เหยื่อ ซานติก้า ครวญ1ปีไม่ได้รับการช่วยเหลือ

เหยื่อ ซานติก้า ครวญ1ปีไม่ได้รับการช่วยเหลือ

เหยื่อ ซานติก้า ครวญ1ปีไม่ได้รับการช่วยเหลือ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เหยื่อ ซานติก้าครวญ ยังไม่ได้รับค่าชดเชย ทุกวันนี้ไม่มีใครเหลียวแล วอนขอค่ารักษาพยาบาลจากกรมคุ้มครองสิทธิ ก.ยุติธรรมเป็นเวลา 2 ปี โดยขอเงินเพิ่มเป็น 1.8 แสนบาท หลังเจ้าของซานติก้าให้เงินแค่ 2 หมื่น

ครบ 1 ปีของโศกนาฏกรรมซานติก้าผับ เมื่อวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2551 ซึ่งน.ส.อนุสรา คลี่สุข อายุ 31 ปี ชาวอำเภอครบุรี จ.นครราชสีมา เป็นหนึ่งในผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น และจากเหตุการณ์ไฟไหม้ซานติก้าผับ ทำให้น.ส.อนุสรา ต้องพิการไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เนื่องจากสมองขาดออกซิเจนเป็นเวลานาน ก่อนจะเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลกรุงเทพ และย้ายมารักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โดยอาการของน.ส.อนุสรา ดีขึ้นตามลำดับ ก่อนที่แพทย์จะให้กลับมาพักฟื้นที่บ้านพัก ในบ้านเลขที่ 222 ม. 3 ต.แชะ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา เมื่อต้นเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา โดยมีดาบตำรวจประกอบ และนางสมบัติ คลี่สุข พ่อและมารดา ของน.ส.อนุสรา คอยดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะน.ส.อนุสราเป็นลูกสาวคนสุดท้องคนเดียวของครอบครัวคลี่สุข ในบรรดาพี่น้อง 3 คน

ดาบตำรวจประกอบ คลี่สุข อายุ 60 ปี อดีตผู้บังคับหมู่งานสืบสวนปราบปราม สภ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ผู้เป็นบิดา กล่าวว่า หลังจากที่ลูกสาวประสบเหตุไฟไหม้ซานติก้าผับ จนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ตนเองและภรรยาจะต้องมาดูแลบุตรสาวอย่างใกล้ ชิด รวมถึงจะต้องจ้างพยาบาลมาช่วยในการทำกายภาพบำบัดให้กับบุตรสาว เดือนละไม่ต่ำกว่า 9,000 บาท เดิมบุตรสาวจะเปิดร้านอินเตอร์เน็ตอยู่บริเวณหน้าบ้าน จะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 300 บาทต่อวัน ซึ่งเงินส่วนนี้สามารถมาจุนเจือครอบครัวได้ส่วนหนึ่ง เนื่องจากบุตรสาวยังไม่มีครอบครัว แต่หลังจากที่บุตรสาวประสบเหตุทำให้รายได้ส่วนนี้หายไปรวมทั้งร้านอินเตอร์ ก็ต้องปิดตังลงเนื่องจากไม่มีคนดำเนินกิจการต่อ

สำหรับอาการของบุตรสาวขณะนี้หลังจากกลับมาพักฟื้นที่บ้านได้เกือบ 4 เดือน อาการดีขึ้นสามารถขยับแขน ขา ได้ และสามารถจำสิ่งต่างๆรอบตัวได้มากขึ้น แต่ยังไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองหรือเดินได้ ยังจำเป็นที่จะต้องนั่งรถเข็น และให้ตนเองและภรรยาเคยประคองเวลาเดินหรือกายภาพบำบัด ทั้งนี้ตนเองมีความหวังว่าอยากให้บุตรสาวมีอาการที่ดีขึ้น และเชื่อมั่นว่าบุตรสาวของตนเองน่าจะกลับมาเป็นปกติภายในปี 2553 ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องที่ยากแต่ตนเองและภรรยา จะพยายามดูแลรักษาให้บุตรสาวหายเป็นปกติให้ได้ ไม่ว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าไรก็ตาม

สำหรับอาชีพข้าราชการตำรวจนั้นตนเองได้ยื่นเรื่องขอเออร์ลี่เพื่ออกมา ดูแลบุตรสาว เมื่อเดือนตุลาคม 2552 ที่ผ่านมา และได้รับเงินบำนาญเป็นค่าใช้จ่ายภายในครอบครัวเดือนละ 12,000 บาท ซึ่งเงินจำนวนนี้แทบจะไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของครอบครัว รวมถึงค่าจ้างพยาบาลมาช่วยในการทำกายภาพบำบัดให้กับบุตรสาว จึงจำเป็นต้องรัดเข็มขัดใช้จ่ายอย่างประหยัดที่สุด เพราะตนเองรวมถึงภรรยาคู่ชีวิตก็ไม่มีรายได้อื่นนอกเหนือจากนี้ แต่ถึงแม้ว่าจะต้องลำบากยากแค้นอย่างไร ตนเองก็ไม่ตัดใจและเลือกที่จะจ่ายเงินเดือนละกว่า 9,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างพยาบาลมาทำกายภาพบำบัดเพื่อให้ลูกของตนเอง หายกลับมาเป็นปกติ

สำหรับในส่วนการให้ความช่วยเหลือจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากผู้ประกอบการซานติก้าผับ นั้น ที่ผ่านมายังไม่เคยได้รับการช่วยเหลือใดๆทั้งสิ้น นอกเหนือจากเงินที่ทางผู้ประกอบการให้มาในเบื้องต้น 20,000 บาท เท่านั้นตั้งแต่หลังเกิดเหตุ โดยเงินจำนวนนี้ได้หมดไปกับการรักษาในช่วงแรกแล้ว แต่ยังโชคดีที่ทางโรงพยาบาลกรุงเทพฯและโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาที่ให้การ รักษาบุตรสาวให้การช่วยเหลือเรื่องเงินค่ารักษาทั้งหมด และถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ทางกรมคุ้มครองสิทธิ กระทรวงยุติธรรมจะเสนอความช่วยเหลือมาเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาอาการบุตรสาว เป็นเวลา 1 ปี ในจำนวนเงิน 90,000 บาท แต่ตนเองเห็นว่ายังเป็นเงินจำนวนที่น้อยเกินไป จึงยังไม่ขอเซ็นต์รับเพราะอาจจะเกิดปัญหาตามมาได้ ทั้งนี้อยากจะขอต่อรองให้ยืดระยะเวลาการช่วยเหลือบุตรสาวเป็น 2 ปี หรือช่วยเงินค่ารักษาเป็น 2 เท่า ถึงจะยินยอม

"อย่างไรก็ตาม ตนเองอยากจะให้ผู้ประกอบการออกมาแสดงความรับผิดชอบช่วยเหลือผู้ที่ได้รับ เคราะห์ทุกรายให้ดีกว่านี้ ไม่เฉพาะบุตรสาวของตัวเอง ทั้งนี้ อยากจะฝากไปยังผู้ประกอบการสถานบันเทิงทุกแห่ง ควรใส่ใจในความปลอดภัยของประชาชนที่เข้าไปใช้บริการอย่างจริงจัง ไม่หวังแต่เพียงผลประโยชน์เพียงอย่างเดียว ที่สำคัญหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องควรเอาจริงเอาจังกับกับการบังคับใช้ กฎหมายกับสถานบันเทิงต่างๆอย่างเข้มงวดไม่ควรปล่อยปะละเลย"ดต.ประกอบ กล่าว

ในขณะที่ น.ส.อนุสรา คลี่สุข เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุการณ์ซานติก้าผับ กล่าวเพียงสั้นๆว่า ตอนนี้อาการดีขึ้นแล้วส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองจำไม่ได้ และไม่อยากจำ เรื่องร้ายๆควรลืมมันไปอย่าไปจดจำมันเลย

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook