สรุปสถานการณ์ยูเครน สัปดาห์ที่ 32 รัสเซียถอยเมืองสำคัญ
สถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ผ่านไปแล้ว 32 สัปดาห์ และก็เป็นอีกสัปดาห์หนึ่งที่ฝ่ายยูเครนมีความคืบหน้าในการยึดพื้นที่คืนจากการยึดครองของรัสเซีย ขณะเดียวกันรัสเซียก็มีการจัดประชามติในพื้นที่ 4 จังหวัดทางตะวันออกและใต้ของยูเครน และเดินหน้าผนวกดินแดนเหล่านี้
รัสเซียจัดประชามติ 4 จังหวัดยูเครน
เมื่อวันที่ 23-27 ก.ย. มีการจัดทำประชามติในพื้นที่ 4 จังหวัดทางภาคตะวันออกและภาคใต้ของยูเครนได้ ได้แก่ จ.ลูฮันสก์ จ.โดเนตสก์ จ.ซาปอริชเชีย และ จ.แคร์ซอน โดยให้ประชาชนเลือกว่าต้องการรวมประเทศกับรัสเซียหรือไม่
แม้รัสเซียอ้างว่าผลออกมาถล่มทลายว่าผู้คนในเดินแดนเหล่านี้ต้องการรวมดินแดนเข้ากับรัสเซีย แต่ประชามตินี้้ก็เกิดขึ้นท่ามกลางคำถามถึงความโปร่งใส และการรายงานจากสื่อตะวันตกว่ามีการบังคับให้ประชาชนในพื้นที่ออกเสียงไปทางที่รัสเซียต้องการ ขณะที่ประชาชนในพื้นที่ตัวจริงจำนวนมากลี้ภัยสงครามไปอาศัยยังที่อื่นจำนวนมาก
เหตุนี้ทำให้หลายฝ่ายมองว่าประชามติครั้งนี้ไม่เป็นที่ยอมรับนัก
อย่างไรก็ตาม นายวลาดิมีร์ ปูติน ก็เดินหน้าผนวกดินแดนเหล่านี้โดยอ้างผลจากการทำประชามติ ทั้งยังลงนามในเอกสารฉบับหนึ่งในการผนวก 4 จังหวัดดังกล่าว และล่าสุดเมื่อวันจันทร์ (3 ต.ค.) รัฐสภารัสเซียก็ลงมติด้วยเสียงเอกฉันท์ ยอมรับการผนวกดินแดนดังกล่าว
ยูเครนยึดเมืองลีแมนคืนสำเร็จ
แม้รัสเซียประกาศกับชาวโลกว่าดินแดนเหล่านั้นเป็นของรัสเซียแล้ว แต่หน้างานจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเมื่อวันเสาร์ (1 ต.ค.) กองทัพยูเครนเผยว่าล้อมเมืองลีมัน ใน จ.โดเนตสก์ เอาไว้ได้ และล้อมทหารรัสเซียหลายพันคนที่อยู่ด้านในเอาไว้
เมืองนี้ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการขนส่งกำลังและเสบียงป้อนให้กับกองทัพรัสเซีย การยึดเมืองนี้คืนได้ หลายฝ่ายจึงมองว่าอาจเป็นจุดเปลี่ยนของสงครามครั้งนี้
ด้านนายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน กล่าวว่า นอกจากที่เมืองลีมันแล้ว ยูเครนยังรุกคืบพื้นที่ใน จ.แคร์ซอน ทางใต้ของประเทศได้ด้วย
ลุยผนวก แต่ไม่ชัวร์เขตแดน
การที่กองทัพยูเครนทยอยยึดคืนพื้นที่เหล่านี้ได้ สร้างความไม่มั่นใจให้กับรัฐบาลรัสเซียเช่นกัน เพราะระหว่างการแถลงข่าเมื่อวันจันทร์ (3 ต.ค.) โฆษกประจำสำนักประธานาธิบดีรัสเซีย นายดมิตรี เปียสกอฟ กล่าวว่า เส้นเขตแดนยังไม่ได้กำหนดอย่างชัดเจนในขณะนี้
"เราจะปรึกษากับประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าวเสียก่อน"
นายเปียสกอฟไม่ได้ระบุด้วยว่าการ "ปรึกษา" ดังกล่าวจะทำขึ้นในรูปแบบใด
สหรัฐเตือนเจอหนักหากรัสเซียใช้นิวเคลียร์
เมื่อรัสเซียดูเหมือนจะค่อยๆ ถูกกดดันให้ถอยจากพื้นที่ต่างๆ ที่ยึดครองเรื่อยๆ นายปูตินก็ขู่ออกมาเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้าว่าอาจใช้อาวุธนิวเคลียร์เเป็นอีกทางเลือกในการต่อสู้ ทำให้นายเจก ซัลลิแวน ที่ปรึกษาประธานาธิบดีสหรัฐด้านความมั่นคง กล่าวตอบโต้ไปว่า สหรัฐจะใช้วิธีที่เด็ดขาดในการตอบโต้รัสเซีย
ส่วนเมื่อวันอาทิตย์ (2 ต.ค.) ก็มีความเห็นเรื่องนี้ออกมาจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐ นายลอยด์ ออสติน ผ่านสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นว่า การใช้นิวเคลียร์มาขู่นั้นไม่ใช่สิ่งที่สหรัฐคาดหวังว่าจะได้ยินออกมาจากปากผู้นำประเทศขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพด้านการทหาร
นอร์ดสตรีมรั่ว คาดก่อวินาศกรรม
อีกด้านหน้าที่น่าจับตามองไม่แพ้กัน คือ ด้านพลังงาน เพราะรัสเซียเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญของยุโรป แต่หลังจากการที่สหภาพยุโรปตัดสินใจคว่ำบาตรรัสเซียจากการรุกรานยูเครน ทำให้การค้าพลังงานระหว่างกันจำกัดและชะงักลง โดยเฉพาะ โครงการท่อส่งก๊าซนอร์ดสตรีม 2
แต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็เกิดเรื่องขึ้นกับท่อส่งก๊าซทั้งนอร์ดสตรีม 1 และ 2 หลังจากพบว่ามีก๊าซปริมาณมหาศาลรั่วออกมาจากท่อก๊าซเหล่านี้ในน่านน้ำของสวีเดนและเดนมาร์กถึง 4 จุด
ผู้นำหลายคนในสหภาพยุโรป เชื่อว่าน่าจะเป็นการก่อวินาศกรรม และแม้ไม่ได้ระบุว่าใครอยู่เบื้องหลัง แต่หลายฝ่ายก็โยงไปแล้วว่า น่าจะหมายถึงรัสเซีย แต่ฝ่ายรัสเซียก็ตอบโต้ว่า น่านน้ำดังกล่าวมีสายตาจับจ้องจากหน่วยข่าวกรองของสหรัฐอย่างหนัก จึงเป็นไปไม่ได้ที่รัสเซียจะเข้าไปก่อเหตุ
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันจันทร์ (3 ต.ค.) เจ้าหน้าที่ตระเวนชายฝั่งของสวีเดน เผยว่าไม่พบการรั่วไหลแล้ว