สุดสงสาร เด็ก 3 ขวบกำพร้าพ่อ เหตุเก๋งชน 3 ศพ ญาติลั่น ถ้าไฟแดงไม่เสียคงไม่ตาย

สุดสงสาร เด็ก 3 ขวบกำพร้าพ่อ เหตุเก๋งชน 3 ศพ ญาติลั่น ถ้าไฟแดงไม่เสียคงไม่ตาย

สุดสงสาร เด็ก 3 ขวบกำพร้าพ่อ เหตุเก๋งชน 3 ศพ ญาติลั่น ถ้าไฟแดงไม่เสียคงไม่ตาย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สุดสงสาร เด็ก 3 ขวบกำพร้าพ่อ เหตุเก๋งชน 3 ศพ ญาติลั่นถ้าไฟแดงไม่เสีย อุบัติเหตุก็ไม่เกิด คนในพื้นที่เผยสัญญาณไฟเสียตลอด เพิ่งมาแก้ไขหลังเกิดเรื่อง

จากกรณีอุบัติเหตุ รถเก๋งชนจักรยานยนต์ 2 คน บริเวณสี่แยกไฟแดง ทุ่งสะเดา มุ่งหน้าเนินสำลี สวนสมเด็จฯ ตำบลมาบตาพุด อำเภอเมือง จังหวัดระยอง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย 

(13 ก.ค.65) เมื่อเวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าล่าสุด ว่า 1 ใน 3 รายที่เสียชีวิต ต้องทำให้ลูกชายตัวน้อย วัย 3 ขวบขาดพ่อ เป็นเด็กกำพร้าโดยทันที โดยตัวเด็กนั้นผู้เป็นอาและย่าเป็นผู้ดูแลอยู่ในช่วงนี้ และในช่วงกลางคืนเด็กยังร้องเรียกหาพ่ออยู่ตลอด คาดว่าคงต้องใช้เวลาทำใจสักระยะ กว่าเด็กจะเข้าใจว่าพ่อได้เสียชีวิตไปแล้ว ส่วนแม่ของน้อง 3 ขวบนั้นได้เลิกรากับผู้เสียชีวิตไปนานแล้วเช่นกัน 

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่งาน ฌาปนกิจ ของ 1 ในผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุในครั้งนี้ ซึ่งจัดขึ้น ที่วัดโขดหิน ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง น.ส.เพ็ชชรี น้องสาวของผู้เสียชีวิตให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองเป็นน้องสาวของนายประดิฐศร ายุ 40 ปี ผู้เสียชีวิต ตอนนี้หลานตนเองอายุ 3 ขวบ ต้องกำพร้าพ่อจากเหตุที่เกิดขึ้น ทางญาติๆ ก็ช่วยกันดูแลน้องเพราะช่วงกลางคืนน้องยังร้องเรียกหาพ่ออยู่ 

ผู้สื่อข่าวจึงได้ถามว่าหากวันเกิดเหตุไฟจราจรไม่เสียคิดว่าจะเกิดความสูญเสียหรือไม่ น.ส.เพ็ชชรี ตอบว่า ไม่เกิดขึ้นแน่นอน สำหรับการเยียวยาจากคู่กรณีนั้นได้รับเงินค่าทำศพเบื้องต้นมา 3 หมื่นบาท ส่วนเงินชดเชยอื่นและเรื่องคดีความต้องรอจัดงานศพเสร็จสิ้น จะนัดไปคุยกันที่ สภ.มาบตาพุด อีกครั้งถึงจะสรุปได้ 

ต่อมาในระหว่างที่ผู้สื่อข่าวกำลังสัมภาษณ์ น.ส.เพ็ชชรี อยู่นั้น นายศราวุฒิ อายุ 29 ปี ผู้ที่ขับรถเก๋งป้ายแดง ได้เข้ามายังที่จัดงาน เพื่อขอขมาศพผู้เสียชีวิตและพูดคุยขอโทษกับญาติของผู้เสียชีวิตถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายศราวุฒิ ให้สัมภาษณ์ว่ารู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องต้นได้จ่ายเงินเยียวยาให้ศพละ 3 หมื่นบาท มีรับไปแล้ว 2 รายส่วนอีก 1 รายทางญาติยังไม่ยอมรับเงินค่าทำศพ 

และเมื่อผู้สื่อข่าวได้ถามว่า เหตุการณ์ในวันนั้น ยืนยันว่าไฟจราจรเสียจริงหรือไม่ นายศราวุฒิ ยืนยันว่าตอนที่เกิดเหตุ ไม่มีไฟติดเลยสักดวง และ ไม่มีไฟสัญญาณแจ้งเตือนใดๆ ทั้งสิ้น ตนเองจึงขับรถผ่านแยกปกติจนเกิดเหตุการณ์ขึ้น ตนเองไม่ได้ตั้งใจที่จะให้เกิดเหตุการณ์แห่งความสูญเสียและรู้สึกเสียใจมากกับเหตุการณ์ดังกล่าว หากในวันนั้น มีไฟสัญญาณจราจรปกติหรือมีไฟกะพริบแจ้งเตือน คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ 

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ แยกตลาดลาวจุดเกิดเหตุ พอไปถึงไป พบญาติของผู้เสียชีวิต อีก 1 รายกำลังมาทำพิธีเรียกดวงวิญญาณผู้เสียชีวิตอยู่ในที่เกิดเหตุจากการสังเกตไฟจราจรในวันนี้ ใช้การได้ปกติ เพราะได้มีเจ้าหน้าที่เข้ามาแก้ใขใช้งานได้แล้ว โดยเฉพาะเสาไฟจราจรที่มีการหักล้มอยู่ได้ถูกติดตั้งขึ้นมาใหม่ไฟติดครบ และมีการทาสีเรียบร้อย 

ผู้สื่อข่าวได้ไปพูดคุยกับ นายวรสรณ์ อายุ 32 ปี เปิดร้านยางอยู่ติดกับแยกไฟแดงตลาดลาว ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่าสี่แยกดังกล่าวก่อนหน้านี้ไฟแดงมักจะเสียประจำ บางวันก็ดับ บางวันก็ติด คนที่ไม่รู้เป็นคนต่างพื้นที่ พอขับมาเจอไฟไม่ติดก็ขับผ่านแยกมาจนบางครั้งมาบีบแตรไล่กันอยู่กลางสี่แยกซึ่งตนเองได้ยินจนชินเพราะร้านอยู่ติดกับแยกนี้ 

อย่างไรก็ตาม จากการสังเกตสี่แยกแห่งนี้จะเป็นทางแยกใหญ่วิ่งเข้า-ออกนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จึงทำให้รถทางตรงจะวิ่งด้วยคามเร็วสูงและตรงเกาะกลางถนนยังมีต้นไม้บดบังทัศนวิสัยจราจรทำให้รถที่จะข้ามแยกนี้มองไม่เห็นรถที่วิ่งมาทางตรงว่าจะจอดหรือไม่จอด จนเกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้ง ซึ่งชาวบ้านต่างทราบกันดีและรู้ดีจึงวอนฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผู้รับผิดชอบเข้ามาดูแลแก้ไข ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยจนเกิดอุบัติเหตุสลดดังกล่าว 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook