หมอเจ้าของคลินิกเสริมความงาม ถูกผัวใช้สากทุบดับ ฉุนถูกเมียด่าปมลูก 5 ขวบอึ

หมอเจ้าของคลินิกเสริมความงาม ถูกผัวใช้สากทุบดับ ฉุนถูกเมียด่าปมลูก 5 ขวบอึ

หมอเจ้าของคลินิกเสริมความงาม ถูกผัวใช้สากทุบดับ ฉุนถูกเมียด่าปมลูก 5 ขวบอึ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อดีตโปรแกรมเมอร์ ฟิวส์ขาด คว้าสากหินอ่างศิลาทุบหัวฆ่าเมีย เจ้าของคลินิกเสริมความงาม ฉุนด่าไม่เลิก ปมลูก 5 ขวบ อึ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (5 พ.ค.) เมื่อเวลา 08.00 น. พ.ต.ท.คณสร นักเรียน สว.(สอบสวน) สน.ทุ่งมหาเมฆ รับแจ้งเหตุฆ่ากันตายภายในคลินิกเวชกรรมแห่งหนึ่ง ในซอยศรีบำเพ็ญ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กทม. 

ที่เกิดเหตุเป็นคลินิกเสริมความงาม ภายในมีอาคารบริการลูกค้า สูง 4 ชั้น เชื่อมติดกับอาคารที่พักอาศัย จำนวน 3 อาคาร ปลูกอยู่ในรั้วรอบขอบชิดบนพื้นที่ประมาณ 1 ไร่

จากการตรวจสอบห้องครัวชั้นล่างบริเวณอาคารด้านในสุด ซึ่งเป็นที่พักอาศัยพบศพ แพทย์หญิงนวพร อายุ 38 ปี เจ้าของคลินิก สภาพนอนหงาย สวมชุดนอนกระโปรงสีฟ้า มีบาดแผลถูกทุบด้วยของแข็งเข้าที่กลางกระหม่อมศีรษะ 1 แผล และที่ใบหน้าอีก 2 แผล เลือดนองเกลื่อนพื้น ใกล้กันพบสากกระเบื้องหินอ่างศิลาเปื้อนเลือดตกอยู่ 1 อัน จึงเก็บรวบรวมรายละเอียดที่พบไว้เป็นหลักฐาน

ส่วนผู้ก่อเหตุไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นสามีผู้ตายยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ที่บ้านพัก ชื่อ นายจุลพงษ์ อายุ 38 ปี เบื้องต้นจึงถูกควบคุมตัวไปทำการสอบสวนที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ

โดยเจ้าตัวยอมรับว่า แต่งงานอยู่กินกับผู้ตายมานาน 7 ปี มีลูกสาววัย 5 ขวบ ด้วยกัน 1 คน อดีตทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ของบริษัทแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดชลบุรี แต่ตกงานมาได้สักระยะแล้วจึงทำหน้าที่เลี้ยงลูกเพียงลำพัง ส่วนผู้ตายทำงานแค่คนเดียว

ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมากำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ เตรียมจะออกจากบ้านพาลูกสาวไปเรียนว่ายน้ำ จู่ๆ ลูกสาวก็ถ่ายอุจจาระออกมา ทำให้ถูกผู้ตายติติงว่า ไม่จัดการดูแลความสะอาดของลูกให้ดีจึงเกิดมีปากเสียงกัน แม้พยายามเดินหนีเข้าไปภายในห้องครัว แล้วแต่กลับถูกผู้ตายเดินมาด่าซ้ำ จนเกิดบันดาลโทสะคว้าสากหิน กระหน่ำทุบไปหลายครั้ง จนแน่นิ่ง และมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้หลบหนีไปไหน

ด้าน พ.ต.อ.กฤษดา กล่าวว่า เบื้องต้นจึงควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน ก่อนแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ส่วนร่างผู้ตายนั้นจะมอบให้แพทย์นิติเวชนำไปดำเนินการผ่าชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนประสานให้ญาติมาดำเนินการรับศพไปบำเพ็ญกุศลตามพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook