือนผลการแข่งขันจะกลับตรงกันข้ามในครั้งนี้ แต่ว่า เยอรมัน ฯ ไม่ตาย พวกเขากลับมาพลิกสถานการณ์เอาชนะ ฮังการี ไปได้ในท้ายที่สุดด้วยสกอร์ 3-2 ยัดเยียดความปราชัยอันสุดแสนเจ็บปวดให้ฮังการี อีกครั้ง และเหตุการณ์ใน วันนั้นถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ว่าเป็นหนึ่งในการคัมแบ็กที่น่า อัศจรรย์ที่สุดในประวัติศาสตร์ของฟุตบอลโลก

อันดับ 6. อังกฤษ 4 - เยอรมัน ตะวันตก 2, ชิงชนะเลิศ (ปี 1966)
นี่เป็นอีกหนึ่ง นัดชิงชนะเลิศที่ยังเป็นที่ถูกพูดถึงมากที่สุดจนถึงปัจจุบัน อังกฤษ ในฐานะเจ้าภาพสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์โลกเป็นสมัยแรกได้สำเร็จ ด้วยการเอาชนะ เยอรมัน ตะวันตก ในช่วงต่อเวลาพิเศษ เยอรมันฯ แสดงให้เห็นอีก ครั้งว่าเป็นชาติแห่งความเป็นนักสู้โดยแท้ พวกเขาตามตีเสมอ อังกฤษได้สำเร็จ ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ท่ามกลางความเงียบสงบที่สนามเวมบลีย์, เซอร์ เอลฟ์ แรมซี่ย์ กุนซือของอังกฤษ เวลานั้น กระตุ้นลูกทีมของเขา ว่าพวกเขาสามารถ เอาชนะในช่วงต่อเวลาพิเศษนี้ได้ "พวกคุณสามารถพิชิตพวกเขาได้ จงออกไปเอาชนะพวก เขาให้ได้อีกครั้ง" และพวกเขาก็ทำสำเร็จ หลังจากคว้าแชมป์โลก คำถามที่ ถูกถามมากที่สุดไม่ใช่ความรู้สึกภายหลังชัยชนะอันสุดแสนจะยิ่งใหญ่ แต่มันกับเป็นคำ ถามที่ว่า ลูกฟุตบอลลูกนั้นมันข้ามเส้นไปหรือยัง? จนบัดนี้ 44 ปีมาแล้วยังไม่มี ใครตอบคำถามนี้

 

อันดับ 5. ฝรั่งเศส 2 - บราซิล 1, รอบก่อนรองชนะ เลิศ (ปี 1986)
4 ปีหลังจากแพ้จุดโทษให้กับ เยอรมัน ตะวันตก, ขุนพล (เลส์ เบลอส์) ฝรั่งเศส โคจรมาพบกับคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้ออย่างบราซิล ท่ามกลางแสงแดด ที่แผดเผาของประเทศเม็กซิโก เป็นการแข่งขันที่สนุกตื่นเต้นตลอด 2 ชั่วโมง มิเชล พลาตินี่ และ ซิโก้ สองคีย์แมน โชว์ทักษะลีลาที่น่าจดจำและประทับใจ เช่นเดียวกับ โจเอล แบทส์ ผู้รักษาประตูของฝรั่งเศส ที่โชว์ลีลาเซฟประตูอย่างเหลือเชื่อนับแทบไม่ถ้วนในแมตช์ นั้น

อันดับ 4. อิตาลี 4 - เยอรมัน ตะวันตก 3, รอบรองชนะเลิศ (ปี 1970)
เป็น อีกหนึ่งเกมคลาสสิกของฟุตบอลโลกที่ยังติดตราตรึงใจทุกคนทั่วโลก ทั้งสองทีมได้ สร้างสรรค์บทละครที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก จนหัวใจของทุกคน ในสนามแทบจะหยุดเต้น ทุกสายตาจับจ้องไปที่กรุงเม็กซิโก ซิตี้ เยอรมันฯ ตกเป็นรองอย่างรวดเร็วจากประตูของ โรแบร์โต้ โบนินเซจ์น่า อย่างไรก็ตามก่อน ครบ 90 นาที คาร์ล ไฮนซ์ ชเนลลิงเกอร์ ตามตีเสมอให้กับเยอรมันฯ ได้สำเร็จ ทำให้เกมต้องยืดเยื้อไปถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ

เยอรมันฯ พลิกสถานการณ์ ขึ้นนำเมื่อ เกิร์ด มุลเลอร์ ส่งบอลไปซุกก้นตาข่ายทีมมักกะโรนีได้สำเร็จ แต่หลังจากนั้น ครึ่งชั่วโมง ทาร์ซิซิโอ เบิร์กนิช และ กิกี้ ริวา ช่วยกันทำคนละ ประตูให้ อิตาลี แซงนำอีกครั้ง ก่อนที่ เกิร์ด มุลเลอร์ จะมาทำประตูที่ สองของเขาในเกมนี้ ตามตีเสมอได้อีกครั้ง รูปเกมเหมือนตกอยู่ในการควบคุมของเยอรมันฯ แต่แล้ว จิอันนี่ ริเวร่า ก็มาทำประตูชัยให้ขุนพลอัซซูรี่ เถลิงบัลลังก์แชมป์ได้สำเร็จ อันเป็นบทพิสูจน์ให้ทั่วโลกรู้ว่า อิตาลี เหมาะสมแล้วกับตำแหน่งแชมป์โลกสมัยที่สอง และนอกเหนือจากที่ผู้คนทั่วโลกจะได้ชมเกมที่สุดแสนจะ ตื่นเต้นของเกมการแข่งขันในค่ำคืนนั้น เราจะไม่มีวันลืมเลยว่าพวกเยอรมันฯ ไม่เคยหมดไปซึ่งนักเตะใจเพชร ภาพที่ฟรานซ์ เบ็กเค่นเบาเออร์ บาดเจ็บถึงขั้นกระดูกไหปลาร้าหัก จนต้องเข้าเฝือก อ่อนแต่เขาสามารถลงเล่นจนจบแมตช์ได้ ยังเป็นภาพที่ผู้คนทั่วโลกยังคงแซ่ซ้องจนถึงทุกวันนี้

อันดับ 3. อาร์เจนติน่า 0 - แคเมอรูน 1,  รอบแรก (ปี 1990)
บางทีนี่อาจจะ เป็นแมตช์ที่ช็อกความรู้สึกของคนทั่วโลกมากที่สุด - ในปี 1982 อาร์เจนติน่า ซึ่งเป็นแชมป์เก่าเสียฟอร์มด้วยการพ่ายในนัดเปิดสนาม และประวัติศาสตร์ ซ้ำรอยอีกครั้ง เมื่อพวกเขาพลาดท่าพ่ายในเกมนัดเปิดสนามอีกครั้ง ให้กับม้ามืด อย่างแคเมอรูน 0-1 โดยประตูของทีม"หมอผี" ได้มาจากโอมัม บียิก เกมนี้ผู้เล่นของ แคเมอรูน โดนไล่ออก 2 คน

- วาเลรี่ เนปอมเนียชี่ โค้ชชาวรัสเซียของแคเมอรูนไม่สามารถสื่อสารกับนักเตะในทีม ได้หากปราศจากล่าม แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งทีมตัวแทนจากกาฬทวีปทีมนี้ให้กรุย ทางเข้าไปเล่นในรอบก่อนรองชนะเลิศได้

- โรเจอร์ มิลล่า เสือเฒ่าวัย 38 เป็นม้ามืดใน ทัวร์นาเมนต์นี้ แต่ในรอบสองก็ต้องอาศัยความเก่งบวกเฮงกว่าจะพาแคเมอรูน ผ่านเข้ารอบได้ ในรอบนี้ เรเน่ ฮิกิต้า นายทวารจอมซ่าของโคลัมเบีย พยายามสกัดบอลด้วยท่าพิสดาร จนเสียบอลให้มิลล่า ยิงเข้าไปอย่างง่ายๆ

