มูลนิธิกระจกเงาเผยค้ามนุษย์น่าจะแรงขึ้น

มูลนิธิกระจกเงาเผยค้ามนุษย์น่าจะแรงขึ้น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงา กล่าวว่า จากสถานการณ์การค้ามนุษย์ในรอบปี 2552 มูลนิธิกระจกเงา ได้รับแจ้งเหตุ เฉพาะกรณีการค้ามนุษย์ในแรงงานประมงมากกว่า 138 กรณี หรือ มากกว่าปี 2551 ถึง 3 เท่า เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนแรงงานจำนวนมาก ในภาคประมงและประมงต่อเนื่อง ซึ่งแม้ในปี 2553 จนถึงปัจจุบันจะมีการรับแจ้งเหตุเพียง 7 ราย แต่มูลนิธิฯ ประเมินว่า สถานการณ์มีแนวโน้มที่จะรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากภาวะขาดแคลนแรงงานยังมีอยู่จำนวนมาก

นายเอกลักษณ์ กล่าวอีกว่า จากการเก็บข้อมูลยังพบว่า ขบวนการนายหน้าในการจัดหาแรงงานเพื่อค้ามนุษย์ในภาคประมงยังคงใช้พื้นที่สาธารณะ เช่น สถานีขนส่งหมอชิต สนามหลวง และสถานีรถไฟหัวลำโพง เป็นที่ล่อลวงผู้มาหางานทำในกรุงเทพฯ แต่ปรับรูปแบบจากวิธีเข้ามาตีสนิท เป็นการเปิดร้านอาหารบริเวณสถานีขนส่ง ส่วนจังหวัดที่มีปัญหาการค้ามนุษย์ในขั้นรุนแรง ได้แก่ จังหวัดสงขลา ชลบุรี สมุทรสาคร และสมุทรปราการ ส่วนผู้กระทำผิดแม้จะมีการจับกุมตัวนายหน้าที่หลอกลวง แต่ส่วนใหญ่ได้รับการประกันตัวและก่อเหตุซ้ำซาก และยังไม่สามารถเชื่อมโยงไปถึงผู้ประกอบการได้

สำหรับสถานการณ์ค้ามนุษย์ในด้านอื่น จากรายงานระบุว่า ยังทรงตัว โดยพบในกรณี อาทิ ขอทานเด็ก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการนำเด็กมาจากประเทศกัมพูชาและพม่า เพื่อมาขอทาน และมีการเปลี่ยนรูปแบบจากการขอทานเป็นขายสินค้าหรือดอกไม้ ส่วนการลักพาตัวเด็กพบว่า ในปี 2552 มีการลักพาตัวเด็กทั้งหมด 7 ราย เด็กอายุเฉลี่ยเพียง 6 ปี ส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์เพื่อกระทำทางเพศและบังคับใช้แรงงาน และสุดท้าย คือ ขบวนการซื้อขายเด็กทารกที่พบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยซื้อเด็กจากหญิงขายบริการที่ตั้งครรภ์ หรือ ครอบครัวที่มีฐานะยากจน ซึ่งวัตถุประสงค์ในการซื้อเด็กยังไม่แน่ชัด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook