ครอบครัวทักษิณยื่นคำร้องอุทธรณ์ยึดทรัพย์
นายฉัตรทิพย์ ตัณฑประศาสน์ ทนายความของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นำเอกสารหลักฐานกว่า 246 หน้าเดินทางมายังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อยื่นคำร้องอุทธรณ์ คัดค้านใน
คดียึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาท ของ พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัว โดย ขอให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาพิจารณาเพิกถอนคำพิพากษายึดทรัพย์ดังกล่าว เช่นเดียวกับ นายสมพร พงษ์สุวรรณ ทนายความของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร
อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ และ นายกิตติพร อรุณรัตน์ ทนายความของ นายพานทองแท้ ชินวัตร และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่นำเอกสารหลักฐานมายื่นอุทธรณ์ พร้อมกัน ซึ่งท้ายคำร้องอุทธรณ์ยังได้ยื่นคำขอทุเลาบังคับคดีไว้ก่อนด้วย ทั้งนี้ ได้อุทธรณ์ ยืนยันว่า นโยบายทั้ง 5 ของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ขณะนั้นไม่ได้เอื้อประโยชน์ธุรกิจครอบครัว พร้อมยื่นบัญชีพยานบุคคลใหม่ และพยานบุคคลที่ศาลยังไม่ได้ไต่สวน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าอุทธรณ์ครั้งนี้ มีประเด็นใหม่ที่จะเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาได้
ด้าน นายวิชัย วิวิตเสวี กรรมการ ป.ป.ช.กล่าวว่า ที่ประชุม ป.ป.ช เมื่อวันที่ 25 มี.ค. ที่ผ่านมา ป.ป.ช.มีมติให้ทำหนังสือถึงกระทรวงการคลัง ให้ดำเนินการยึดทรัพย์ จำนวน 4.6 หมื่นล้านบาท ของอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ ครอบครัวได้ทันที หลังจากที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษายึดทรัพย์ เมื่อวันที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา นอกจากนี้ นายวิชัย ยังกล่าวถึงกรณีปัญหาก่อนหน้านี้ที่ ป.ป.ช.และอัยการต่างปฏิเสธเป็นเจ้าภาพติดตามคดีกับธนาคารพาณิชย์ ซึ่งตามมาตรา 271 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เขียนไว้ว่าให้ฝ่ายชนะหรือเจ้าหนี้ เป็นผู้ร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษา หรือคำสั่งนั้น และกรณีนี้มีปัญหาว่า ฝ่ายชนะคดีเป็นใคร ระหว่างอัยการ หรือ ป.ป.ช. แต่คดีนี้โอกาสที่คู่ความ จะไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาแทบเป็นไปไม่ได้ ปัญหาที่มีจึงเป็นเรื่องเล็กน้อย คือการบริหารและงานธุรการเท่านั้น
ขณะที่การบังคับคดี ต้องรอให้การอุทธรณ์คำพิพากษาสิ้นสุดก่อน หรือไม่ นายวิชัยยืนยันว่า ไม่จำเป็นต้องรอให้คดีสิ้นสุด กระทรวงการคลังดำเนินการให้ทรัพย์สิน ตกเป็นของแผ่นดินได้ทันที ยกเว้นศาลฎีกาฯ จะออกคำสั่งให้ทุเลา
การบังคับคดีไว้ก่อน
คดียึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาท ของ พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัว โดย ขอให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาพิจารณาเพิกถอนคำพิพากษายึดทรัพย์ดังกล่าว เช่นเดียวกับ นายสมพร พงษ์สุวรรณ ทนายความของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร
อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ และ นายกิตติพร อรุณรัตน์ ทนายความของ นายพานทองแท้ ชินวัตร และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่นำเอกสารหลักฐานมายื่นอุทธรณ์ พร้อมกัน ซึ่งท้ายคำร้องอุทธรณ์ยังได้ยื่นคำขอทุเลาบังคับคดีไว้ก่อนด้วย ทั้งนี้ ได้อุทธรณ์ ยืนยันว่า นโยบายทั้ง 5 ของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ขณะนั้นไม่ได้เอื้อประโยชน์ธุรกิจครอบครัว พร้อมยื่นบัญชีพยานบุคคลใหม่ และพยานบุคคลที่ศาลยังไม่ได้ไต่สวน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าอุทธรณ์ครั้งนี้ มีประเด็นใหม่ที่จะเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาได้
ด้าน นายวิชัย วิวิตเสวี กรรมการ ป.ป.ช.กล่าวว่า ที่ประชุม ป.ป.ช เมื่อวันที่ 25 มี.ค. ที่ผ่านมา ป.ป.ช.มีมติให้ทำหนังสือถึงกระทรวงการคลัง ให้ดำเนินการยึดทรัพย์ จำนวน 4.6 หมื่นล้านบาท ของอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ ครอบครัวได้ทันที หลังจากที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษายึดทรัพย์ เมื่อวันที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา นอกจากนี้ นายวิชัย ยังกล่าวถึงกรณีปัญหาก่อนหน้านี้ที่ ป.ป.ช.และอัยการต่างปฏิเสธเป็นเจ้าภาพติดตามคดีกับธนาคารพาณิชย์ ซึ่งตามมาตรา 271 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เขียนไว้ว่าให้ฝ่ายชนะหรือเจ้าหนี้ เป็นผู้ร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษา หรือคำสั่งนั้น และกรณีนี้มีปัญหาว่า ฝ่ายชนะคดีเป็นใคร ระหว่างอัยการ หรือ ป.ป.ช. แต่คดีนี้โอกาสที่คู่ความ จะไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาแทบเป็นไปไม่ได้ ปัญหาที่มีจึงเป็นเรื่องเล็กน้อย คือการบริหารและงานธุรการเท่านั้น
ขณะที่การบังคับคดี ต้องรอให้การอุทธรณ์คำพิพากษาสิ้นสุดก่อน หรือไม่ นายวิชัยยืนยันว่า ไม่จำเป็นต้องรอให้คดีสิ้นสุด กระทรวงการคลังดำเนินการให้ทรัพย์สิน ตกเป็นของแผ่นดินได้ทันที ยกเว้นศาลฎีกาฯ จะออกคำสั่งให้ทุเลา
การบังคับคดีไว้ก่อน