เด็กเนวินป้องถนนไร้ฝุ่น

เด็กเนวินป้องถนนไร้ฝุ่น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
สามสีปัดตัดงบ พรรคร่วมไม่แก้2ประเด็น

พรรคร่วมรัฐบาล ไม่กล้าหือ เสียงอ่อยยอมดองญัตติแก้ รธน. 2 ประเด็น ตามเกม ปชป. เลื่อนกรอบเจรจา ตปท. มาพิจารณาก่อน ส่วน เด็กเนวิน ดาหน้าป้องโครงการถนนปลอดฝุ่น ยัน 3,200 กิโลเมตรทำสัญญาหมดแล้ว แจงไม่เกิดรอยร้าว 2 พรรค ฝ่าย สามสีภูเขาทอง ว้ากไม่ได้ปูดตัดงบ หนุนโยกโครงการใส่งบประมาณปกติแทน ขณะที่ มาร์ค หนุนไอเดียไตรรงค์ เมิน เด็กเนวิน โวยวายค้านอุตลุต เทพไท อัด เสนาะ ยิ่งแก่ยิ่งฟั่นเฟือน เทือก ปัดพรรคร่วมรังเกียจนายกฯ ด้าน เพื่อแม้ว ขย่ม มาร์ค เลิกพายเรือให้โจรนั่ง แฉ ไอ้โม่ง มหาดไทย จับมือเอกชนเขมือบโครงการทำบัตรประชาชน เผยสั่งย้าย ขรก.หัวแข็งไปไกลสุดกู่ช่วงร่างสัญญา 2 เดือนครึ่ง ส่วนสภาผู้ทรงเกียรติยิ่งน่าเอือมระอา ส.ส. ทำตัวสายเสมอ ปชป.-เพื่อแม้ว ตั้งป้อมสาดน้ำลายไม่เลิก

* โสภณฟุ้งข้อดีถนนไร้ฝุ่น

เมื่อวันที่ 10 ก.พ. ที่รัฐสภา นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม กล่าวถึงกรณีนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจระบุว่าจะมีการตัดงบประมาณโครงการถนนปลอดฝุ่นว่า ได้คุยกับนายไตรรงค์แล้วและได้รับการยืนยันว่าเป็นการพูดตามหลักวิชาการ ซึ่งตนก็เข้าใจว่าการพัฒนาประเทศต้องพัฒนาทั้งเมืองและชนบท ในส่วนโครงการถนนปลอดฝุ่นเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคชนบท เรายืนยันว่างบประมาณโครงการดังกล่าวน้อยไปด้วยซ้ำ และทุกวันนี้ถนนมีฝุ่นเป็นปัญหาอยู่แล้วเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าในชนบท

เมื่อถามว่า ถ้าต้องตัดงบในโครงการนี้จริงจะมีปัญหากับพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ รมว.คมนาคม กล่าวว่า การทำงานร่วมกันไม่มีปัญหา แต่จะมีปัญหากับประชาชน ถ้าเราทำงานให้ประชาชนไม่ได้ มันก็มีปัญหา และถ้าเราอยู่ในชนบทจริง ๆ จะทราบความต้องการจริง ๆ ของประชาชน ซึ่งตนต้องชี้แจงต่อนายไตรรงค์ว่าการทำถนนปลอดฝุ่นไม่ใช่การทำถนนลาดยางในหมู่บ้าน แต่เป็นการสร้างโครงข่ายระบบขนส่งสินค้าและการเดินทางของประชาชน ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่มีการตัดงบในโครงการนี้ แต่ถ้าตัดแล้วไม่มีเหตุผลอย่างนี้มีปัญหาแน่

* ชี้ 3,200 กม.จัดซื้อจัดจ้างแล้ว

นายสุชาติ โชคชัยวัฒนากร รมช.คมนาคม กล่าวว่า เมื่อวันที่ 9 ก.พ. ที่ ผ่านมาตนได้หารือทางด้านวิชาการกับนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกฯ ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งไม่ได้มีการปรับงบประมาณอย่างที่เข้าใจ เพราะโครงการดังกล่าวถือว่าเป็นประโยชน์ ระยะทาง 3,200 กิโลเมตรที่ดำเนินการไปนั้นทำให้ประชาชนที่ไม่เคยเห็นถนนดำดีใจมาก

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากเป็นการพูดถึงเรื่องวิชาการทำไมต้องพูดถึงเรื่องโครงการถนนปลอดฝุ่นเพียงโครงการเดียว รมช. คมนาคม กล่าวว่า เป็นเพียงการพูดยกตัวอย่างเท่านั้น นายไตรรงค์ยืนยันกับตนว่าจะไม่มีการปรับงบประมาณ รวมทั้งคิดว่าโครง การถนนปลอดฝุ่นเป็นโครงการที่กระตุ้นเศรษฐกิจด้วยซ้ำ เพราะจะทำให้การคมนาคมเกิดความสะดวก ดังนั้นเราต้องคิดถึงหัวอกคนชนบทด้วย ผมคิดว่านายไตรรงค์คงยังไม่ได้ดูรายละเอียดเพียงพอ เพราะโครงการดังกล่าวอยู่ใน พ.ร.ก.กู้เงิน ซึ่งได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างเรียบร้อย ไม่สามารถตัดงบประมาณได้แล้ว หากมีการปรับลดโครงการต้องคุยกันจะปรับลดง่าย ๆ ไม่ได้ รมช. คมนาคม กล่าว

เมื่อถามว่าการเปิดประเด็นนี้จะเป็นการปราบพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้น รมช.คมนาคม กล่าวสั้น ๆ ว่าคงไม่เป็นการปราบอะไร

* บุญจงเชื่อไม่เกิดรอยร้าว

นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาด ไทย และรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยนั้นยืนยันว่าโครงการถนนปลอดฝุ่นเป็นโครงการที่ดี และเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ซึ่งเป็นนโยบายของพรรคที่ใส่ไว้ในโครงการไทยเข้มแข็ง

การเป็นรัฐบาลนั้นจะต้องดูแลประชาชนทุกจังหวัดทุกพื้นที่อย่างทั่วถึงกัน ผมเชื่อว่านายกฯก็เป็นนายกฯของคนไทย ทั้งประเทศ โครงการในกรุงเทพฯก็เป็นประโยชน์ โครงการถนนปลอดฝุ่นก็เป็นประโยชน์สำหรับชาวบ้าน คนต่างจังหวัด รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุและว่า เรื่องนี้คงไม่เป็นรอยร้าวระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจไทย เพราะคงเป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัว แต่หากได้คุยเรื่องเหตุผลที่เป็นประโยชน์กับประชาชนก็คงเข้าใจ

* สามสีโวยไม่ได้ปูดหั่นงบ

ด้านนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวันที่ 9 ก.พ. ที่ผ่านมาได้พูดคุยทำความเข้าใจเกี่ยวกับงบประมาณของโครงการถนนปลอดฝุ่นกับนายโสภณ ซารัมย์ รมว. คมนาคม และนายสุชาติ โชคชัยวัฒนากร รมช.คมนาคม แล้ว และยืนยันว่าไม่ได้พูดว่าจะตัดงบประมาณโครงการนี้ โครงการนี้เป็นโครงการระยะสั้นที่ใช้แก้ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำและในเมื่อตอนที่พิจารณาเรื่องนี้ตนก็ให้การสนับสนุน เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำในทุกพื้นที่และต้องให้เสร็จภายใน 1 ปี แต่เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวและจำเป็นต้องกู้เงินอีกแล้วนำเงินมาใช้ในโครงการนี้มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะมันผิดหลักเศรษฐศาสตร์ที่กู้เงินใช้มาแล้วไม่สามารถคำนวณผลตอบแทนของโครงการว่าคุ้มกับ อัตราดอกเบี้ยได้หรือไม่และเป็นการสร้างหนี้ให้กับลูกหลานในอนาคต

* แนะโยกมาไว้ใน พ.ร.บ.งบฯ

รองนายกฯ กล่าวต่อว่า เมื่อเศรษฐ กิจดีขึ้นรัฐบาลควรปรับงบประมาณของโครงการนี้มาเป็นงบประมาณปกติ เพราะ เราสามารถเก็บภาษีได้ โครงการก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตามขณะที่การศึกษาของทีดีอาร์ไอระบุว่าการทำถนนทั้งประเทศนั้นมากเกินไปควรจะลดอัตราการเพิ่มถนนและไปเพิ่มในเรื่องอื่น เช่นระบบชลประทาน ส่วนที่มีทางกระทรวงคมนาคมยืนยันว่าโครงการนี้เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นตนก็เห็นด้วยถ้าโครงการถนนไร้ฝุ่นเชื่อมกันถนนสายหลักเพื่อระบายสินค้าให้รวดเร็วอย่างนี้ก็ต้องทำ

ผมพูดเรื่องนี้เพราะเป็นเรื่องเศรษฐศาสตร์ไม่ได้มีนัยการเมือง ผมรักกับทุกคน ไม่ว่าใครตั้งใจทำอะไรผมก็ให้การสนับสนุนไม่เคยว่าเป็นโครงการของพรรคไหนทั้งนั้น ผมรู้จักและรักทุกคน แต่ที่มีปัญหา เพราะพวกสื่อมวลชนคิดกันว่าน่าจะแตกแยก และเอาไมค์ไปจ่อปาก เอาประโยคต่าง ๆ มาต่อกันมันก็ดูร้าวฉาน เรื่องนี้ไม่มีอะไร เพราะงบประมาณในโครงการไทยเข้มแข็งมันอนุมัติไปแล้ว นายไตรรงค์ ระบุ เมื่อถามว่า แสดงว่าโครงการนี้จะบรรจุไว้ในงบประมาณปี 2554 นายไตรรงค์ กล่าวว่า ได้ให้ความคิดเห็นไปกับกระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคมแล้ว แต่จะโอนหรือปรับเปลี่ยนเป็นงบประมาณปกติได้มากน้อยแค่ไหนเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

* มาร์คเมินเด็กเนวินโวยวาย

ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความเข้าใจที่ไม่ตรงกันระหว่างรัฐบาลและพรรคภูมิใจไทย เกี่ยวกับโครงการถนนปลอดฝุ่นว่า ความจริงไม่มีปัญหา เป็นเรื่องที่นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกฯ แสดงความเห็นเท่านั้น และเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตนได้หารือกับนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ที่มาพูดคุยเรื่องงานในภาพรวมทั้งหมด ซึ่งความจริงโครงการถนนปลอดฝุ่นเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก และเป็นเรื่องที่ทุกพรรคมีนโยบายในการดำเนินการซึ่งบรรจุอยู่ในแผนเรียบร้อยแล้ว หากจะมีการปรับเปลี่ยนจะเป็นในส่วนของแหล่งเงินเท่านั้นที่จะมีบางกรณีที่อาจจะปรับออกมาจากในส่วนของเงินกู้มาเป็นเงินงบประมาณ ซึ่งจะสอดคล้องกับสิ่งที่นายไตรรงค์พูดในเชิงหลักการไว้ว่าถ้าโครงการนี้สามารถเข้ามาอยู่ในโครงการปกติได้จะเป็น เรื่องดี

ผู้สื่อข่าวถามว่า ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับพรรคร่วมยังดีอยู่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า พรรคร่วมก็เป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล เมื่อถามว่าแต่มีรัฐมนตรีหลายคนจากพรรคภูมิใจไทยแสดงความไม่พอใจกับโครงการถนนไร้ฝุ่น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนคุยกับนายโสภณอยู่ก็ไม่เห็นจะมีอะไร ส่วนจะไม่พอใจเรื่องอะไรนั้นตนไม่ทราบ เพราะยังไม่เห็นจะมีประเด็นอะไร

* ไม่รู้ไม่ชี้สุวิทย์มือประสาน

ที่กองการบินกรมการขนส่งทหารบก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงข้อสังเกตกรณีแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ได้อยู่พบหน้ากับนายกฯ ในงานวันเกิดนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรครวมใจไทยพรรคชาติพัฒนา ว่างานดังกล่าวไม่ใช่การนัดหมายของพรรคร่วมรัฐบาล แต่เป็นวันเกิดของนายสุวัจน์ ซึ่งคนที่รักและปรารถนาดีต่อกันก็ไปอวยพรและรับประทานอาหารร่วมกัน ยืนยันว่าไม่ได้นัดพรรคร่วมไปหารือที่นั่น

เมื่อถามว่า นายอภิสิทธิ์และนาย สุวิทย์ พูดตรงกันว่าจะใช้โอกาสนี้พูดคุยกับแกนนำพรรคร่วมเพื่อทำความเข้าใจในเรื่องต่าง ๆ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว ว่า ไม่ทราบว่านายสุวิทย์พูดจาอย่างไร เพราะเมื่อวาน (9 ก.พ.) นั่งอยู่ด้วยกันหลายคน คิดว่าคงคุยกันเรื่องทั่ว ๆ ไป ไม่ได้คุยอะไรที่เป็นเรื่องหนัก ๆ คนที่เป็นนักการเมืองก็คุยกันเรื่องบ้านเมือง

* เทือกย้ำพรรคร่วมไม่ติดใจ

ส่วนจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ กรณีนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา บรรจุญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสู่ที่ประชุมในวันที่ 11 ก.พ. นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ท่าทีของพรรคมีความชัดเจนมาก่อนหน้านี้ ซึ่งทุกคนต้องปฏิบัติตามมติของพรรค ต่อข้อถามถึงกรณีพรรคภูมิใจไทยไม่พอใจนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกฯ อาจพิจารณาตัดงบโครงการถนนปลอดฝุ่น นายสุเทพ กล่าวว่า การจัดสรรงบประมาณเพื่อใช้พัฒนา ประเทศ คงเป็นไปตามความเหมาะสม เชื่อว่านายไตรรงค์จะเข้าใจการทำงานในรัฐบาลผสม เวลาจะทำอะไรต้องปรึกษาหารือกัน ซึ่งข่าวที่ออกมาอาจดูหวือหวา คิดว่าหากจะเพิ่มหรือลดคงต้องปรึกษากันก่อน

ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลหรือไม่หากพรรคร่วมไม่พอใจแล้วจะไปซบพรรคเพื่อ ไทย รองนายกฯ กล่าวว่า คงไม่เป็นปัญหาขนาดนั้น เชื่อว่ายังอยู่ในวิสัยที่พูดคุยกันได้ตลอดเวลา ในฐานะผู้จัดการรัฐบาลยังไม่เห็นว่ายังเป็นปัญหาหน้าที่ในการพูดคุยกับพรรคร่วมตนจะทำต่อไป เพราะเรามีหน้าที่ดูแลประเทศไทย ดูแลแผ่นดิน และรักษาสถาบันให้ราบรื่น ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่การทำงานร่วมกันหากมีเรื่องจุกจิกเล็กน้อยบ้างก็ไม่ถือสากัน เมื่อมีการพูดคุยกันแล้วทุกฝ่ายควรที่จะมีการยอมรับในความคิดเห็นของแต่ละคน แต่สุดท้ายต้องมีข้อสรุปที่ทุกคนเห็นพ้องต้องกัน ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่มีชนวนความขัดแย้ง เพราะให้เอาประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง

* ภูมิใจไทยปัดตั้งแง่มาร์ค

ส่วนกรณีแกนนำพรรคภูมิใจไทย และพรรคชาติไทยพัฒนา ไม่ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระหว่างร่วมงานฉลองวันเกิดนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา เมื่อวันที่ 9 ก.พ. ที่ผ่านมานั้น นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณอะไร แต่เป็นเพราะไม่ได้มีการนัดหมายกัน และนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้ไปร่วมงานในช่วงเช้าแล้ว และเรื่องนี้ถือเป็นคนละเรื่องกับการนัดหารือของแกนนำพรรคร่วมที่นายสุวิทย์ คุณกิตติ แกนนำพรรคกิจสังคม จะเป็นผู้นัด

เมื่อถามว่า พรรคร่วมจะต้องนัดหารือกันก่อนที่จะประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายบุญจง กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการนัดกัน เมื่อ ถามถึงเสถียรภาพรัฐบาลจะเป็นอย่างไรเมื่อแนวคิดในการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมไม่ตรงกัน นายบุญจงกล่าวว่า การคิดไม่ตรงกันเรื่องของรัฐธรรมนูญนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ต่างพรรคก็ต้องต่างคิด แต่เมื่อยืนไปแล้วก็เป็นขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนการบริหารและการทำงานร่วมกันก็ยังสามารถทำได้

* แบะท่าภท.รับร่าง คปพร.

นายบุญจง กล่าวว่า ในการประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 11 ก.พ. นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา นัดประชุมเกี่ยวกับการบรรจุกฎหมายเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งมี ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของคณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 (คปพร.) ของประชาชนอยู่แล้ว แต่การยื่นญัตติของ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลก็เป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย ส่วนจะพิจารณารวมกันหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

เมื่อถามว่า พรรคภูมิใจไทยเห็นว่าควรจะใช้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของ คปพร. เพื่อนำรัฐธรรมนูญปี 2540 กลับมาใช้ทั้งฉบับเลยหรือไม่ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ต้องดูก่อนว่าที่ประชุมจะมีความเห็น อย่างไร ซึ่งในรัฐธรรมนูญปี 2540 มีบางประเด็นที่ตรงกับพรรคภูมิใจไทยอยากจะขอแก้ไข อย่างมาตรา 190 หรือมาตราที่เกี่ยวกับเขตเลือกตั้งที่เป็นเขตเล็กเบอร์เดียว เมื่อถามว่าพรรคภูมิใจไทยจะรับเอาร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับ คปพร. เลยหรือไม่ นายบุญจงกล่าวว่า แล้วแต่ที่ประชุม แต่อะไรที่เข้ากับ 2 ประเด็นที่ได้เสนอแก้ไขก็พร้อมที่จะรับ

* ปู่ชัยแทงกั๊กถกรวม 2 ฉบับ

นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา ให้สัมภาษณ์ ถึงการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันที่ 11 ก.พ. นี้ว่า เรื่องนี้วิปทั้งสามฝ่ายตกลงกันเรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าเป็นไปตามระเบียบวาระการประชุมนั้นจะมีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของ นพ.เหวง โตจิราการ หรือฉบับของ คปพร. บรรจุอยู่ในวาระแรก ส่วนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ของ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล 102 คนนั้นอยู่ในวาระที่สองตามลำดับ แต่ถ้าทางสภาเสนอเลื่อนขึ้นมาเป็นวาระแรกก็เป็นสิทธิของสภาที่สามารถทำได้ตามข้อบังคับ

ส่วนความเป็นไปได้ที่จะนำร่างทั้งสองฉบับมาพิจารณาร่วมกันนั้น ประธานรัฐสภา กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ อยู่ที่สภาจะพิจารณา ประธานไม่มีอำนาจสั่งอะไรได้ อย่างไรก็ตามตนไม่รู้สึกเป็นห่วงในเรื่องดูแลการประชุม เพราะมีข้อบังคับอยู่ในมือ

* เย้ยฝ่ายค้านตอกลิ่มไม่สำเร็จ

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยพยายามขยายผลให้เกิดความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาลว่า ขอยืนยันว่าเสถียรภาพของรัฐบาลในวันนี้ยังแน่นแฟ้นเหมือนเดิม และทุกพรรคพร้อมที่จะจับมือร่วมกันนำพาประเทศชาติให้พ้นวิกฤติไปได้ การที่พรรคเพื่อไทยพยายามที่จะเอาเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ โครงการถนนปลอดฝุ่น มาตอกลิ่มความขัดแย้ง คิดว่าไม่ประสบความสำเร็จ เพราะพรรคร่วมรัฐบาลต่างเข้าใจกันดีว่าจุดยืนของแต่ละพรรคเป็นอย่างไร และปัญหาดังกล่าวก็จะทำความเข้าใจกันได้อย่างแน่นอน

ส่วนที่นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เสนอให้ประเทศไทยมีนายกฯ 2 คน เพื่อสร้างความสมานฉันท์นั้น นายเทพไท กล่าวว่า ไม่แปลกใจในความคิดดังกล่าว เพราะยิ่งนานวันก็ยิ่งฟั่นเฟือนไปเรื่อย ๆ ตนเข้าใจว่า จ.สระแก้ว อยู่ใกล้กับประเทศกัมพูชา นายเสนาะอาจซึมซับประเทศกัมพูชาในวันที่มีนายกฯ 2 คน จึงนำความคิดนั้นมาใช้กับประเทศไทย ซึ่งไม่เหมาะกับประเทศไทย เพราะคนไทยไม่ยอมรับความคิดนี้แน่นอน

* พท.แฉมหาดไทยกลิ่นตุอีก

ที่รัฐสภา นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส. สัดส่วน พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ได้รับหนังสือร้องเรียนจากข้าราชการกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ว่า มีฝ่ายการเมืองใช้อำนาจแทรกแซงการดำเนินงานของข้าราชการในโครงการจัดทำระบบให้บริการประชาชนทางด้านการทะเบียนและบัตรประชาชนแบบใหม่ กระทรวงมหาดไทย ประจำปี 2553 ภายใต้งบประมาณ 3,000 ล้านบาท เพื่อหวังเอื้อประโยชน์ให้เอกชนบางราย ทำให้มีข้าราชการ จำนวน 13 คน คัดค้านการทำทีโออาร์โครงการดังกล่าว จนถูกโยกย้ายอย่างไม่เป็นธรรมผ่านวิธีการที่แนบเนียน โดยให้ส่วนราชการในจังหวัด ต่าง ๆ รวมถึงศูนย์อำนวยการบริหารส่วนจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ทำหนังสือขอตัวข้าราชการกลุ่มนี้ไปช่วยราช การระหว่างวันที่ 18 ม.ค.-31 มี.ค. 2553 และระหว่างนี้ก็เร่งทำทีโออาร์ ซึ่งได้มีการ ลงนามไปเมื่อวันที่ 9 ก.พ. ที่ผ่านมา

* ส.ส. สายเสมอเลื่อนเปิดประชุม

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้นัดประชุมสภาในเวลา 09.00 น. แต่ปรากฏว่าจนถึงเวลา 09.20 น. มี ส.ส. มาลงชื่อเข้าประชุมเพียง 175 คน จาก 475 คน ถือว่าไม่ครบองค์ประชุมซึ่งต้องมีจำนวนกึ่งหนึ่ง คือ 238 คน นายชัยจึงสั่งเลื่อนประชุมออกไปเป็นเวลา 10.00 น. และเมื่อถึงเวลา ที่ประชุมได้พิจารณาร่าง ข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของ ส.ส. และกรรมาธิการ พ.ศ. ... ซึ่งค้างมาจากการประชุมสภาล่มเมื่อวันที่ 3 ก.พ. ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามก่อนการลงมติในวันเดียวกันนี้ ประธานได้ให้สมาชิกเสียบบัตรแสดงตน แต่นายธนา ชีรวินิจ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้นับจำนวน ส.ส. ที่อยู่ในห้องประชุมแทนการเสียบบัตร ทำให้ ส.ส. ฝ่ายค้านส่วนใหญ่เดินออกจากห้องประชุม อย่างไรก็ดีนายชัย ได้อาศัยอำนาจตามข้อบังคับที่ 25 ทดสอบการนับองค์ประชุมทั้งสองวิธี ปรากฏว่ามีจำนวนใกล้เคียงกัน ในที่สุดนายชัย วินิจฉัยว่าจะใช้วิธีเสียบบัตรปรากฏว่ามี ส.ส. แสดงตน 257 คน ถือว่าองค์ประชุมครบ เพราะเสียงเกินกึ่งหนึ่ง

* วิปรัฐบาลดองญัตติแก้ไข รธน.

ที่รัฐสภา เวลา 14.00 น. มีการประชุมวิปรัฐบาลเพื่อหารือถึงวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภาในวันที่ 11 ก.พ. เวลา 10.00 น. นายวิทยา แก้วภราดัย ประธานวิปรัฐบาล เปิดเผยภายหลังการหารือนานกว่า 1 ชั่วโมงว่า ที่ประชุมเห็นว่าควรเลื่อนกรอบเจรจากับต่างประเทศตามมาตรา 190 จำนวน 4 เรื่อง ขึ้นมาพิจารณาก่อนญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะประเทศมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องลงนามสนธิสัญญากับประเทศต่าง ๆ ในเดือน มี.ค. ที่จะถึงนี้ ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พรรคร่วมรัฐบาลส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ยกไปพิจารณาในเดือนหน้าก็ได้

ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า ได้แจ้ง ข้อสรุปของวิปรัฐบาลไปยังนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา รวมทั้งวิปวุฒิสภา และฝ่ายค้านให้ทราบแล้ว ซึ่งก็เห็นด้วยกับการเลื่อนญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญออกไป อย่างไรก็ตามไม่คิดว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะมีปัญหา เพราะเมื่อยืดระยะเวลาออกไปก็อาจทำให้พรรคร่วมรัฐบาลได้เตรียมตัวอภิปราย เพื่อโน้มน้าว สมาชิกรัฐสภาให้เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ ยังเห็นว่าหากนำมาพิจารณาทันทีอาจส่งผลต่อสถานการณ์ความรุนแรงภายนอกสภา ดังนั้นพรรคร่วมจึงเห็นว่าควรเลื่อนออกไป

* พรรคร่วมเสียงอ่อยหวั่นเกิดศึก

ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจเสียงสมาชิกพรรคร่วมแค่ไหนว่าจะเห็นด้วยกับการเสนอเลื่อนวาระพิจารณาญัต ติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ออกไป นายวิทยา กล่าวว่า ได้ถามตัวแทนพรรคร่วมทุกพรรคแล้วเห็นพ้องต้องกันว่าควรเลื่อนออกไป

นพ.อลงกต มณีกาศ วิปรัฐบาล จากพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า พรรคร่วมรัฐบาลเห็นตรงกันว่าควรจะพิจารณากรอบข้อตกลงระหว่างประเทศก่อน เพราะไม่ต้องการให้เกิดการเผชิญหน้ากันในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงขอให้นำญัตติแก้ไขรัฐธรรม นูญไปพิจารณาในการประชุมร่วมรัฐสภา ครั้งหน้า

นายภราดร ปริศนานันทกุล วิปรัฐบาล จากพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า จำเป็นที่จะต้องนำข้อตกลง 6 เรื่องขึ้นมาพิจารณาก่อน ซึ่งยังไม่ทราบว่าสมาชิกรัฐสภาจะใช้ เวลาในการอภิปรายมากน้อยแค่ไหน และคิดว่าคงจะพิจารณาญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ทันในการประชุมวันที่ 11 ก.พ. นี้ ส่วนจะมีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาในครั้งต่อไปวันใดนั้นคงต้องขึ้นอยู่กับประธานรัฐสภาจะ เป็นผู้กำหนด

* เพื่อแม้วฉะปู่ชัยยัดไส้

ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 17.00 น. นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน เปิดเผยผลการประชุม ส.ส. และวิปฝ่ายค้านว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทยยังไม่ตัดสินใจว่าจะลงมติในญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะรอดูท่าทีของ 5 พรรคร่วมรัฐบาลในการประชุมก่อนว่ากล้าที่จะนำเสนอสิ่งที่ตัวเองต้องการเพียงใด ทั้งนี้น่าสังเกตว่าเหตุใดนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ซึ่งเป็น ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล จึงเร่งบรรจุเรื่องที่เสนอใหม่เพิ่ม เติมเข้าสู่การประชุมร่วม จำนวน 2 ญัตติตามกรอบการพิจารณามาตรา 190 คือ กรอบการเจรจาข้อตกลงการจัดตั้ง Credit Guara*tee a*d I*vestme*t Facility (CGIF) และกรอบวงเงินทุนจัดตั้งในส่วนที่ประเทศไทยจะต้องชำระ และร่างความตกลงมาตรการริเริ่มเชียงใหม่เป็นพหุภาคี โดยได้แจกให้สมาชิกเมื่อเวลา 16.00 น. ของวันที่ 10 ก.พ. ซึ่งไม่มีทางทันต่อเวลา

* ถล่มรัฐนาวาซูเอี๋ยผลประโยชน์

ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยประเมินว่าพรรคประชาธิปัตย์จะขอเลื่อนวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นวาระเร่งด่วนที่หนึ่งและสองออกไป จากนั้นก็เสนอเลื่อนญัตติเพิ่มเติมว่าด้วยกรอบการเจรจาตามมาตรา 190 มาพิจารณาแทน เพราะทราบว่ามีการเจรจาแลกเปลี่ยนบางอย่างเรียบร้อยแล้ว พรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมรัฐบาลก็วินวินกันทั้งคู่ พรรคเพื่อไทยรู้ทันว่า 5 พรรคร่วมไม่มีเจตนาแก้ไขรัฐธรรมนูญจริง ดังนั้นเราจะไม่ยอมเป็นเครื่องมือของใคร ขณะเดียวกันขอย้ำอีกครั้งว่าพรรคเพื่อไทยยึดมั่นในมติเดิมคือต้องนำรัฐธรรมนูญปี 2540 กลับมาบังคับใช้เท่านั้น

* พันธมิตรฯถล่มพ่อ-ลูกชิดชอบ

ที่บ้านพระอาทิตย์ นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯและนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกกลุ่มพันธมิตรฯ ร่วมกันแถลงกรณีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาในวันที่ 11 ก.พ. เพื่อพิจารณาญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการกระทำขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 270 ส่อเป็นการจงใจในการใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ

นายปานเทพ กล่าวว่า สิ่งที่พันธมิตรฯ กังวลในการรวบรัดเอาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งสองฉบับเข้าที่ประชุมสภาได้เป็นจริงแล้ว ถือเป็นเจตนาอีกครั้งหนึ่งของนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งต่อสังคม ทั้งนี้ขอถามนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ว่า การที่นายเนวินประกาศว่ารับไม่ได้ต่อการละเมิดองคมนตรี แต่นายชัยกลับปล่อยให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของ คปพร. เข้าสู่การประชุมสภาเป็นการเปลี่ยนจุดยืนกลับไปกลับมาใช่หรือไม่

* ขึงพืดเติ้งร่วมสร้างวิกฤติ

นายสุริยะใส กล่าวว่า ร่าง คปพร. นอกจากจะไม่มีกฎหมายรองรับแล้ว ยังพบว่ามีหลักฐานการล่ารายชื่อของประชาชนกว่า 71,543 คนไม่สมบูรณ์ จึงมองว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวอาจเป็นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเถื่อนได้ จึงอยากถามนายชัยว่าทำหลิ่วตาปล่อยให้ร่างดังกล่าวดันเข้าสู่สภาได้อย่างไร การกระทำให้ครั้งนี้อาจเป็นการลับ ลวง พราง กับพรรคเพื่อไทย เพื่อผลักดันให้มีการนิรโทษกรรมทางการเมือง ซึ่งถ้าในอนาคตเกิดวิกฤติรัฐธรรมนูญขึ้นมา นายชัย นายเนวิน และนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะผู้ริเริ่มแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2 มาตรา จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 11 ก.พ. นายพิภพ จะเดินทางไปยื่นแสดงตนต่อ นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เพื่อขอถอดถอนนายชัย ฐานจงใจใช้อำนาจกระทำการขัดต่อรัฐธรรมนูญ

* วิปสภาสูงให้เป็นเอกสิทธิ์ ส.ว.

รายงานข่าวจากวุฒิสภาแจ้งว่า ช่วงบ่ายวันที่ 10 ก.พ. คณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) ได้หารือถึง ท่าทีของ ส.ว. ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภาวันที่ 11 ก.พ. โดยวิปวุฒิบางส่วนที่มาจากกลุ่ม ส.ว.เลือกตั้งเห็นว่าควรพิจารณาเรื่องรัฐธรรมนูญไปเลย ขณะที่วิปส่วนใหญ่ที่เป็น ส.ว.สายผู้ใหญ่ มองว่า หากถึงขั้นมีการโหวตแล้วเกิดมีสมาชิกเกินกึ่งหนึ่งรับหลักการ ทำให้ต้องมีการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญตอนนี้จริงจะยิ่งทำให้สถานการณ์วุ่นวายมากขึ้น จึงควรพักไว้ก่อน เช่นเดียวกับวิปที่มาจาก ส.ว.สรรหา มองว่า ควรเลื่อนวาระอื่นขึ้นมาพิจารณา อย่างไรก็ตามที่สุดที่ประชุมวิปวุฒิสภาไม่ได้มีมติให้ ส.ว. โหวตไปในทางเดียวกัน หากมีการเสนอในที่ประชุมรัฐสภาว่าให้นำญัตติอื่นขึ้นมาพิจารณาก่อน โดยให้เป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละคนในการตัดสินใจ

*มาร์คโอ๋ภาคกลางหัวใจ ปชป.

เมื่อเวลา 18.00 น. ที่ร้านอาหารทีเฮาส์ ถนนพระรามที่ 6 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รับผิดชอบพื้นที่ภาคกลาง ได้นัดเลี้ยงสังสรรค์ ส.ส.ภาคกลาง โดยแกนนำพรรคได้เดินทางมาร่วมด้วย อาทิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองหัวหน้าพรรค นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค และรัฐมนตรีของพรรค อาทิ นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช. พาณิชย์ นายธีระ สลักเพชร รมว.วัฒนธรรม นอกจากนี้ยังมี ส.ส.กรุงเทพฯ จำนวนหนึ่งมาเข้าร่วมด้วยเช่นกัน ทั้งนี้นายอภิสิทธิ์ ได้อยู่ร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ไม่ถึง 1 ชั่วโมง ก็ได้เดินทางออกไปประชุมที่บ้านพิษณุโลก

นายเฉลิมชัย เปิดเผยว่า นายอภิสิทธิ์ บอกว่าหัวใจของพรรคประชาธิปัตย์ คือ ภาคกลาง เพราะฉะนั้นเราต้องเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน นายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคจะให้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาติดตามโครงการไทยเข้มแข็งด้วย นอกจากนี้ตนจะตั้งคณะทำงานเพื่อดูแลงบประมาณที่ภาคกลางควรจะได้รับด้วย และ ส.ส.ภาคกลางจะมีการสังสรรค์กันทุกเดือน โดยจะเชิญ ส.ส. ภาคอื่นร่วมด้วย.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook