เอสเอ็มอี 9 แสนรายจ่อปากเหว

เอสเอ็มอี 9 แสนรายจ่อปากเหว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เผยกองทุนข้ามชาติจ้องกวาด รับมรดกปล่อยย่ำอยู่กับที่ระวัง

นายอาทิตย์ วุฒิคะโร อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่าภาครัฐเป็นห่วง ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 9 แสนราย หรือ 1 ใน 3 ของเอสเอ็มอีทั่วประเทศมาก เนื่องจากไม่ปรับเปลี่ยนแผนธุรกิจให้ทันต่อสถานการณ์การแข่งขันธุรกิจที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการดั้งเดิมที่ดำเนินกิจการมานานแล้วจึงไม่ต้องการปรับปรุงหรือพัฒนากิจการไปแข่งขันกับใคร ดังนั้นหากเศรษฐกิจชะลอตัวอีกครั้ง หรือบริษัทข้ามชาติเข้ามาในไทยมากขึ้นตามนโยบายการเปิดการค้าเสรีอาจเสี่ยงต่อการปิดกิจการได้ง่ายสุด

แบ่งเอสเอ็มอีไว้ 3 กลุ่ม โดย กลุ่มแรกเป็นกลุ่มที่ปรับตัวแข่งขันได้แล้ว กลุ่ม ที่สองกำลังหาวิธีการปรับตัวและกลุ่มสาม ไม่ยอมรับการปรับเปลี่ยนตัวเอง เบื้องต้นกรมฯ คงต้องให้ความสำคัญกับกลุ่มที่สองก่อน เพราะพร้อมที่จะยอมรับความช่วยเหลือจากภาครทั้งความรู้และแหล่งเงินทุน ส่วนกลุ่มที่สามหากจะช่วยก็คงต้องรอทายาท เข้ามาดำเนินกิจการก่อน

สำหรับเอสเอ็มอีที่อยู่ในกลุ่มที่ ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง พบว่าจะปะปนในกลุ่มอาหาร สิ่งทอ รองเท้า เสื้อผ้า ขายกาแฟและร้านค้าขายของ

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร สสว. ได้อนุมัติแผนปฏิบัติการส่งเสริมเอสเอ็มอีในปี 54 โดยใช้งบประมาณ เข้าไปช่วยเหลือและพัฒนาเอสเอ็มอี 2,214 ล้านบาท แบ่งงบจาก สสว. 1,545 ล้านบาท และงบที่จะขอในภารกิจพื้นฐานของกระทรวงอุตสาหกรรมปี 54 อีก 669 ล้านบาท

ทั้งนี้มีเป้าหมายสร้างผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรายใหม่เพิ่มไม่น้อยกว่า 6 หมื่นกิจการ จากปัจจุบัน 2.82 ล้านกิจการ พร้อมทั้งสนับสนุนให้การส่งออกของเอสเอ็มอีขยายตัวไม่ต่ำกว่า 10% หรือเพิ่มมูล ค่าอีก 1.7 แสนล้านบาท

ยอมรับว่างบประมาณปี 54 ที่จะอไปมากสุดในรอบหลายปี โดยในปี 53 สสว. ได้งบประมาณมาเพียง 266 ล้านบาท และจากโครงการไทยเข้มแข็งอีก 300 ล้านบาท ซึ่งในอดีต สสว.เคยได้รับงบประมาณในระดับ 1,000-2,000 ล้านบาท แต่เมื่อมีปัญหาในเรื่องความโปร่งใสจึงถูกตัดงบไปมาก โดยผมเข้ามารับตำแหน่งเมื่อปลายปี 52 จะพยายามสร้างชื่อเสียง สสว. ให้กลับคืนมา

สำหรับงบประมาณ สสว. 1,545 ล้านบาท ได้แก่ สร้างความเข้มแข็งเอสเอ็ม อีให้ไปสู่ความยั่งยืน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และผลิตผลการผลิต การเพิ่มมูลค่าให้แก่ สินค้าและบริการ สร้างโอกาสให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน และส่งเสริมการพัฒนาการผลิตได้มาตรฐาน มีทั้งหมด 15 โครงการใช้เงิน 525 ล้านบาท.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook