นายนิคม บุญวิเศษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังปวงชนไทย กล่าวหาว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ร่วมกับพวกปั่นหุ้น โดยการอนุมัติให้ใช้เงินกองทุนประกันสังคมไปซื้อหุ้นบริษัทธุรกิจพลังงานของนายสอภอ (นามสมมติ) ทำให้หุ้นของบริษัทขึ้น หลังจากนั้นบริษัทลูกของนายสอภอไปซื้อหุ้นบริษัทอรินสิริแลนด์ ของภรรยานายสุชาติ ทำให้ผลประกอบการของบริษัทที่เคยขาดทุนกลับมาได้กำไรจำนวนมาก เช่นเดียวกับหุ้นของบริษัทอรินสิริแลนด์ ทั้งที่กฎหมายกำหนดไม่ให้เอาเงินประกันสังคมไปลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง และตัวเองจะยื่นเรื่องนี้ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบ
นายสุชาติ ลุกขึ้นชี้แจงต่อทันทีว่า หน่วยงานที่มีหน้าที่ในการตัดสินใจใช้เงินทุนประกันสังคมลงทุนคือบอร์ดกองทุนประกันสังคมที่มาจากทุกภาคส่วนไม่ใช่แค่จากหน่วยงานประกันสังคมเท่านั้น บริหารงานด้วยความโปร่งใส ตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายหุ้น แต่อยากจะบอกว่าการลงทุนของประกันสังคมมีผลตอบแทนให้กับผู้ประกันตนปีละ 70,000 - 80,000 ล้านบาท
นายนิคม บุญวิเศษ ส.ส. พลังปวงชนไทย
ส่วนเรื่องหุ้นของบริษัทอรินสิริแลนด์ ที่ตัวเองเคยเป็นผู้บริหาร ตัวเองให้ความสำคัญกับข้อกฎหมายทุกฉบับและให้ความสำคัญกับกฎหมายเรื่องการขัดกันของผลประโยชน์ ตัวเองทำอะไรด้วยความโปร่งใสตลอด
"ผมยอมรับว่าก่อนที่ผมจะเป็นรัฐมนตรี และก่อนที่ผมจะเลือกตั้ง ผมก็ทำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มายาวนาน บริษัทนี้ค้าขายพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จริง ไม่ได้ค้าแป้ง ไม่ได้ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย ทุกอย่างอยู่บนโต๊ะ เสียภาษีถูกต้อง" นายสุชาติ ชมกลิ่น กล่าว
การตอบคำถามของนายสุชาติ ฟังดูคล้ายกับตั้งใจกระทบไปถึง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย และ ส.ส.พะเยา ที่เป็นตัวเดินเกมในการโหวตคว่ำรัฐบาลในศึกซักฟอกครั้งนี้ ซึ่งมีข่าวมาตั้งแต่ช่วงเช้าว่าจะโหวตไม่ไว้วางใจ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายสุชาติ รัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน
แต่ช่วงบ่ายอังคาร (19 ก.ค.) มีการเปลี่ยนเกม หลังมีกระแสข่าวว่ามีการเรียกรับเงินจำนวน 1-2 ล้านบาท เพื่อแลกกับการยกมือลงมติไว้วางใจ และกระแสข่าวว่านายสุชาติได้มาเคลียร์ใจกับกลุ่ม 16 ที่ประกอบด้วยพรรคเล็ก ในส่วนของตัวเองกับนายกรัฐมนตรี ซึ่งสอดคล้องกับที่พีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่าพรรคเล็กมีข้อตกลงร่วมกับ ร.อ.ธรรมนัส ว่าจะคว่ำ พล.อ.อนุพงษ์ และสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังแทน