ปชช.ขอมาร์คแก้ศก.ดีทักษิณหยุดของขวัญปีใหม่

ปชช.ขอมาร์คแก้ศก.ดีทักษิณหยุดของขวัญปีใหม่

ปชช.ขอมาร์คแก้ศก.ดีทักษิณหยุดของขวัญปีใหม่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คมชัดลึก :สวน ดุสิตโพลระบุประชาชนอยากให้"อภิสิทธิ์"บริหารบ้านเมืองและเศรษฐกิจให้ดี และ"ทักษิณ" หยุดการกระทำที่ส่งผลเสียต่อประเทศชาติ เป็นของขวัญปีใหม่ นายกรัฐมนตรีมั่นใจรายได้ของประเทศจะเพิ่มขึ้น3.5%ในปีหน้า

 

(20ธ.ค.)สวนดุสิตโพล เปิดเผย ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่องคนไทยกับปีใหม่ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 70.19% จะไปร่วมงานฉลองปีใหม่ตามสถานที่จัดงานต่างๆ ส่วนความ วิตกกังวลช่วงปีใหม่พบว่า เป็นห่วงเรื่องอุบัติเหตุตามท้องถนน การเบียดเสียดในสถานที่ ที่มีคนจำนวนมาก การสร้างสถานการณ์จากผู้ไม่หวังดี 

ส่วนของขวัญ ที่ประชาชนอยากได้จากนักการเมือง คือ ความสามัคคี 35.44% รองลงมา คือการยึดมั่นในการเป็นนักการเมืองทีดี ซื่อสัตย์ สุจริต และตั้งใจทำงานเพื่อประชาชน นอกจากนี้ ยังสำรวจเรื่องของขวัญที่ประชาชนอยากให้จากนายรัฐมนตรี พบว่า ประชาชน 43.55% จะให้กำลังใจนายกในการบริหารประเทศ และคำอวยพร  ส่วนของขวัญที่อยากได้จากนายกรัฐมนตรี 36.64% ขอให้นายกตั้งใจทำงานอดทน เพื่อบ้านเมืองต่อไป และขอให้แก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ดียิ่งขึ้น และ ของขวัญปีใหม่ที่ประชาชนอยากได้ จากอดีตนายกทักษิณ คือ การหยุดการกระทำที่ส่งผลเสียต่อประเทศชาติ 68.31% ขณะที่ 13.78% ขอให้กลับมาสู้คดี เพื่อสะสางปัญหาต่างๆ โดยของขวัญที่ประชาชนอยากให้ พ.ต.ท. ทักษิณ คือกำลังใจ

อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจยังพบว่า ปีใหม่นี้ ประชาชน จะออกเดินทางท่องเที่ยวต่างจังหวัด สูงถึง 54.14% และของขวัญที่ยังนิยมมอบให้ญาติผู้ใหญ่ คือกระเช้าของขวัญตามด้วยการ์ดอวยพร และสิ่งของมีค่า

 

นายกฯมั่นใจรายได้ของประเทศจะเพิ่มขึ้น3.5%ในปีหน้า

ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายก รัฐมนตรี กล่าวในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ โดยกล่าวถึงการเดินทางไปประชุมลดภาวะโลกร้อน ณ กรุงโคเปนเฮเก้น ประเทศเดนมาร์ก ซึ่งบันทึกเทปรายการผ่านวีดีโอ คอนเฟอร์เร๊นซ์ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ โดยกล่าวว่า ประเทศไทย เตรียมบรรจุเรื่องนี้ เข้าไปในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการทำงานของอาเซียนว่า ยังมีอุปสรรคเรื่องปัญหาความยากจน และความเป็นอยู่ของประชาชน ของประเทศกำลังพัฒนา โดยในส่วนของไทยทำตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่องการปลูกป่า และการแก้ปัญหาที่ทำกิน เรื่องโฉนดชุมชน โดยไม่มีส่งผลกระทบต่อป่าไม้ในส่วนของอาเซียน จะรับผิดชอบแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับขีดความสามารถ แต่สิ่งที่ทำร่วมกัน คือ เรื่องปัญหาหมอกควัน และการแลกเปลี่ยนด้านข้อมูล ที่ต้องร่วมกันแก้ไข เพราะจะมีผลกระทบตามมามาก ทั้ง ระดับน้ำที่สูงขึ้น จึงอยากให้คนไทยตระหนักถึงเรื่องนี้ เพื่ออนาคตของลูกหลาน

สำหรับการแถลงผลงาน 1 ปีที่ผ่ารนมาของรัฐบาล ในวันที่ 23 ธันวาคมนี้ จะมี 3 ส่วน คือ ภาพรวมว่าเดินไปในทิศทางไหน ซึ่งรัฐบาลมาทำงานในภาวะวิกฤติซ้ำซ้อน ทั้ง วิกฤติเศรษฐกิจ และการเมือง จากก่อนหน้านี้ ที่ต่างชาติ มองว่า ไทยอาจเป็นรัฐที่ล้มเหลว แต่ที่ผ่านมา เป็นรัฐบาลที่สามารถผลักดันกฎหมาย และข้อตกลงระหว่างประเทศได้มาก  ในส่วนของเศรษฐกิจ เรื่องจำนวนคนว่างงาน ที่คาดกันว่า อาจทะลุ 2 ล้านคน ซึ่งขณะนี้อยู่ที่ 4 แสน 6 หมื่นคน ซึ่งยังมั่นใจว่า ช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้ เศรษฐกิจจะกลับมาเป็นบวกได้ ส่วนปีหน้าคาดว่า จะบวกประมาณ 3.5% สำหรับ เชิงนโยบาย ได้ผลักดันเรื่องการเรียนฟรี ปฏิรูปการศึกษา การช่วยเหลือคนชรา และคนพิการ รวมทั้ง ช่วยเหลือเกษตรกร

นอกจากนี้ เรื่องการการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ได้ติดตามจากกระทรวงการคลัง และจะพยายามทำให้เร็วกว่ากรอบเวลาที่วางไว้ ซึ่งการประกันรายได้ เป็นตัวช่วยเสริม เพราะจะทำให้ประชาชนไม่มีหนี้ อีกทั้ง กองทุนหมู่บ้าน จะเติมเงิน และช่วยยืดเวลาชำระหนี้ นอกจากนี้ เรื่องเบี้ยยังชีพคนชรา จะทำกองทุนเงินออม เพราะคนส่วนใหญ่ไม่มีหลักประกัน ซึ่งได้อนุมัติแผนแม่บท ทั้งในระบบสถาบันการเงิน และตลาดทุน เพื่อลดช่องว่าง ระหว่าง อัตราดอกเบี้ย เงินฝากและเงินกู้ ส่งเสริมวัฒธรรมการออม

ส่วนที่หลายฝ่ายกังวล เรื่องหนี้ของประเทศจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรี ระบุว่าทุกประเทศเป็นหนี้เพิ่มมากขึ้นหมด ซึ่งของไทย อยู่ในระดับที่ยอมรับได้  ทั้งนี้ หากไม่กู้เงินเพื่อออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เศรษฐกิจจะไม่ฟื้นตัว แล้วจะทำให้ประเทศเป็นหนี้อยู่ดี ซึ่งในปีหน้า จะมีมาตรการทั้งในส่วนระยะกลาง และระยะยาว โดยประชาชนต้องรับผิดชอบตัวเอง และรัฐจะช่วยส่งเสริม ซึ่งคาดว่า รายได้ของประเทศ จะเพิ่มขึ้น 3.5% และรัฐจะพยายามกระจายไปทั่วประเทศ

 

ระบุนั่งอยู่ในตำแหน่งจะไม่ทำให้การบริหารประเทศล้มเหลว
 
นาย อภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการทำงาน 1 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาลที่มีการตั้งคำถามว่ารัฐบาลล้มเหลวหรือไม่ว่า ก็อาจจะมีคนบางกลุ่มพยายามทำอย่างนั้นอยู่ รัฐบาลมีหน้าที่ในการที่จะไม่ให้เกิดขึ้น และต้องตั้งคำถามกับคนที่ต้องการทำให้เกิดสิ่งนั้นว่าทำเพื่อใคร เพราะกว่าเราจะทำให้ต่างชาติมองเห็นว่าเรามีรัฐบาลที่มีกลไกที่สามารถทำงาน แก้ไขปัญหา ทั้งเศรษฐกิจ ด้านการต่างประเทศ ไม่ใช่ว่าทำกันได้ง่าย ๆ และถ้าหากเราปล่อยให้ประเทศอยู่ในสภาวะที่เป็นอย่างนั้น ก็จะยิ่งยากขึ้นในการที่จะชี้แจงกับต่างชาติ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับรัฐบาลนี้เพราะทำแล้วต่อไปวันข้างหน้าใครมาเป็นรัฐบาลก็ จะเหนื่อยสาหัสในการที่จะไปชี้แจงกับต่างประเทศ

เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าภายใต้การบริหารของนายอภิสิทธิ์ จะไม่นำไปสู่ความล้มเหลว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ ผมไม่ยอมให้เกิดขึ้นหรอกครับ ต้องใช้ทุกมาตรการตามกฎหมายที่มีอยู่”

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook