สำนักงานประกันสังคม เผย ลูกจ้างร้องนายจ้างค้างส่งเงินสมทบ ตั้งแต่มกราคม ปี 52 จนถึง มกราคม ปี 53 กว่
สำนักงานประกันสังคม เผย ลูกจ้างร้องนายจ้างค้างส่งเงินสมทบตั้งแต่มกราคมปี 2552 จนถึงมกราคมปี 2553 กว่า 1,361 ราย หากตรวจพบนายจ้างจงใจไม่ส่งเงินสมทบมีโทษทั้งจำและปรับ นายปั้น วรรณพินิจ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม(สปส.)กล่าวเตือนนายจ้างที่มีพฤติกรรมหรือส่อเจตนากระทำผิดกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติประกันสังคมว่า ด้วยการหักเงินสมทบจากลูกจ้าง ผู้ประกันตนแต่ไม่ยอมนำส่งเข้ากองทุนประกันสังคม ส่งผลให้ลูกจ้างที่ไปขอรับประโยชน์ทดแทนจาก สปส.ไม่สามารถใช้สิทธิ์ได้ โดยใช่วงเดือนมกราคม 2552 มกราคม 2553 มีลูกจ้างมาร้องเรียนว่า นายจ้างหักเงินสมทบแล้วไม่นำส่งจำนวน 1,361 ราย สปส.จึงได้เร่งรัดติดตามให้นายจ้างมาดำเนินการจัดส่ง ส่วนสาเหตุที่ไม่ยอมนำเงินส่งกองทุนมีทั้งจงใจ ลืมนำส่ง และขาดสภาพคล่องไม่สามารถนำส่งได้ ซึ่งนายจ้างบางรายถูกอายัดทรัพย์ บางรายทำเรื่องรับสภาพหนี้กับสปส. ส่วนนายจ้างที่จงใจไม่นำส่ง เมื่อ สปส.ติดตามทวงหนี้แล้วยังเพิกเฉย จะมีความผิดโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ อย่างไรก็ตาม สปส.ได้ติดตามทวงเงินสมทบที่นายจ้างค้างจ่ายได้ทั้งสิน 3,104 ล้านบาท เลขาธิการประกันสังคม กล่าวอีกว่า นายจ้างที่ค้างจ่ายเงินสมทบจะต้องชำระเงินตาระยะเวลาที่ขาดส่ง ซึ่งในส่วนของกองทุนเงินทดแทนนายจ้างจะต้องชำระเพิ่มในอัตราร้อยละ 3 ต่อเดือนของเงินสมทบที่ยังค้างชำระ และชำระเพิ่มในอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือนของเงินที่ยังไม่ได้นำส่ง เข้ากองทุนประกันสังคม