อันดับ 2. บราซิล 3 – อิตาลี 2 (จุดโทษ), รอบชิงชนะเลิศ (ปี 1994)
นี่ เป็นเกมนัดชิงชนะเลิศเกมแรกที่ไม่มีทีมใดทำประตูได้เลยแม้จะต่อเวลาไปจนครบ 120 นาที ท่ามกลางแสงแดดอันร้อนระอุของอเมริกา บราซิลเต็งหนึ่งของการแข่งขันเหนือกว่าคู่ชิงอย่างอิตาลี ที่อาศัยเกมรับ อันเหนียวแน่นพาทีมเข้ามาสู่รอบชิงชนะเลิศได้ แม้บราซิล จะครองเกมได้ เหนือกว่า และคู่หน้าที่ฟอร์มร้อนแรงอย่าง โรมาริโอ และ เบเบโต้ ไม่สามารถเจาะ ผ่านแนวรับของอิตาลี ที่มี ฟรังโก้ บาเรซี่, อเลสซานโดร คอสตาคูต้า และ เปาโล มัลดินี่ ลงคุมแนวรับให้กับทีมอัซซูรี่ เกมจบลงด้วยการเสมอกันไป 0-0 ตลอด 120 นาที ต้องตัดสินชี้ขาดด้วยการดวลลูกโทษหาแชมป์ และไม่ว่าจะเป็นทีมใดคว้าแชมป์ ก็จะเป็นชาติแรกที่สามารถคว้าแชมป์โลกไปครองได้เป็นสมัย ที่ 4 เป็น ชาติแรก และแล้วพระเจ้าก็โยนความสุขให้กับคนบราซิล พร้อมกับโยนความผิดหวังให้กับชาวอิตาลี โดยเฉพาะ โรแบร์โต้ บักโจ้ นักเตะที่คนอิตาลี รักที่สุด จะไม่มีวันลืม เหตุการณ์ในวันนั้นเลยตลอดชีวิต เมื่อจุดโทษของเขาถูกปฎิเสธโดยพระเจ้า

อันดับ 1. อิตาลี 3 – บราซิล 2, รอบก่อนรองชนะเลิศ (ปี 1982)
นี่เป็นหนึ่งในแมตช์แห่งความทรงจำนัดหนึ่ง อิตาลี เจอศึกหนักเมื่อ ต้องพบกับเต็งหนึ่งของรายการอย่างบราซิล แต่ปัญหาของอิตาลี ก็คือเกมรุกของ พวกเขาที่ 4 นัดผ่าน ไปเพิ่งจะทำได้แค่ 4 ประตูโดยทั้ง 4 ประตูยังไม่มีชื่อของผู้เล่นในตำแหน่งกองหน้า สถานการณ์มักจะสร้างวีรบุรุษอยู่เสมอ เปาโล รอสซี่ ได้รับโอกาสให้ลงสนามในเกมนั้น ท่ามกลางเสียงก ร่นด่าจากชาวอิตาเลี่ยนทั้งประเทศ เพราะ รอสซี่ เองห่างหายจากการ รับใช้ชาติไปร่วมๆ 2 ปี ในข้อหาล้มบอล รอสซี่ ทำแฮททริก ได้ในเกมนั้นพา อิตาลี เข้ารอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ ชนิดล็อกถล่ม ใครจะเชื่อว่าทีม ที่ผ่านรอบแรกด้วยการไม่ชนะทีมใดเลยอย่างอิตาลี จะเข้ารอบรองชนะ เลิศ ด้วยการล้มเต็งหนึ่งอย่างบราซิล ได้ และสุดท้ายอิตาลี ก้าวขึ้นไปเป็น แชมป์โลกได้ในที่สุด แถมชื่อของ เปาโล รอสซี่ ยังถูกจารึกไว้ใน ฐานะดาวซัลโวของทัวร์นาเม้นท์ ด้วยจำนวน 6 ประตูจากการลงสนามเพียง 3 เกมเท่านั้น


ฮันนิบาล

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook