ทำไปได้! "สาวใหญ่ลวงโลก" โกหกว่าตั้งท้อง 17 ครั้ง รับผลประโยชน์และเงินมหาศาล

ทำไปได้! "สาวใหญ่ลวงโลก" โกหกว่าตั้งท้อง 17 ครั้ง รับผลประโยชน์และเงินมหาศาล

ทำไปได้! "สาวใหญ่ลวงโลก" โกหกว่าตั้งท้อง 17 ครั้ง รับผลประโยชน์และเงินมหาศาล
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เดอะ ซัน สื่อจอมแฉแห่งประเทศอังกฤษ รายงานข่าวสุดอิหยังวะจากอิตาลี เมื่อหญิงรายหนึ่งแกล้งตั้งครรภ์แล้วแท้งไม่ต่ำกว่า 17 ครั้ง โดยเป็นการแท้งเองตามธรรมชาติ 12 ครั้ง และเป็นการท้องปลอมๆอีก 5 ครั้ง ในช่วง 24 ปีที่ผ่านมา เพื่อรับเงินช่วยเหลือการคลอดบุตรจากรัฐบาล

หญิงลวงโลกรายนี้ชื่อว่า บาร์บารา ไอโอเอเล วัย 50 ปี ตามรายงานระบุว่า เธอตั้งครรภ์มากผิดปกติในช่วง 24 ปีที่ผ่านมา โดยตามเอกสารที่หญิงรายนี้ยื่นระบุว่า เธอเคยตั้งครรภ์มาแล้วทั้งหมด 17 ครั้ง โดย 12 ครั้งเป็นการแท้งตามธรรมชาติ และอีก 5 ครั้ง เป็นการคลอดปกติจนทำให้เธอมีลูก 5 คน ชื่อว่า เบเนเดตตา, แองเจลิกา, อาบราโม, เลติเซีย และ อิสมาเอเล แต่ปรากฎว่าไม่เคยมีบันทึกการแจ้งเกิด และไม่มีใครเคยเห็นลูกๆของเธอเลย
pคดีนี้ บาร์บารา ถูกกล่าวหาตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว หลังจากอ้างว่าคลอดลูกคนเล็ก ทำให้เจ้าหน้าที่เริ่มสงสัยเกี่ยวกับพฤติกรรมของเธอ ก่อนจะพบว่า เธอโกหกเรื่องการตั้งครรภ์มาแล้ว 17 ครั้ง เพื่อรับเงินสวัสดิการมากกว่า 110,000 ยูโร (ราว 4.3 ล้านบาท) และยังได้หยุดงานจากสิทธิ์ลาคลอดอีกด้วย

รายงานระบุว่า คดีของ บาร์บารา ได้กลายเป็นข่าวดังในอิตาลี เรื่องราวของเธอดูน่าเหลือเชื่อและลึกลับซ่อนเงื่อนจนสามารถนำไปเขียนเป็นบทภาพยนตร์ได้เลยทีเดียว

อัยการอ้างว่า การโกงของเธอในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา เกี่ยวข้องทั้งการขโมยสูติบัตรจากคลินิกในกรุงโรม, การปลอมแปลงเอกสาร รวมถึงลายเซ็นของแพทย์ ยันไปจนถึงการแกล้งเอาหมอนยัดใส่ท้อง แถมังมีการซ้อมเดินเพื่อให้เธอดูเหมือนเป็นคนตั้งครรภ์จริงๆ
yการสอบสวนพบว่า บาร์บารา ลงทะเบียนกับทางรัฐบาลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอด้วยใบรับรองแพทย์ที่ถูกขโมยมาพร้อมกับลายเซ็นปลอม ซึ่งไม่มีใครสงสัยพฤติกรรมของเธอมาตั้งแต่ปี 2000 จนกระทั่งตำรวจแรงงานเริ่มติดตามการตั้งครรภ์ครั้งสุดท้ายของเธอเมื่อปลายปีที่แล้ว

ด้าน ดาวิเด ปิซซินาโต สามีวัย 55 ปี ของเธอสารภาพระหว่างการสอบสวนว่า "ผมรู้อยู่แล้วว่าภรรยาผมไม่ได้ตั้งท้อง"

ปิซซินาโต เผยว่ารู้เรื่องการแกล้งท้องของ บาร์บารา ตั้งแต่ปี 2012 ซึ่งถือเป็นช่วงที่ทั้งคู่เริ่มสานสัมพันธ์กัน สุดท้ายเขาถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ก่อนมีแนวโน้มจะยอมเป็นพยานเพื่อแลกกับการรับโทษที่เบาลง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook